“บ้านที่น่าอยู่ควรมีลักษณะอย่างไร” ถือเป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตที่เจ้าของบ้านมือใหม่หลายคนสงสัยอยู่น้อย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว นอกจากจะถูกหลักฮวงจุ้ยเพื่อเสริมความเป็นมงคลให้กับผู้อยู่อาศัยแล้ว “สุขภาพกายและใจ” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจก่อนวางแผนจัดบ้านทุกครั้ง เพราะลองคิดดูง่าย ๆ หากบ้านได้รับการตกแต่งที่หรูหรา หรือ โมเดิร์นมากแค่ไหน แต่หากอยู่แล้วไม่สบายใจ มีปัญหาสุขภาพ บ้านดังกล่าวก็อาจไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยก็เป็นได้
ดังนั้น เพื่อช่วยให้เจ้าของบ้านทุกคนได้จัดบ้านให้น่าอยู่และรู้ว่าการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ถูกสุขลักษณะเพื่อสุขภาพกายและใจเป็นอย่างไร วันนี้ Baania จะไปรู้จักกับเทคนิคที่เรียกว่า “การจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเยียวยา” หรือ “Healing Environment” ที่แม้จะมาจากการออกแบบสถานพยาบาล แต่ในต่างประเทศก็ได้เริ่มมีการนำมาใช้กับบ้านพักอาศัยอีกด้วย แล้ววิธีการจัดบ้านสไตล์นี้จะมีขั้นตอนอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วมาลุยกันเลย!
การจัดการบ้านการเรือนให้น่าอยู่เริ่มต้นง่าย ๆ จากการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน โดยเจ้าของบ้านและทุกคนในครอบครัวอาจเปลี่ยนของแต่งบ้านบางชิ้นเป็นสิ่งของจากธรรมชาติ เช่น อาจเลือกเป็นต้นไม้สีเขียวที่ปลูกในร่มได้อย่างต้นยางอินเดีย ต้นกล้วยไม้ หรือไทรใบสัก หรือสำหรับใครที่อยากได้ความร่มรื่นและความสงบก็อาจเพิ่มของตกแต่งอย่างน้ำพุเล็ก ๆ ในการจัดบ้านได้เช่นกัน ซึ่งการเพิ่มมุมธรรมชาติในบ้านนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ พร้อมความผ่อนคลายภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้ครอบครัวในมีกิจกรรมและเวลาร่วมกันมากขึ้นอีกด้วย
รู้หรือไม่? การเลือกรูปภาพตกแต่งในบ้านนั้นไม่ได้ช่วยเพิ่มความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศและความรู้สึกต่าง ๆ ภายในบ้านได้อีกด้วย โดยในระหว่างการจัดบ้านนั้น ทุกคนในครอบครัวควรมาตกลงและคุยกันให้เรียบร้อยว่าแต่ละคนอยากบรรยากาศแบบไหนในแต่ละมุมของบ้านบ้าง เช่น หากต้องการสร้างมุมสงบ รูปภาพป่าที่มีแสงแดดส่องก็จะช่วยทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายได้ หรือ หากอยากได้มุมที่ปลอดโปร่ง มีอิสระ และผ่อนคลายสำหรับห้องนั่งเล่น การเลือกภาพท้องฟ้า นก หรือทะเลก็จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้รู้สึกสดชื่นและโล่งมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี หากบ้านไหนเป็นคนชอบงานศิลปะก็สามารถนำภาพสบายตา เห็นแล้วรู้สึกไม่ซับซ้อนจนปวดหัวมาไว้ภายในบ้านได้ เพราะหากเป็นรูปภาพที่ต้องตีความมากมาย หรือมีรายละเอียดมากจนเกินไปก็อาจทำให้รู้สึกวุ่นวายและปวดหัวได้ แต่หากใครมีรสนิยมเกี่ยวกับงานศิลปะแบบเฉพาะเป็นของตัวเองก็สามารถจัดบ้านให้น่าอยู่ในแบบที่ต้องการได้เช่นกัน
ในช่วงเช้าตรู่ การเปิดหน้าต่างรับแสงแดดทางทิศตะวันออกจะสามารถช่วยให้รู้สึกตื่นตัวในช่วงเช้าได้โดยไม่ต้องพึ่งพากาแฟ อีกทั้งยังช่วยทำให้รู้สึกว่าบ้านอบอุ่นขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ถูกสุขลักษณะยังต้องอาศัยการพิจารณาแสงในแต่ละช่วงของวันด้วย เพราะตัวแสงแดดนั้นถือเป็นยากำจัดเชื้อโรค กลิ่นอับ และแบคทีเรียในบ้านได้เป็นอย่างดี ทำให้ช่วยป้องกันสุขภาพกายของคนในบ้านได้อีกด้วย ที่สำคัญ แสงแดดจากธรรมชาติยังช่วยทำให้บ้านดูสดใส ไม่หดหู่หม่นหมองอีกด้วย แต่สำหรับใครที่กลัวบ้าน หรือ ห้องนอนจะมีความร้อนสะสมก็สามารถปิดม่านกันความร้อนแดดบ่ายทางทิศตะวันตกได้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการจัดห้องนอนให้ถูกสุขลักษณะได้อีกด้วย
Tips: นอกจากจะเปิดม่านรับแสงแดดแล้ว อย่าลืมเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทด้วย เพราะจะช่วยเพิ่มอากาศสดชื่นเข้ามาภายในบ้าน และลดการสะสมเชื้อโรค รวมถึงกลิ่นอับภายในบ้านได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“การงาน” และ “การพักผ่อน” ถือเป็นปัจจัยหลักในชีวิตของทุกคน ดังนั้น การเลือกตำแหน่งของเตียงนอนและโต๊ะทำงานจึงมีความสำคัญไม่แพ้กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ซึ่งในระหว่างการจัดบ้านนั้น เจ้าของบ้านไม่ควรจัดเตียงและโต๊ะทำงานให้มองเห็นหน้าต่างได้โดยตรง เนื่องจากจะกวนสมาธิทำงานและทำให้นอนหลับพักผ่อนยาก ซึ่งสำหรับวิธีการจัดบ้านให้น่าอยู่และเหมาะสมนั้น ตำแหน่งเตียงและโต๊ะทำงานควรจะอยู่ด้านข้างของหน้าต่างแทน และวิวบริเวณหน้าต่างควรจะเป็นวิวต้นไม้เพื่อเพิ่มความร่มรื่นและพลังในการโฟกัสกิจกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น
หากถามว่าบ้านที่น่าอยู่ควรมีลักษณะอย่างไร มั่นใจได้เลยว่าหลาย ๆ คนอาจจะเลือกตอบว่า “บ้านที่มีมุมส่วนตัว” ที่เหมาะกับทุกความต้องการของตัวเอง โดยการทำมุมส่วนตัวของตัวเองนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ตามความต้องการของสมาชิกแต่ละคน เช่น ถ้าชอบอ่านหนังสือก็ควรจัดให้มีเก้าอี้นั่งอ่านหนังสือดี ๆ สักตัวที่อยู่ใกล้กับชั้นหนังสือ ถ้าชอบดูหนังก็ควรจัดให้มีห้องดูหนังที่เก็บเสียง หรือถ้าชอบฟังเพลงก็อาจจะเลือกวางเครื่องเสียงไว้กลางบ้าน เพื่อให้สามารถฟังเพลงได้ระหว่างทำกิจกรรมภายในบ้าน
Tips: ก่อนจะตกลงเรื่องมุมส่วนตัวและงานอดิเรกของแต่ละคน อย่าลืมตกลงและทำความเข้าใจให้เรียบร้อยในทุก ๆ เรื่องเพื่อป้องกันการทะเลาะผิดใจกันด้วย เพียงเท่านี้ก็สามารถจัดบ้านให้น่าอยู่และถูกสุขลักษณะของกิจกรรมต่าง ๆ ได้แล้ว
บ่อยครั้งที่ทำเลที่ตั้งของบ้านมักนำพลังงานลบและความเครียดเข้ามาในบ้าน ไม่ว่าจะมลภาวะเสียง ฝุ่น ควัน หรือในบางครั้งก็รวมไปถึงเพื่อนบ้าน แต่อย่างไรเสีย เมื่อเข้ามาในพื้นที่ที่เราสามารถจัดการได้อย่างภายในบ้าน Baania ขอแนะนำให้ทุกคนเลือกพิจารณาเป็นปัญหาที่เราจัดการได้ และ ปัญหาที่เราจัดการไม่ได้ เช่น หากบ้านตั้งอยู่ทำเลติดถนนที่มีเสียงดัง ถ้ายังไม่สะดวกจะย้ายบ้าน การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ถูกสุขลักษณะก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการติดตั้งที่กั้นเสียง หรือ หาต้นไม้มาเป็นแนวกันเสียง หรือแม้แต่ปัญหากลิ่นขยะ เราเองก็อาจมีวิธีจัดบ้านให้ถูกสุขลักษณะโดยการไม่ทิ้งขยะไว้ในที่เหนือลม และพยายามปลูกต้นไม้และดอกไม้เพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์และกลิ่นหอมจากธรรมชาติในบ้าน และช่วยให้ลมให้พัดสิ่งดี ๆ และอากาศที่สดชื่นเข้ามาในบ้านแทน เป็นต้น
ซึ่งหากเราจัดการปัญหาโดยรอบและลดพลังงานลบไปได้บ้าง Baania ยังขอแนะนำเพิ่มอีกนิดให้เจ้าของบ้านจัดการพื้นที่ในบ้านให้สะอาด พร้อมมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยทำให้บ้านรู้สึกน่าอยู่ขึ้น อีกทั้งยังสร้างพลังงานบวกให้กับบ้านได้อีกด้วย
จบลงไปแล้วกับ 6 วิธีจัดบ้านให้น่าอยู่และถูกสุขลักษณะ จะเห็นได้ว่าแต่ละวิธีไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความปรองดองและจัดการพื้นที่ในบ้านได้อย่างลงตัวกับความต้องการของสมาชิกในบ้านทุกคนเท่านั้น แต่ยังช่วยดูแลทั้งสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงได้อีกด้วย แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะนำวิธีการจัดบ้านที่นำมาฝากนี้ไปใช้ที่ไหน Baania ก็มาพร้อมกับบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบทั่วไทยให้ทุกคนได้เลือกพิจารณาตามความต้องการ มั่นใจ! ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนอยากมีบ้านได้จริง