ดี-แลนด์ตั้งเป้าพันล้าน ปี 60 บุก‘ระยอง-นนทบุรี’ 2 โครงการใหม่

ดี-แลนด์ กรุ๊ป กางแผนปี 60 เตรียมบุกตลาดอสังหาฯ ระยอง – นนท์ เปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่าร่วม 2,000 ล้าน พร้อมตั้งเป้าสิ้นปีโกยรายได้ 1,000 ล้าน ชี้ตลาดกรุงเทพฯ ตอนใต้ยังโตต่อเนื่อง เหตุการลงทุนภาครัฐดันความต้องการที่อยู่อาศัย

นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทฯมีแผนพัฒนา 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดระยองและจังหวัดนนทบุรี โดยในส่วนของระยองจะพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ ในอำเภอปลวกแดง บนพื้นที่ 90 ไร่ จำนวน 800 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท แต่ละโครงการแบ่งออกเป็น 6-7 เฟส ระดับราคาขายอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 ล้านบาท

โดยอีกหนึ่งโครงการเป็นโครงการแนวราบย่านไทรม้า อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ปัจจุบันมีที่ดินรอพัฒนาแล้ว ขนาด 24 ไร่ เบื้องต้นจะพัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ จำนวน 200 หน่วย มูลค่าโครงการประมาณ 400-500 ล้านบาท ราคาขายต่ำกว่า 2 ล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทยังได้มีการเจราซื้อที่ดินขนาด 40 ไร่ย่านไทรม้าเพิ่มอีก 1 แปลง หากการเจราเป็นผลสำเร็จก็จะนำที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม

"สำหรับเป้ารายได้ในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีรายได้อยู่ที่ 900 ล้านบาท เหตุที่บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนยังคงอยู่ แต่มีแนวโน้มลดลง โดยรายได้ปี2559 บริษัททำได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 20% สาเหตุมาจากสถาบันการเงินมียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 40% ทำให้มีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ"

ด้านภาพรวมตลาดอสังหาฯในโซนตะวันออกและกรุงเทพฯตอนใต้ ย่านพระราม 2 –สมุทรสาคร พบว่า ในช่วงที่ผ่านมายังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักในการเดินทางสู่ภาคใต้ และเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า ประกอบกับมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของภาครัฐเป็นตัวสนับสนุน ซึ่งจะก่อให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยตามมาในอนาคต

สำหรับความคืบหน้าด้านยอดขายของโครงการ เดอะ พราว (The Proud) พระราม 2 – พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทพัฒนา โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 5 เฟส ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว ขนาด 50.4-94.5 ตารางวา ราคา 4.8-6 ล้านบาท รวม 110 หน่วย มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท ปัจจุบันในส่วนของเฟส 1 ได้ปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของเฟส 2 และเฟส 3 คาดว่าจะปิดยอดขายได้ภายในเดือนเมษายนประมาณ 20 หน่วย คิดเป็นมูลค่ารวม 100 ล้านบาท

ที่มา : thansettakij