ตลาดรับสร้างบ้านส่งสัญญาณฟื้นตัวมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้วและต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกของปี 2561 ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจรับสร้างบ้านเริ่มขยับทำตลาดกันอีกรอบ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่สัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนกว่าในภูมิภาคที่ราคาสินค้าเกษตรยังไม่ดีขึ้น และผลของการเติบโตทางเศรษฐกิจยังไม่กระจายไปถึงมากนัก
ล่าสุดในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials FOCUS 2018 ที่จัดโดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2561 ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ 1-2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สะท้อนความเคลื่อนไหวของบริษัทให้บริการรับสร้างบ้านได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการนำเสนอเทรนด์แบบบ้านรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมในการสร้างบ้านและวัสดุก่อสร้าง และที่ขาดไม่ได้คือ การแข่งขันที่เข้มข้น โดยเฉพาะแคมเปญลดราคา เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
รับสร้างบ้านไตรมาสแรกโตรับศก.ฟื้น
นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ตลาดรับสร้างบ้านโดยภาพรวมมีสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ที่มีความชัดเจนว่าดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยเป็นไปในทางที่ดีขึ้น มีสัญญาณปัจจัยบวกจากการบริโภคภายในประเทศขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2560 จากการใช้จ่ายด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ การขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งผู้ประกอบการมีการปรับแผนและพัฒนากลยุทธ์เพื่อนำเสนอ สินค้าและบริการที่จะเพิ่มขีดความสามารถและการแข่งขัน
สำหรับงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials FOCUS 2018 ในครั้งนี้ แต่ละบริษัทที่เข้าร่วมงานได้นำแบบบ้านหลากหลายสไตล์ ทั้งที่เป็นเทรนด์แบบบ้านรุ่นใหม่ล่าสุดและรุ่นยอดนิยม มาจัดแคมเปญพิเศษหลายรูปแบบ ให้กับลูกค้าที่ตัดสินใจจองบ้านในงานโดยเฉพาะจะมีหลากหลายทั้งแคมเปญส่วนลดเงินสด แถมวัสดุตกแต่ง และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น พร้อมทั้งการนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยี ของวัสดุ และการก่อสร้างบ้านมานำเสนอให้กับผู้บริโภค โดยตั้งเป้ายอดขาย 4 วันราว 1,100 ล้านบาท จากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น รวมถึงบริษัทต่างๆ ที่ได้มีการเปิดตัวแบบบ้านใหม่
อัดโปรฯหั่นราคา30% เร่งปั๊มยอดขาย
สำหรับโปรโมชั่นในงานรับสร้างบ้าน ส่วนใหญ่เสนอเงื่อนไขราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ เช่น บริษัท ซีคอนโฮม และบริษัทในเครือมอบส่วนลด 15-20% บริษัท มาสเตอร์ แปลน 101 มอบส่วนลดพิเศษมูลค่า 2.9 ล้านบาท เฉพาะลูกค้าที่จองในงานนี้เท่านั้น บริษัท รอแยลเฮ้าส์ ให้ส่วนลด 8-15% แถมทองคำ 1บาท เมื่อจองบ้านเกิน 3.5 ล้านบาทบริษัท ลีอาร์คีเทค ส่วนลดสูงสุด 1.5 ล้านบาท พร้อมขยายเวลา
บริษัท แลนดิ้ โฮม (ประเทศไทย) ให้ส่วนลดสูงสุด 30% และส่วนลดเพิ่ม จองเท่าไหร่ลดเท่านั้นสูงสุดถึง 2.5 แสนบาท กลุ่มบริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด มอบส่วนลดสูงสุดกว่า 1 ล้านบาท รับเพิ่มอีก 3% เพื่อใช้ในการตกแต่งภายในให้บ้านสวยทั้งภายนอกและภายใน บริษัท ดับบลิวเฮาส์ จองเท่าไหร่ลดเท่านั้น สูงสุด 1 ล้านบาท บริษัท ทีระพัฒน์ คอร์ปอเรชั่น คฤหาสน์หรูรับส่วนลด 30% แบบบ้านทีรพัฒน์ ไลท์ ลด 15% บริษัท อยุธยาสร้างบ้าน จำกัด รับส่วนลดพิเศษ 12% และลุ้นจับฉลากส่วนลดเพิ่ม 2 แสนบาท
4 เทรนด์แบบบ้านยอดนิยมปี 61
สำหรับเทรนด์แบบบ้านในปี 2561 นั้นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งจากสภาพภูมิอากาศ รวมถึงโครงสร้างประชากรศาสตร์ที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วนประชากรสูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มากที่สุดในอาเซียน โดยคิดเป็น 10% ของประชากรทั้งหมด ดังนั้น การสร้างบ้านที่มีสมาชิกครอบครัวเป็นผู้สูงอายุจึงต้องออกแบบและปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยต่อเทรนด์การสร้างบ้านเปลี่ยนแปลงไปยุค 4.0
เทรนด์การสร้างบ้านในปี 2561 จะมี 4 เทรนด์หลัก ได้แก่ 1. Eco Friendly แบบบ้านประหยัดพลังงานและรักษ์โลก เป็นบ้านที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าโดยไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม บ้านลักษณะนี้ถูกออกแบบให้โปร่ง โล่ง สบายเพื่อรับลมและความเย็นจากธรรมชาติ และป้องกันความร้อนที่สะสมในบ้าน โดยทั่วไปการออกแบบบ้านลักษณะนี้จะเน้นวิถีทางธรรมชาติ แต่ต้องผสมผสานการออกแบบที่เตรียมสำหรับการทำให้เกิดความเย็นด้วยการพึ่งเทคโนโลยี โดยอาจติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน หรือติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเก็บเป็นพลังงานทดแทน
2. Cluster บ้าน 3 เจนเนอเรชั่น จัดเป็นบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่เป็นปู่ย่า ตายาย อาศัยอยู่ร่วมกันกับบ้านลูก บ้านหลาน ในพื้นที่เดียวกันหรือหลังเดียวกัน โดยมีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน และใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์กันอย่างอบอุ่น เป็นบ้านผู้สูงอายุที่ไม่โดดเดี่ยว
3.บ้านแบบครอบครัวขยาย Multi Family หรือบ้านหลายหลังในพื้นที่เดียวกัน ด้วยความนิยมแบบไทยและการมองถึงประโยชน์ร่วมของการอยู่รวมกันแบบเป็นครอบครัวใหญ่ บ้านแบบนี้มักมีลักษณะอยู่อาศัยแบบหลายครอบครัว ซึ่งขยายพื้นที่ใช้สอยออกไปได้ทั้งไปแนวสูงหรือแนวกว้าง แล้วแต่ขนาดของที่ดิน แยกเป็นบ้านของพ่อแม่ ลูกชาย ลูกสาว หรือพี่น้อง ที่ตัดสินใจสร้างบ้านพักอาศัยอยู่บนพื้นที่เดียวกัน แต่ยังคงความเป็นส่วนตัว รวมทั้งมีส่วนบริการ สันทนาการร่วมกัน เช่น สระว่ายน้ำ ห้องทานอาหาร ฟิตเนส หรือสวนของบ้านนั่นเอง
4.Innovative Living บ้านอัจฉริยะ ทุกบ้านจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการอำนวยความสะดวกสำหรับการอยู่อาศัย โดยคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า บ้านที่สร้างใหม่ทุกหลังจะเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบบางอย่าง เช่น สามารถสั่งการด้วยเทคโนโลยี หรือ Gesture Control สั่งการด้วยเสียง เช่น เปิด-ปิดไฟฟา ผ้าม่าน เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น