Baania
Baania
จังหวัด
ประเภทประกาศ
ประเภทอสังหาริมทรัพย์
ราคา

ไม่หวั่นคุมสินเชื่อ อสังหาฯ เดินหน้าผุดโครงการใหม่

x
คลิกที่นี่ เพื่อฟังบทความ

อสังหาฯยังคึก เดินหน้าผุดโครงการไตรมาส 4 กันฝุ่นตลบ เอพี-แสนสิริ หวังปั๊มยอดขายทำนิวไฮท์ ชี้มาตรการคุมสินเชื่อไม่กระทบเรียลดีมานด์ที่มีการผ่อนดาวน์สูงอยู่แล้ว แนะแบงก์ชาติปลดล็อคซื้อบ้านหลังที่ 2 ที่ต้องการอยู่จริง

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 30,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77%  ของเป้ายอดขาย 39,800 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์และถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยแบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม 15,080 ล้านบาท และโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ 15,620 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีมูลค่ายอดขายรอโอน  (Backlog) มูลค่าสูงถึง 55,200 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบมูลค่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 45,200 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566 โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายรับรู้รายได้ 28,000 ล้านบาท ในปี 2561

สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 18 โครงการ มูลค่ารวม 31,230 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 14,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่า 7,840 ล้านบาท และทาวน์โฮม 10 โครงการ มูลค่า 9,390 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพัฒนา (Existing Projects) อีกกว่า 90 โครงการ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้ 39,800 ล้านบาท

ล่าสุดบริษัทเปิดตัวโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ‘THE PALAZZO ศรีนครินทร์’ ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 31 ไร่ จำนวน 52 ยูนิต ประกอบด้วย แบบบ้าน 3 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 391 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 102 ตารางวา  และพื้นที่ใช้สอย 547 ตารางเมตร ขนาดที่ดิน 160 ตารางวา  พร้อม Clubhouse สระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส และ Social Club ขนาดใหญ่ รองรับกิจกรรมสำหรับครอบครัวตลอด 365 วัน ราคาเริ่มต้น 29 – 60 ล้านบาท

 นายวิทการ กล่าวต่อว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมออกมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อบ้านหลังที่ 2 และบ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยการกำหนดอัตราส่วนการให้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านเทียบกับมูลค่าบ้าน หรือ LTV เหลือ 80%  ทำให้ต้องวางเงินดาวน์ ในการซื้อบ้าน 20% คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทบ้างแต่ไม่มาก เนื่องจากสัดส่วนที่อยู่อาศัยของบริษัทที่พัฒนาในระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนที่น้อยมากเพียง 2-3% และส่วนใหญ่ซื้อด้วยเงินสด ทำให้มาตรการดังกล่าวกระทบกับการขายโครงการในระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไปบ้าง แต่ไม่กระทบภาพรวมของบริษัทมากนัก

“สัดส่วนที่อยู่อาศัยของบริษัทที่พัฒนาและอยู่ระหว่างการขายกว่า 90 โครงการในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับราคา 5-7 ล้านบาท มีสัดส่วน 80% ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยการวางเงินดาวน์ของที่อยู่อาศัยแนวราบอยู่ที่ 15-20% ส่วนคอนโดฯวางเงินดาวน์ 20% ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทมากนัก เพียงแต่ว่าในบางโครงการที่อาจจะมีเงินดาวน์ไม่ถึงตามเกณฑ์ลูกค้าจะต้องมีการปรับตัวเล็กน้อย"

 อย่างไรก็ตาม บริษัทจะไม่เร่งโอนโครงการก่อนที่มาตรการใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2562 เพราะหากเร่งโอนมากจนเกินไป จะทำให้รายได้ในปี 2562 เทมาอยู่ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายยอดโอนในปี 2562 ซึ่งการโอนจะปล่อยให้เป็นไปตามแผนเพื่อทำให้เป้าหมายรายได้ในปีนี้เป็นไปตามที่ตั้งไว้ 28,000 หมื่นล้านบาท

นายวันจักร์  บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายยอดขายในปี 2561 จากเดิม 45,000 ล้านบาท เป็น 50,000 ล้านบาท จากที่บริษัทมียอดขายในรอบ 9 เดือน พุ่งสูงไปแล้วถึง 41,500 ล้านบาท คิดเป็น 92% จากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ แบ่งเป็นยอดขาย คอนโดมิเนียม 26,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 13,000 ล้านบาท และ ทาวน์เฮ้าส์ 2,500 ล้านบาท  โดยที่ทาวน์เฮาส์มีการเติบโตขึ้นเกือบ 90% คอนโดมิเนียมเติบโตขึ้นกว่า 81% และบ้านเดี่ยวที่เติบโตขึ้น 45%

นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าแสนสิริยังมีการตอบรับโอนที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยด้วยเงินสด ทำให้บริษัทไม่มีความกังวลต่อภาพรวมเรื่องสินเชื่ออสังหาฯ โดยเป้าหมายยอดขายที่มีการปรับใหม่เป็น 50,000 ล้านบาทนี้จะนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 30%

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายมีแผนเปิดตัวที่อยู่อาศัยที่จะรองรับเป้าหมายยอดขายใหม่ 50,000 ล้านบาท อีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 12,700 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ โดยบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายธุรกิจใหม่ตามที่วางไว้ซึ่งจะนับเป็นการสร้างประวัติการณ์ยอดขายใหม่ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปีของแสนสิรินับแต่มีการก่อตั้งบริษัทและเป็นปีที่ดีที่สุดของบริษัท

ล่าสุดนายสมเกียรติ หงษ์ทรัพย์ภิญโญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ กล่าวว่า ได้ตอบรับกับเป้าหมายใหม่ด้วยการมอบแคมเปญสุดพิเศษ “NOW IS THE TIME” หยุดทุกความสนใจกับดีลพิเศษแห่งปี ไฮไลท์แคมเปญด้วย ดอกเบี้ยต่ำ 0.88%  นาน 2 ปี พร้อมทั้งยูนิตสวยและข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย ครอบคลุมทั้งบ้าน ทาวน์เฮาส์ และดีคอนโด พร้อมอยู่ กว่า 30 โครงการ ทั่วประเทศ มอบให้แก่ลูกค้าแสนสิริส่งท้ายปลายปี เลยนับเป็นอีกช่วงเวลาดีสำหรับลูกค้าแสนสิริที่รอเวลาสำคัญนี้ ลูกค้าที่สนใจให้รีบซื้อเลย ไม่ต้องรอแล้วนะ ตั้งแต่ 1 ต.ค. -  15 ธ.ค. 61 เท่านั้น

นายวิจาร คุปติพงศ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิรยศ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจในปี2561 ว่าค่อนข้างดีมาโดยตลอด แต่อาจจะกระทบบ้างในบางเซ็กเมนต์ และยิ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยโดยให้มีอัตราส่วนการให้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านเทียบกับมูลค่าบ้าน Loan to Value (LTV)ลดลงเป็น 80% สำหรับบ้านหลังที่ 2 และบ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจะส่งผลกระทบในบางโครงการ แต่โครงการที่บริษัทพัฒนานั้นไม่มีผลกระทบ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเรียลดีมานด์ การขอสินเชื่อโครงการก็ใช้ระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน

"มาตรการLTV ของธปท. ซึ่งตามในรายละเอียดข้อกำหนดแนวทางการกำกับดูแลสินเชื่อของธปท.ระบุว่า เป็นสัญญาที่ 2 ไม่ใช่บ้านหลังที่ 2 ซึ่งเป็นการป้องกันการเก็งกำไร แต่ผู้บริโภคหลายรายมีความจำเป็นในการซื้อบ้านหลังที่2 เพื่อการอยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไร ซึ่งธปท.ก็ต้องระบุให้ชัดเจน และพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นไปรายๆ ไป"

สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทจะเน้นการพัฒนาในทำเลที่ตอบโจทย์ลูกค้า โดยไม่จำกัดทำเล แต่ต้องมีดีมานด์ ซึ่งจะพัฒนา 2 ปี/โครงการ หรือ 1 ปี/โครงการ ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ “โดว์เช่ ลาซาล” (DOLCE LASALLE) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 568 ตารางวา พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 30.4-45.4 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 1.69 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 75,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท 

นายมงกุฎ เตโชฬาร รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 บริษัทเตรียมเปิดแนวราบอีก 5 โครงการใหม่ มูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 4 โครงการ และ โฮมออฟฟิศอีกแห่ง ได้แก่ โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด บ้านหรูเริ่ม 8-20 ล้านบาท ใน 3 ทำเลศักยภาพ โดยแห่งแรกในบรรยากาศสวิสที่ศรีนครินทร์-บางนา พรีเซลส์วันที่ 20-21 ต.ค.นี้ และอีก 2 แห่ง ที่พระราม 9 กับ รามอินทรา-เสรีไทยโครงการเวนิว พระราม 9 เริ่ม 6 ล้านบาท บ้านเดี่ยวมากพื้นที่ใช้สอย จากแนวคิด Organic Living  โครงการเวิร์ค เพลส เพชรเกษม 81-2 เริ่ม 6 ล้านบาท โฮมออฟฟิศติดถนนใหญ่

นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 1-0-94 ไร่  เป็นโครงการ 8 ชั้น จำนวน 130 ยูนิต โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 950 ล้านบาท ราคาขายตั้งแต่ 5.59-10.40 ล้านบาท/ยูนิต ราคาเฉลี่ยที่ 1.9 แสนบาท/ตร.ม. ซึ่งจะเปิดขายรอบวันที่ 6-7 ต.ค. 2561 และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 10-11 พ.ย. 2561 โดยตั้งเป้าหมายจะมียอดขายในช่วงวันเปิดขายพรีเซลอย่างเป็นทางการราว 50-80% ของโครงการ โดยที่เป็นสัดส่วนการขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติประมาณ 20-30%

นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้เตรียมจะเปิดโครงการแนวราบ ชีวาโฮม วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 4 มูลค่า 700 ล้านบาท เป็นโครงการทาวน์โฮมส์ 2 ชั้น จำนวน 272 ยูนิต ราคาขายประมาณ 2-3 ล้านบาท/ยูนิต โดยจะแบ่งทยอยเปิดขายเป็น 4 เฟส ทั้งนี้บริษัทยังคงมั่นใจเป้ารายได้ปี 2561 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20% จากปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,043.37 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้อยู่ที่ 1,456.38  ล้านบาท และบริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

Baania มี Line แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวอสังหาริมทรัพย์แบบอินเทรนด์ ได้ทุกวันผ่าน Line ID @baania

ประกาศยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร

โครงการยอดนิยม ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร