Baania
Baania
จังหวัด
ประเภทประกาศ
ประเภทอสังหาริมทรัพย์
ราคา

เอสซี ขยายพอร์ตแนวราบ ผุดทาวน์ชิพ 2 ทำเล

x
คลิกที่นี่ เพื่อฟังบทความ

เอสซี เร่งขยายตลาดบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท - ทาวน์โฮม 2-3 ล้านบาท เดินหน้าผุดทาวน์ชิพ 2 ทำเล กรุงเทพกรีฑา และ บางกะดี พร้อมเปิดแนวรุกอีอีซี ปักธงประเดิมที่ฉะเชิงเทรา วางโรดแมป 3 ปี SC RE-INVENTION ดันยอดขายรวม 6 หมื่นล้านบาท

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทจะขยายการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย แบ่งออกเป็น  โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยจะรักษาฐานผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 8 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท และทาวน์โฮม 2-3 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทจะขยายพื้นที่การพัฒนาโครงการไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องจากเห็นโอกาสของการเติบโตของเมืองจากโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โดยในปี 2563  จะมีสัดส่วนยอดขายที่อยู่อาศัยแนวราบในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดของบริษัทอยู่ที่ 90:10

ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียม SC และ SCOPE ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ SC ถือหุ้นอยู่ 90%  โดยมีนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ถือหุ้นอีก 10% และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เตรียมพัฒนาโครงการใหม่ใน 3 ปีนี้รวมกว่า 10 โครงการ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย และรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท มีการเติบโตประมาณ 11% และมีแผนจะเปิด 19 โครงการใหม่ มูลค่า19,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท พร้อมกับเตรียมงบสำหรับซื้อที่ดินในปีนี้อีก 10,000 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2017 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำยอดขายสร้างสถิติใหม่ทั้งยอดขายรวม 15,278 ล้านบาท และยอดขายแนวราบ 10,547 ล้าน

สำหรับ hi-light ของโครงการใหม่ในส่วนของโครงการแนวราบคือ โครงการทาวน์ชิพ 2 โครงการ ใน 2 ทำเล บนที่ดินผืนใหญ่ฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก บริเวณกรุงเทพกรีฑาเนื้อที่กว่า 115 ไร่ มีแผนพัฒนารวม 5 โครงการ มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มพัฒนาก่อน 2 โครงการ ในระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป และกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก บริเวณบางกระดี จ.ปทุมธานี เนื้อที่กว่า 200 ไร่  มีแผนพัฒนา 7 โครงการ มูลค่าราว 4,500 ล้านบาท ขายระดับราคากว่า 2 ล้านบาท ทั้ง 2 ทำเลจะเปิดขายในครึ่งปีหลังของปี 2561

นอกจากนี้ 50% ของโครงการใหม่จะเป็นแบรนด์ PAVE และ VERVE ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมระดับราคา 2-5 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดบ้านแนวราบกลุ่มนี้ในช่วงปี 2561-2563 ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมคือ โครงการ CENTRIC รัชโยธิน ทำเลใกล้ BTS สถานีรัชโยธินเพียง 150 เมตร เป็นอาคารสูง 21 ชั้น ขายราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลส์เดือน มีนาคม 2018 มีมูลค่า 1,500 ล้านบาท และ โครงการ THE CREST สุขุมวิท 23 มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท จะเปิดขายประมาณไตรมาสสี่ของปี

ส่วนที่ดินทำเลหลังสวนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ที่บริษัทซื้อมาขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะพัฒนาโครงการในรูปแบบใด แต่จะยังไม่พัฒนาโครงการในปีนี้ เนื่องจากบริษัทต้องการพัฒนาโครงการให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเป็นพื้นที่อยู่ในไพร์มแอเรีย และเห็นว่าตลาดซูเปอร์ลักชัวรียังมีความต้องการสูง ขณะที่ที่ดินสำหรับการพัฒนามีไม่มากนัก โดยเห็นว่าราคาขายมากกว่า 5 แสนบาท/ตารางเมตรยังมีความต้องการอยู่

นายณัฐพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้วางโรดแมป 3 ปี เพื่อการเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเรื่องของดิจิทัล เทคโนโลยี่ ที่เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทต้องปรับตัว ตามโลกที่หมุนในจังหวะใหม่ในยุค 4G ภายใต้แคมเปญ SC Re-invention 2020 ปรับวิธีคิดจากการเป็น Developer ก้าวสู่การเป็น Living Solutions Provider ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายใน ecosystem เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น โดยวางเป้าหมายจนถึงปีนปี 2563 บริษัทจะมียอดขายรวมมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ การก้าวสู่การเป็น Living Solutions Provider หรือการเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นการใช้ชีวิต จะประกอบด้วยกลยุทธ์ 4 ข้อ ได้แก่ 1. Re-invention จาก Developer สู่ Living Solutions Provider ผ่าน 3D ได้แก่  Digitiz ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานจาก analog เป็น digital เพื่อจะได้นำ data ทั้งในส่วนการทำงานและความต้องการของลูกค้า (insights) มาวิเคราะห์และพัฒนาให้ดีขึ้น Design ใช้หลัก human-centric ออกแบบสินค้า บริการ และโซลูชั่น โดยเริ่มต้นที่ทำความเข้าใจปัญหา หรือ pain points ในการใช้ชีวิตของลูกค้า และ Develop ประสานนวัตกรรม และพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพในทุกระดับราคา

กลยุทธ์ที่ 2 คือ Co-Creation ด้วยการร่วมกับพันธมิตรในระบบ ecosystem ส่งมอบ living solutions ทั้งการพัฒนาที่อยู่อาศัยและบริการหลังการขาย ให้ลูกค้าและชุมชนข้างเคียง ผ่าน  living solutions platform ที่ชื่อว่า Rue Jai โดยล่าสุดได้ร่วมกับ Fire one one ในการร่วมกันค้นหา living solutions ให้กับลูกค้า ส่วนกลยุทธ์ที่ 3 ได้แก่ Quality  First แบ่งเป็น 2 ส่วน ทั้งก่อนการโอน และหลังการอยู่อาศัย ด้วยการร่วมกับพันธมิตร และการใช้เทคโนโลยี เช่น TQM และ BIM เข้ามาช่วยลดข้อผิดพลาดทำให้ลดต้นทุนด้านการก่อสร้าง และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 

ส่วนกลยุทธ์ที่ 4. ได้แก่  Top-Line Growth เติบโตทั้งยอดขาย และรายได้ โดยมีอสังหาฯเพื่อขายทำหน้าที่หลักขับเคลื่อนการเติบโต ในขณะที่อสังหาฯเพื่อเช่าทำหน้าที่เป็น secured income ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่อาคารสำนักงานเพื่อเช่ารวม 110,000 ตรม. มีสัดส่วนของกำไรสุทธิ 1 ใน 4

 

ประกาศยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

โครงการยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร