เมื่อพิจารณาหลายองค์ประกอบทั้งความใกล้ของสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ ตลาด แหล่งช็อปปิ้ง โรงพยาบาล สถานีตำรวจ โรงเรียน และทำเลที่ตั้งบนถนนสายหลักเชื่อมโยงกับถนนอื่นๆ ภายในเมืองและออกนอกเมืองได้อย่างสะดวก ตลอดจนคุณภาพสิ่งแวดล้อมของทำเลที่ตั้ง โครงการนี้นับเป็นโครงการที่มีสมดุลองค์ประกอบด้านที่อยู่อาศัยที่ดี อาจจะมีจุดด้อยเล็กน้อย คือ อยู่ติดถนนมิตรภาพมากเกินไป บางช่วงที่มีปริมาณรถวิ่งผ่านเป็นจำนวนมาก อาจจะมีผลด้านเสียง แรงสั่นสะเทือน และฝุ่นควัน อย่างไรก็ดีปริมาณการสัญจรบริเวณนี้ยังไม่มากนัก

ศักยภาพด้านการเดินทางสูง เนื่องจากมีที่ตั้งโครงการอยู่ริมถนนสายหลักของเมือง (ถนนมิตรภาพ) ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก อาทิ เข้ากลางเมืองย่านห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล (ในอนาคต) บิ๊กซี โลตัส เดอะ มอลล์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงออกถนนเลี่ยงเมืองได้ทันทีโดยไม่ต้องวิ่งผ่านเข้าเมือง นอกจากนี้ยังมีรถประจำทางวิ่งภายในเมืองและระหว่างเมืองผ่านเส้นทางสายนี้เป็นจำนวนมาก และยังสามารถเดินทางเข้า บขส.แห่งที่ 2 ของเมืองได้อย่างสะดวก โดยมีระยะห่างประมาณ 5 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังตั้งอยู่บนทำเลส่วนต่อขยายระบบขนส่งมวลชนภายในเมืองอีกด้วย จึงนับเป็นทำเลที่ตั้งศักยภาพสูงต่อการเดินทาง

ทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ย่านตลาดบ้านจอหอ ซึ่งมีแหล่งอาหารและสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันให้บริการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนสถานีตำรวจและโรงพยาบาลอยู่ใกล้ชิดในระยะทางไม่เกิน 500 เมตร แต่อาจจะมีจุดด้อยเล็กน้อยตรงการเดินทางเนื่องจากอยู่ริมถนนมิตรภาพมีรถวิ่งเร็วยากต่อการเดินทางไปสถานที่เหล่านี้ นอกจากนี้สำหรับกิจกรรมพิเศษ เช่น การพักผ่อนช่วงวันหยุดหรือการช็อปปิ้งสินค้าสามารถเดินทางเซ็นทรัลและโลตัส (พ.ศ.2560) ได้อย่างสะดวก โดยมีระยะทางห่างไม่เกิน 3 กิโลเมตร

โครงการ The Sixnature มีบ้านอยู่ 2 แบบซึ่งทั้งคู่นั้นเป็นบ้าน 2 ชั้น ขนาดพอดีตัวกับพื้นที่ดิน วางแนวคิดการออกแบบด้วยวลี Where Modern Meets Nature เหมาะสำหรับครอบครัวสมัยใหม่ที่ต้องการแบบบ้านทันสมัย การออกแบบพยายามหลุดออกจากบ้านรูปแบบเก่า ๆ ซึ่งมีการเลือกใช้วัสดุที่ใช้แสดงถึงความสมัยใหม่ไม่ว่าจะเป็นผนังก่อฉาบทาสีเทาคลุมโทนตัดทั้งตัวบ้านกับกระจกกรอบสีดำบานขนาดใหญ่ที่สะท้อนเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของงานสมัยใหม่ โดยรวมเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ

ซึ่งแบบบ้านแบบแบบแรก B-Nature มีขนาด 204 ตร.ม. บนเนื้อที่ 68 ตร.ว. และแบบที่สอง B-Nature 266 ตร.ม. บนเนื้อที่ 60 ตร.ว. โครงสร้างโดยรวมก่อสร้างได้มาตรฐานด้วยระบบเสาและคาน ผนังก่ออิฐฉาบปูนทาสี สุขภัณฑ์ตามมาตรฐาน พื้นชั้นล่างใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ทำให้พื้นที่ห้องดูกว้างขวางสะอาดตา พื้นชั้นบนใช้พื้นไม้ลามิเนตลายไม้ที่ดูเบาสบายเหมาะกับการพักผ่อน จุดเด่น คือการเลือกวัสดุโทนน้ำสีตาลของไม้เข้ามาช่วยที่ทำให้ตัวบ้านดูไม่แข็งจนเกินไปนักเมื่อเทียบกับรูปทรงอาคารที่มีหลังคาแบนลาดเอียงน้อยกว่าโครงการอื่น ๆ 

บ้านแบบทั้ง B-Nature เป็นบ้าน 2 ชั้นมีขนาด 204 ตร.ม. บนเนื้อที่ 68 ตร.ว. ประกอบด้วย 4 ห้องนอน (รวมห้องนอนแม่บ้าน) 1 ห้องนั่งเล่น 4 ห้องน้ำ 1 ห้องอาหาร 1 ครัว ที่จอดรถ 2 คัน ถือเป็นบ้านขนาดกะทัดรัดที่รวบเอาพื้นที่ใช้สอยชั้นล่างอย่าง โถงทางเข้า ห้องนั่งเล่น และห้องอาหารให้ต่อเนื่องกัน โดยมีผนังกระจกที่เป็นช่องเปิดทรงสูงขนาดใหญ่ทำให้พื้นที่ดูโล่งตาและที่สำคัญพื้นที่ภายในบ้านยังเชื่อมต่อกับระเบียงพื้นไม้เทียมที่ติดกับพื้นที่สนามหญ้าหน้าบ้านและสวนหลังบ้านยิ่งทำให้ตัวบ้านรู้สึกกว้างกว่าที่คิดเมื่อมองจากภายนอกตัวบ้าน

พื้นที่ใช้สอยชั้นบนแบ่งออกเป็น 1 ห้องนอน Master Bedroom พร้อมห้องน้ำ และ Walk-in Closet ขนาดเล็ก โดยมีระเบียงขนาดเล็กหันไปทางสนามหญ้าของบ้าน และอีก 1 ห้องนอนขนาดกลางมีระเบียงขนาดเล็กติดกับสนามหญ้าเช่นกัน โดยใช้ห้องน้ำรวมกันกับห้องนอนเล็กที่เตรียมไว้เป็นห้องนอนเด็ก ซึ่งจะมีข้อด้อยของการถ่ายเทอากาศไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากมีผนังหน้าต่างเพิ่งด้านเดียว และแบบ C-Nature เป็นบ้าน 2 ชั้นมีขนาด 266 ตร.ม. บนเนื้อที่ 60 ตร.ว. ประกอบด้วย 5 ห้องนอน (รวมห้องนอนแม่บ้าน) 1 ห้องนั่งเล่น 4 ห้องน้ำ 1 ห้องอาหาร 1 ครัว ที่จอดรถ 2 คัน เป็นการจัดพื้นที่ที่คล้ายกับแบบแรกแต่มีพื้นที่ใช้สอยใหญ่กว่า

ส่วนพื้นที่ใช้สอยชั้นบนเน้นให้มีจำนวน 4 ห้องนอนเป็นหลัก แบ่งออกเป็น 1 ห้องนอน Master Bedroom พร้อมห้องน้ำ และ Walk-in Closet ขนาดเล็กและมีระเบียงขนาดเล็กหันไปทางสนามหญ้าของบ้านเพียงห้องเดียว และอีก 2 ห้องนอนขนาดกลางที่มีระเบียงด้านข้างตัวบ้านทั้งสองห้องและใช้ห้องน้ำรวมกันกับห้องนอนเล็กที่เตรียมไว้เป็นห้องนอนเด็ก ซึ่งจะมีข้อด้อยของการถ่ายเทอากาศไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากมีผนังหน้าต่างเพิ่งด้านเดียวเช่นเดียวกับแบบแรก แต่เมื่อพิจารณาในพื้นที่ชั้นสองนั้นอาจดูรู้สึกแน่นกว่าชั้นล่างอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยังใช้การออกแบบของช่องหน้าต่างขนาดใหญ่เข้ามาช่วยให้ไม่ดูอึดอัดมากนัก แต่หากมองที่จำนวนห้องนอนเป็นหลักแบบบ้านทั้งสองจะตอบโจทย์ความต้องการซึ่งถือว่าอีกเป็นอีกตัวช่วยในการตัดสินใจ

ความโดดเด่นมากที่สุด คือทำเลที่อยู่บนสายหลักของเมืองคือมิตรภาพ ซึ่งสามารถลิ้งค์ไปกรุงเทพ-ขอนแก่น-ชัยภูมิ โดยไม่ต้องผ่านเมือง ซึ่งสะดวกเป็นอย่างมาก สำหรับการเดินทางระหว่างจังหวัด ขณะนี้บ้านที่คงเหลือขายอยู่จะเป็นโซนด้านในเท่านั้น ซึ่งจะปราศจากปัญหาเสียงรบกวนจากถนนใหญ่ รวมทั้งใกล้กับแหล่งงานและสถานศึกษาจำนวนมาก เช่น สถานีตำรวจจอหอ ม.ราชภัฏ ม.เทคโนราชมงคล ม.วงษ์ชวลิตกุลธนาคาร 4 แห่ง ห้างเซ็นทรัล ร.ร.ช่างกลพาณิชยการ รพ.มหาราชเป็นต้น ในระยะ 10-20 นาที

ด้านการดีไซน์ค่อนข้างลงตัว เรียบง่าย สบายตา ใกล้ชิดกับธรรมชาติโดยรอบ ให้พื้นที่สีเขียวทั้งภูมิทัศน์และต้นไม้ใหญ่ในระดับที่พอใจ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะของแถมที่เป็นการปูสนามหญ้าให้ทุกบ้าน ซึ่งส่งผลดีต่อทัศนียภาพโดยรวมของโครงการ โดยพื้นที่ส่วนกลางมีเพียงสวนสาธารณะ และฟิตเนสเล็กๆเท่านั้น ไม่มีสระว่ายน้ำ ถือว่าให้ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับราคาบ้าน Segment B,B+ นั้นก็อาจเป็นเพราะทำเลนี้มีต้นทุนที่ดินสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

สำหรับราคา Start 4.29 ลบ. (B-nature) หากลบส่วนที่เป็นของแถมออกไปแล้ว 3 แสน เป็นราคาบ้านจริง 4 ลบ. ถือว่าสูงทีเดียว กับบ้าน 2 ชั้น-3 ห้องนอน แต่ถือว่าซื้อความสะดวกและธรรมชาติของการพักย่านชานเมือง แต่เดินทางไปทำงานไม่ใช้เวลามากนัก ทั้งยังเป็นเส้นเลี่ยงเมืองในช่วง Rush hour ข้อสังเกตสำหรับโครงการนี้ ที่ถือว่าราคาสูง แต่ผลตอบรับค่อนข้างดี ขณะนี้เหลือบ้านเปิดขายแค่ 13% ถือว่าเป็นการวางหมากด้านทำเลที่ยอดเยี่ยม