Baania
Baania
จังหวัด
ประเภทประกาศ
ประเภทอสังหาริมทรัพย์
ราคา

บิ๊กอสังหาฯ เปิดศึกบ้านแนวราบ โหมผุดโครงการชิงยอดขาย

x
คลิกที่นี่ เพื่อฟังบทความ

เกือบๆ 5 เดือนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 มีสัญญาณยืนยันชัดเจนว่า สมรภูมิที่อยู่อาศัยแนวราบนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าสมรภูมิใดๆ หากจำกันได้ Baania เคยรวบรวมแผนลงทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในปีนี้ล้วนพุ่งเป้าไปที่ตลาดแนวราบเกินกว่าครึ่ง สังเกตจากอีเวนต์เปิดโครงการใหม่ในช่วงที่ผ่านมา ล้วนแล้วแต่เป็นการเปิดตัว ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด แซงหน้าอีเวนต์เปิดตัวคอนโดมิเนียมไปแล้ว ณ เวลานี้ 

อิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงนี้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบกันมาก เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการ โดยหันมาพัฒนาสินค้าที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นฐานตลาดที่ใหญ่  มีอัตราการขายและการรับรู้รายได้ที่ค่อนข้างดี 

ขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีการประเมินกันมาแล้วก่อนหน้าว่า แม้คอนโดมิเนียมจะยังเป็นที่ต้องการสูง แต่ด้วยต้นทุนที่ดินที่แพงขึ้น ประกอบกับ การขยายเส้นทางของรถไฟฟ้าหลายสายออกไปสู่เขตเมืองชั้นนอก ทำให้ ทาวน์เฮาส์ หรือทาวน์โฮม เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ หากต้องจ่ายในราคาเท่าๆ กัน และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อกระแสตอบรับของทาวน์เฮาส์ และทาวน์โฮม หลายๆ โครงการเป็นไปอย่างคึกคัก และยังมีโครงการใหม่ๆ จากบิ๊กอสังหาฯ ไปจนถึงรายกลาง รายเล็ก ทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้การแข่งขันเพิ่มดีกรีความรุนแรงยิ่งขึ้นเช่นกัน

โกลเด้นแลนด์ผุด3โครงการใหญ่1.7หมื่นล้าน
ภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ "โกลเด้นแลนด์" ยอมรับว่า ตลาดแนวราบมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยพบว่า 10 อันดับบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ได้เพิ่มพอร์ตสินค้าแนวราบทั้งหมด ซึ่งเป็นการปรับแผนพัฒนาโครงการให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด ส่งผลให้ปริมาณโครงการแนวราบ(ซัพพลาย)  เพิ่มขึ้นอย่างมากประมาณ 10-20% มีโครงการใหม่เกิดขึ้นในทุกกลุ่มราคา

คาดว่าในปี 2562 การแข่งขันจะรุนแรงและหนักขึ้น ขณะที่ความต้องการซื้อในที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบยังเติบโต สวนทางกลับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ที่ค่อนข้างชะลอตัว โครงการที่จะเกิดขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าเริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น เนื่องจากที่ดินหายากมีมูลค่าสูง

ขณะเดียวกัน โกลเด้น แลนด์ ได้ประกาศรุกหนักโครงการบ้านแนวราบอีกระลอกใหญ่ๆ โดยวางเป้าเปิดโครงการขนาดใหญ่อีก 3 โครงการ รวมมูลค่า16,000-17,000 ล้านบาท มีขนาดที่ดินเกินกว่า 100 ไร่ ในแต่ละโครงการจะมีการมีโครงการอยู่ภายในอาณาจักรประมาณ 4-5 โครงการแล้วแต่เนื้อที่โครงการ ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการ "โกลเด้น เอ็มไพร์ บางแค" ซึ่งภายในโครงการประกอบไปด้วย 4 โครงการ บนพื้นที่กว่า 170 ไร่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,100 ล้านบาท 

"ปีนี้ เรารุกตลาดบ้านแฝดอย่างเต็มที่ หลังจากปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จกับการขยายฐานลูกค้ากลุ่มทาวน์โฮม ปัจจุบัน บ้านแฝดมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 15% ของมูลค่าขายทั้งหมด ในแต่ละอาณาจักรจะมีการฝั่งโปรดักต์บ้านแฝดเข้าไป จับกลุ่มรายได้ประมาณ 40,000-70,000 บาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านแฝดอดีตจะมีความสามารถซื้อบ้านเดี่ยวไซต์เล็ก แต่ปัจจุบันราคาบ้านเดี่ยวแพงขึ้น" 
ขณะที่ วิรัชต์ มั่นเจริญพร กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว กล่าวว่า ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้จากโครงการแนวราบอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านแฝด 2,500 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา บ้านเดี่ยว 4,000 ล้านบาท เติบโต 10%  และ ทาวน์เฮาส์ 9,500 ล้านบาท เติบโต 30% และตั้งงบจัดซื้อที่ดิน 12,000 ล้านบาท

เอพีปรับแผนลงทุน ลุยบ้านแนวราบเพิ่ม 
ก่อนหน้านี้ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) ก็ได้ประกาศ ปรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่ม โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่จะมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น 8 โครงการ และคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ  รวมแล้วทั้งปี 2561 เอพีจะมีโครงการเปิดใหม่มากถึง 43 โครงการ มูลค่า 64,750 ล้านบาท มูลค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเลยทีเดียว โดยในครึ่งปีหลังนี้ พร้อมที่จะเปิดเกมรุกตลาดแนวราบด้วยโครงการใหม่กว่า 30 ทำเล

อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษีท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่าตลาดอสังหาฯในไตรมาส 2 มีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มากสถานการณ์โดยรวมของตลาดโดยเฉพาะสินค้าแนวราบมีสัญญาณ การตอบรับที่ดีมาก ยอดขายและยอดรับรู้รายได้ในฝั่งของสินค้าแนวราบของเอพีปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ  เอพีจึงเดินหน้าปรับแผนธุรกิจด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มจากแผนเดิม


อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษีท เอพี (ไทยแลนด์)

แอล.พี.เอ็น.ขยายฐานตลาดกลาง-ไฮเอนด์
อีกบริษัทที่เริ่มขยายฐานมาสู่ตลาดบ้านแนวราบมากขึ้น คือ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ โดยใช้บริษัทในเครืออย่างบริษัท พรสันติ เป็นตัวรุกในแนวราบ พร้อมกับเป้าหมาย 3-5 ปีจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยแนวราบเป็น 50% หรือสัดส่วนเท่าๆ กับรายจากจากการขายคอนโดมิเนียม จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้บ้านแนวราบอยู่ที่ 10% 
จรัญ เกษร กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือ แอล.พี.เอ็น. กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทจะขยายตลาดบ้านแนวราบทั้งในกลุ่มราคา 2-3 ล้านบาท และระดับไฮเอนด์ไปพร้อมๆ กับสร้างแนวคิดชุมชนน่าอยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาที่ดินกระจายไปในทำเลต่างๆ โดยในปีนี้จะเปิดโครงการรวม 6 โครงการ เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการเดิม 5 โครงการ 
นอกจากนี้ จะมีโครงการในทำเลใหม่ 1 โครงการ ซึ่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัวไป ได้แก่ “บ้านลุมพินี ทาวน์พาร์ค ท่าข้าม-พระราม 2” สามารถปิดการขายบ้าน 2 แบบใหม่ ทาวน์โฮม 2 ชั้น และบ้านแฝด 2 ชั้น มียอดขายทะลุกว่า 500 ล้านบาท คิดเป็น 60% ของทั้งโครงการ และในเดือนก.ค. เตรียมจะเปิดตัวโครงการบ้านไฮเอนด์แบรนด์ บ้าน 365 ในเดือนก.ค.นี้

รายกลางผนึกพันธมิตรชิงแชร์รายใหญ่
ขณะที่ความเคลื่อนไหวอีกด้านหนึ่ง ผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก ก็พร้อมที่จะเปิดแนวรบบ้านแนวราบชิงแชร์กับรายใหญ่ ด้วยความได้เปรียบในแง่ของต้นทุนที่ดินที่ส่วนหนึ่งเป็นแลนด์แบงก์สะสม และการร่วมกับพันธมิตรเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ในการรุกตลาด ล่าสุด กลุ่ม ดี เวล แกรนด์ แอสเสทได้ร่วมกับกลุ่มเศรษฐีวรรณ ผู้ส่งออกข้าวลำดับต้นๆ ของไทย เปิดเกมรุกในตลาดทาวน์โฮม ใน 3 ทำเลเขตเมืองบน 3 ทำเล ได้แก่ พระราม 9, รัชดาภิเษก และรามคำแหง 

ถวนันท์ ธเนศเดชสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เวล แกรนด์ แอสเสท จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ลงนาม ในสัญญาความร่วมมือกับ เศรษฐีวรรณ ในสัดส่วน 60 : 40  (ดี เวล : เศรษฐีวรรณ) เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบเป็นทาวน์โฮมระดับลักชัวรี่ แบรนด์ ไอเรส ราคาเริ่มต้น 14 – 25 ล้าน 3 โครงการ บน 3 ทำเลศักยภาพ ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ (New CBD) ได้แก่ พระราม 9,  รัชดาภิเษก 19 และรามคำแหง ด้วยมูลค่าโครงการรวมประมาณ 700 ล้านบาท 

“การนำศักยภาพของทั้ง 2 บริษัท มาใช้ร่วมกันเพื่อพัฒนาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ในฝั่ง ดี เวล มีความเข้าใจในความต้องการของคนรุ่นใหม่ และเน้นการพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเรา ในขณะที่ เศรษฐีวรรณ ที่มีประสบการณ์ด้านโครงการอพาร์ทเม้นท์ให้เช่ามานานจึงมีความเป็น Synergy ที่ดีในอนาคต และเมื่อใช้ความสามารถของทั้ง 2 ฝั่งร่วมกัน เรามั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาโครงการที่ดีเยี่ยมได้อย่างแน่นอน” 


ถวนันท์ ธเนศเดชสุนทร จาก ดีเวลฯ (ซ้าย)และ พงษ์ชัย เศรษฐีวรรณ จากกลุ่มเศรษฐีวรรณ(ขวา)

ด้าน พงษ์ชัย เศรษฐีวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท เศรษฐีวรรณ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความสนใจในการลงทุนโครงการแนวราบมานานพอสมควร ซึ่งที่ผ่านมาเคยทำธุรกิจด้านอพาร์ตเมนต์หรูและอาคารสำนักงานให้เช่ามาก่อนแล้ว จึงมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ที่มีมากว่า 30 ปี ในด้านการบริหารจัดการโครงการ ผนวกกับความรู้ความชำนาญของ ดี เวล แกรนด์ แอสเสท ที่ได้รับรางวัลระดับเอเชีย ความร่วมมือครั้งนี้จะสามารถสร้างความสำเร็จ และความแตกต่างที่ตอบโจทย์ความต้องการ รวมถึงสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าในตลาดกลุ่มนี้ได้

เช่นเดียวกับบริษัท เอสเตท กูรู จำกัด ที่นำที่ดินในสต๊อกหลายแปลงมาพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ทั้งในกทม. และพุ่งเป้าไปที่พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี รองรับคนทำงานที่จะมีจำนวนมหาศาล นายสรวุฒิ มานะสมจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเตท กูรู กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่าประมาณ 880 ล้านบาท  ได้แก่ เฟสต่อเนื่องในโครงการวิสทาวน์ เพชรเกษม 91 โครงการวิสทาวน์ พัทยา-เขาตาโล และโครงการวิสทาวน์ แม่น้ำคู้-ปลวกแดง จังหวัดระยอง 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการอีกประมาณ 28 แปลง ทั้งโซนพระราม 2 กว่า 14 ไร่ บางบอน 4 ไร่ และในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใกล้นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน รวมถึงได้เตรียมงบลงทุนซื้อที่ดินปีนี้อีก 300 ล้านบาท พิจารณาอยู่หลายแปลง เช่น โซนพุทธมณฑล รามอินทรา เป็นต้น 

ทั้งหมดนี้คือ ความเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งของตลาดบ้านแนวราบที่ชี้ให้เห็นถึงความร้อนแรงเกินกว่าใครในเวลานี้

Baania มี Line แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวอสังหาริมทรัพย์แบบอินเทรนด์ ได้ทุกวันผ่าน Line ID @baania

 

ประกาศยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

โครงการยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร