โครงการคอนโด High Rise 56 ชั้นติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บททำเลทองโซนสนามบินน้ำ มองเห็นวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาและสะพานพระนั่งเกล้าสร้างทัศนียภาพที่สวยงามให้กับผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ตัวโครงการตั้งอยู่บริเวณซอยนนทบุรี 15 ถนนสนามบินน้ำเข้ามาจากถนนใหญ่ประมาณ 170 เมตร หนึ่งในทำเลที่อยู่อาศัยศักยภาพของจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากมีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนคือรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งส่งผลกับโครงการและพื้นที่ใกล้เคียงเนื่องจากทำให้ที่ดินบริเวณรอบๆสถานีได้รับความสนใจในการพัฒนาเป็นอย่างมาก และรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะเกิดขึ้นในอนาคตใกล้กับสถานีสนามบินน้ำ อีกทั้งที่ตั้งของโครงการอยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพียง 200 เมตร จุดเด่นของโครงการคือการขายวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไม่มีการบดบังทัศนียภาพจากตึกสูง ตัวโครงการเองยังอยู่ในทำเลศักยภาพสูงของจังหวัดนนทบุรี

เนื่องจากพื้นที่ใกล้กับสะพานพระนั่งเกล้าซึ่งเป็นย่านชุมชนเดิมที่มีทั้งโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคง ตลอดจนบริเวณใกล้เคียงเองยังมีโครงการจัดสรรที่ดินหลายโครงการซึ่งรูปแบบเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อพาร์ทเม้นท์ และโรงงาน สลับกับพื้นที่โล่งที่เป็นที่ดินเปล่ารอการพัฒนา ทางทิศตะวันตกติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศเหนือติดกับพื้นที่โครงการในอนาคต [เฟส 2] ทิศตะวันออก ติดถนนซอยนนทบุรี 15 ด้านหน้ามีอพาร์ทเม้นท์ และธนาคารไทยพาณิชย์ และทางทิศใต้ เป็นแหล่งชุมชน และวัดน้อยนอก ข้อได้เปรียบของโครงการคือ สามารถเข้า-ออกได้จากสองเส้นทางหลัก คือ ถนนสนามบินน้ำ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยนนทบุรี 15 ประมาณ 170 เมตร ถึงโครงการ และทางที่ 2 คือจากถนนรัตนาธิเบศร์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยรัตนาธิเบศร์ 42 [ซอยวัดน้อยนอก] ขับผ่านโรงเรียนธัมมสิริศึกษา, วัดน้อยนอก, ระยะทางประมาณ 300 เมตร เยื้องกับซอยนนทบุรี 15 เป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในแนวสูงเช่นเดียวกัน คือคอนโด ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สถานีพระนั่งเกล้า

อย่างไรก็ดีแนวโน้มการพัฒนาพื้นที่ในอนาคตจะสูงขึ้นเรื่อยๆ  สังเกตจากในพื้นที่ที่มีการขยายเส้นทางให้เข้า-ออกได้สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี และรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) สถานีพระนั่งเกล้า (ห่างจากโครงการประมาณ 450 เมตร) อีกทั้งโครงการการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูในอนาคต (ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะเส้นทาง 36 กม. สถานีที่ใกล้กับโครงการคือ สถานีสนามบินน้ำ ตั้งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 800 เมตร โดยแผนการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสีชมพู คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณเดือน มี.ค. 2560 และคาดว่าแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการประมาณ มิ.ย. 2563) หากแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการจะทำให้ผู้อยู่อาศัยของโครงการ ใกล้กับสถานีสนามบินน้ำ (บริเวณถนนติวานนท์ ใกล้แยกสนามบินน้ำ ระหว่างแยกถนนสนามบินน้ำกับซอยติวานนท์ 35) เพียง 800 เมตร

สามารถเดินทางเข้าถึงโครงการได้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจากสามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง หากใช้รถยนต์ส่วนตัวจะสามารถเดินทางได้โดย 3 เส้นทางหลักคือ จากถนนแจ้งวัฒนะ วิ่งตรงเข้าสู่ถนนติวานนท์ ให้เลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่ถนนสนามบินน้ำ โดยจะผ่านจุดสำคัญหลักๆ อย่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ จากนั้นให้ขับตรงมาประมาณ 800 เมตร สังเกตป้ายซอยนนทบุรี 15 แล้วเลี้ยวเข้ามา ประมาณ 200 เมตร ถึงสำนักงานขาย-ที่ตั้งโครงการ เดอะ โพลิแทน รีฟ  เส้นทางที่สองจากโซนบางใหญ่ วิ่งเกาะเส้นถนนรัตนาธิเบศร์ หรือเกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงมา วิ่งข้ามสะพานพระนั่งเกล้าเก่า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสนามบินน้ำ สังเกตป้ายซอยนนทบุรี 15 แล้วเลี้ยวเข้ามา ประมาณ 200 เมตร ถึงสำนักงานขาย-ที่ตั้งโครงการ เดอะ โพลิแทน รีฟ และเส้นทางที่สาม จากเส้นแคราย หรือทางพิเศษศรีรัช [ทางด่วนขั้นที่ 2] ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน ตรงข้ามกับโรงพยานนทเวช จากนั้นขับตรงไป ผ่านบิ๊กซี รัตนาธิเบศร์, เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ [ฝั่งตรงข้าม] ตรงมาจนถึงสะพานพระนั่งเกล้า แล้วกลับรถ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสนามบินน้ำ สังเกตป้ายซอยนนทบุรี 15 ขับเข้ามาอีกประมาณ 200 เมตร ถึงสำนักงานขาย-ที่ตั้งโครงการ เดอะ โพลิแทน รีฟ

ในด้านการคมนาคมขนส่งด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ก็มีความสะดวกสบายอย่างมาก เนื่องจากทำเลที่ตั้งโครงการสามารถเลือกเดินทางเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างหลากหลาย แม้ไม่มีรถยนต์ส่วนบุคคล อาทิ
- การเข้าถึงโครงการโดนรถสาธารณะ ออกจากโครงการมาประมาณ 170 เมตร ก็ถึงถนนสนามบินน้ำแล้ว หน้าปากซอยมีป้ายรถเมล์ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งถนน มีสะพานลอยข้าม สาย 18 (ท่าอิฐ – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) สาย 134 ( ม.เคหะบัวทอง-หมอชิตใหม่) สาย 177ร. (แยกบ้านกล้วยไทรน้อย-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) สาย 203 (ท่าอิฐ-สนามหลวง)
- สามารถเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่สถานีพระนั่งเกล้า 300 เมตรและสถานีต่อเชื่อมไปยังสายสีชมพูที่สถานีสนามบินน้ำ (ในอนาคต)
- นอกจากนี้ยังมีรถตู้วิ่งเส้นถนนทางฝั่งสะพานพระนั่งเกล้าจากจตุจักร-งามวงวานศ์-หมู่บ้านบัวทอง-สมบัติบุรี 
- ในอนาคตจะมีโครงการ “ท่าเรือพระนั่งเกล้า” ท่าเรือขนาดใหญ่ ศูนย์กลางคมนาคมเชื่อมโยงรูปแบบ รถ-เรือ-ราง เพื่อให้การเดินทางสะดวกสบาย และรวดเร็วมากขึ้น สอดรับกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่) ไว้ให้บริการ

ย่านสนามบินน้ำเป็นทำเลศักยภาพ ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ แหล่งงาน โรงพยาบาล อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง เซ็นทรัลพลาซ่า รัตนาธิเบศร์ ประมาณ 3 กิโลเมตร เอสพลานาด รัตนาธิเบศร์ ประมาณ 4.8 กิโลเมตร และคอมมูนิตี้มอลล์ สนามบินน้ำ มาร์เก็ต พาร์ค ถัดออกไปก็จะมีห้างค้าส่งอย่าง เทสโก้ โลตัส รัตนาธิเบศร์, บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์, พันทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน และเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ให้เลือกใช้บริการ

ด้านสาธารณสุข นอกจากห้างสรรพสินค้า และแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารแล้ว ยังรวมถึงสถานที่สำคัญอย่างสถานศึกษา และ โรงพยาบาล โรงเรียนที่อยู่ในโซนใกล้เคียงกับโครงการ ก็จะมี รร.ศรีบุญยานนท์, ม.เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี ส่วนเรื่องของโรงพยาบาล ก็จะมี รพ.พระนั่งเกล้านนทบุรี, รพ.โรคทรวงอก และรพ.นนทเวช ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ในรัศมีอุ่นใจ ระยะทางจากโครงการเพียง 1.2-7.5 กม. ในส่วนของสถานที่สำคัญอื่นๆ ใกล้ทั้งกระทรวงพาณิชย์, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแห่งใหม่ และศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี

วัสดุพื้นฐานในห้อง ได้มาตรฐาน พื้นไม้ลามิเนต และเป็นกระเบื้องในส่วนครัว ห้องน้ำ และระเบียง

งานผังบริเวณและพื้นที่ภายในโครงการ จุดเด่นทีสุดน่าจะเป็นการเปิดพื้นที่ ริมน้ำให้กับโครงการ พื้นที่ส่วนกลางที่เห็นวิวและบรรยากาศริมน้ำ

จุดดึงดูดใจอีกอย่างของโครงการน่าจะเป็น พื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย มีทั้ง ฟิตเนส โยคะ ห้องเล่นกอล์ฟ ห้องประชุม ห้องสมุด และห้องเล่นสนุ๊ก ไม่นับรวมสระว่ายน้ำ ที่มีขนาดกลาง การมี พื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลายแน่นอนว่าลูกบ้านคงต้องเกิดความพอใจ แต่ทั้งนี้ ย่อมนำมาซึ่งการบริหารส่วนกลางที่ต้องมีการจัดการที่ดีพอมิเช่นนั้นอาจจะเป็นภาระต่อค่าส่วนกลางอย่างแน่นอน

ยูนิต Type 1 ห้องนอน มีการจัดพื้นที่ ใช้สอยได้ดี โดยเฉพาะส่วนครัวและระเบียงตากผ้า ที่น่าจะใช้งานได้จริง ส่วน Type 2 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอยได้มาตรฐาน แต่ห้องครัวอาจจะไม่สามารถทำอาหารหนักได้เนื่องจากเป็นครัวเปิด

โครงการคอนโดมีเนียมแนวสูง 54 ชั้น วิวแม่น้ำในราคาที่จับต้องได้เพียงตารางเมตรละ 110,000 บาท ปัจจุบันเหลือเพียง Type 2 ห้องนอน ขนาด 50 และ 60 ตารางเมตร ในแง่ของการลงทุนอาจกล่าวได้ว่ามีความคุ้มค่าระดับหนึ่งตามเงื่อนไขตลาดในปัจจุบัน แต่เมื่อพิจารณาอุปทานห้องชุดที่กำลังจะเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 2-3 พันยูนิต จากเฟสต่อๆ ไปของโครงการก็อาจทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนสูงขึ้นได้