ตลาดเซรามิก ยังไม่มีปัจจัยบวก ขณะที่อัตราการเติบโตเป็นศูนย์เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาโดยเติบโตเล็กน้อยประมาณ 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน สอดคล้องกับการอัตราขยายตัวด้านเศรษฐกิจ (GDP) ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดประมาณการอัตราขยายตัว GDP ปีนี้ลงเหลือเติบโตที่ 2.8% ต่อปี จากเมื่อเดือน มิ.ย.2562 โดยตัวเลขคาดการณ์เติบโตไว้ที่ 3.3%
จากภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดย่อมผลกระทบต่อยอดขายสินค้าในส่วนของตลาดระดับกลางลงมา
แผนกลยุทธ์ เอสซีจี เซรามิกส์ จากนี้ให้ความสำคัญกับตลาดระดับบนมากขึ้นซึ่งพบว่ายังมีแนวโน้มที่ดี ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่สามารถแข่งขันได้
“ในไตรมาสนี้บริษัท ฯ มีค่าใช้จ่ายลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสที่ผ่านมา ประกอบกับ ยังคงรักษาวินัยด้านต้นทุนด้านการผลิตได้ตามเป้าหมาย จึงทำให้สามารถแข่งขันและทำกำไรได้” นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้ แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) มองถึงโอกาสทางการตลาดที่เกิดขึ้นได้ในกลุ่มกำลังซื้อระดับบน
แผนสร้างแบรนด์ COTTO ให้แข็งแกร่งเริ่มดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี2562 ด้วยการปรับปรุงและเปิดดำเนินการ “COTTO Life” แห่งแรกที่ เอสซีจี เอ็กซ์พีเรียนซ์ คริสตัล ดีไซน์เซ็นเตอร์ โฟกัสในกลุ่มเจ้าของบ้านและผู้ที่กำลังจะสร้างบ้านในระดับราคาสูงกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป ถึงเวลานี้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยแล้วประมาณ 500 รายต่อเดือน มียอดขายเฉลี่ยประมาณ 26,000 บาทต่อราย และมีแนวโน้มยอดขายโตขึ้นเรื่อยๆ
โดยเตรียมขยาย COTTO Life สาขาที่ 2 ตั้งอยู่ที่ โครงการ CHOC ถนนมหิดล ใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูและเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือในหลาย ๆ ด้าน
อีกทั้งในย่านดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ศูนย์รวมสถาปนิก ทั้งบริษัทออกแบบ สถาปนิกอิสระ และบุคลากรทางการศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จาก 3 สถาบันชั้นนำ คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา วิทยาเขตพายัพ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้
จากประสบการณ์ของเรา ลูกค้ากลุ่มลูกค้าสถาปนิก นักออกแบบและบุคคลากรในวงการนี้ ส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบความพิเศษและความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร เราเข้าใจความต้องการของเขา ดังนั้นสินค้าที่นำมาจัดแสดงที่นี่จะเป็นสินค้าคอลเล็กชั่นพิเศษซึ่งจะมีจำหน่ายเฉพาะที่ COTTO Life เท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้เตรียมพื้นที่ Co-working Space เพื่อให้สถาปนิกหรือเจ้าของโครงการได้เข้ามาใช้พื้นที่ในการพบปะสังสรรค์ ประชุมหรือเสนองานกับลูกค้า
ลูกค้าทั่วไปก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อและรับบริการ โดยจะมีกระเบื้องเซรามิกที่คัดมาเป็นพิเศษให้เลือกทุกแบรนด์ ทั้งแบรนด์ COTTO แบรนด์ CAMPANA และแบรนด์ SOSUCO ครบทุกฟังค์ชั่น ตั้งแต่กระเบื้องขนาดเล็กไปจนถึงกระเบื้องขนาดใหญ่และโมเสก รวมถึงระบบและวัสดุในการติดตั้ง ที่สำคัญ คือ สินค้าทุกตัวที่โชว์มีสต็อกพร้อมขายและมีบริการจัดส่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังมี LIFE PARTNER และ CREATIVE DESIGNE ที่มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาด้านสินค้าและบริการออกแบบการใช้งานให้เหมาะกับพื้นที่เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นภาพจริงก่อนตัดสินใจและนำเสนอบริการติดตั้งจากผู้เชี่ยวชาญ
“เป็นการให้บริการครบ ตั้งแต่นำเสนอสินค้า ออกแบบ จนจบถึงงานติดตั้ง”
นอกจากด้านบริการ ในมุมมองของการพัฒนาประสิทธิภาพภายในก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับโครงการ “ซื้อขายไฟฟ้าผ่านคนกลางบน ESS Platform” ดำเนินการโดยหน่วยงาน Energy Solution Service ของ เอสซีจี เซรามิกส์ ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วม “โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน หรือ Energy Regulatory Commission Sandbox : ERC ดำเนินการโดย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ)
โครงการ “ซื้อขายไฟฟ้าผ่านคนกลางบน ESS Platform” นี้มีนวัตกรรมในรูปแบบกิจการธุรกิจใหม่ด้านพลังงาน และเป็น 1 ใน 34 โครงการที่ผ่านการคัดเลือกจากทั้งหมด 182 โครงการจากบริษัทชั้นนำระดับประเทศที่ส่งเข้ามาให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ) พิจารณา
โดยเป้าหมายของการทำงานในแพลตฟอร์มดังกล่าวเพื่อประสิทธิภาพและพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพราะตระหนักดีกว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท
สำหรับ งบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 มีรายได้จากการขาย 2,728 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน
ปัจจัยหลักเป็นผลมาจากยอดขายโดยรวมลดลงโดยเฉพาะในส่วนของสินค้าระดับกลางลงมา ในขณะที่สินค้าระดับบนและสินค้านำเข้ามีราคาขายเฉลี่ยลดลง อย่างไรก็ดี ยังมีผลกำไร 87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 180 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้นร้อยละ 312 จากไตรมาสก่อน จากการลดต้นทุนจากการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ตามเป้าหมาย ค่าใช้จ่ายลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสที่ผ่านมา