รู้จักแบบเจาะลึกกับแอพไทยชนะ พร้อมวิธีใช้อย่างละเอียด

12 โรงเรียนเอกชนยอดนิยมในกรุงเทพที่ผู้ปกครองให้ความสนใจ

ข้อควรรู้ในการขอติดตั้งน้ำประปาที่อย่างถูกต้อง

กรมสรรพากรขอคืนภาษีเป็นการคืนเงินภาษีหลังจากที่เราได้ ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือ ภ.ง.ด. 90/91 สำหรับคนที่มีรายได้ตามกฎหมาย โดยปกติแล้วเราสามารถยื่นภาษีได้ที่สำนักงานสรรพากรที่ใกล้บ้าน หรือยื่นภาษีทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากรที่ง่ายและสะดวกและสบาย ปกติแล้วเราต้องยื่นเสียภาษีภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ในปีนี้มีการขยายเวลาออกไปเป็นสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม เมื่อยื่นแบบแล้ว เราจะทราบว่าต้องชำระภาษีเพิ่มเติมหรือได้คืนภาษีที่ชำระเกินไว้ หากต้องชำระเพิ่มเราสามารถเลือกชำระได้หลากช่องทางตามที่ทางราชการได้ระบุไว้ แต่สำหรับในบทความจะกล่าวถึงการคืนเงินให้ สำหรับผู้ที่ยื่นแบบไปแล้วท่านใดและยังไม่ได้รับเงินคืน บทความนี้มีวิธีแก้ไข ซึ่งขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไรกันบ้างมาดูกัน รู้เรื่องการขอคืนภาษี ไขข้อสงสัยให้กระจ่างแจ้ง
<h2>1. การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา</h2>
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาถือเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่มีรายได้ แม้จะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีแต่ถึงอย่างไรก็มีหน้าที่ในการเสียภาษีจากการมีรายได้อยู่ดีนั้นเอง ซึ่งเป็นไปตามมกฎหมายที่ได้ระบุไว้ชัดเจน &nbsp;มีช่องทางการยืนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาดังนี้
<ul>
<li style="font-weight: 400;">สามารถยืนเอกสารผ่านเจ้าหน้าที่โดยการยืนภาษีแบบกระดาษได้ที่ทำการสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาใกล้บ้านในพื้นที่ตนเองอาศัยอยู่ หากมีข้อสงสัยหรือติดขัดปัญหาในเรื่องใดก็สามารถมีบริการให้คำปรึกษาผ่านทางการติดต่อสายด่วนสายตรงได้ที่เบอร์โทร Call Center ที่หมายเลข 1161ซึ่งจะค่อยให้คำแนะนำท่านได้เป็นอย่างดี</li>
<li style="font-weight: 400;">สามารถยื่นในแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ http://www.rd.go.th กรมสรรพากรโดยตรงและยังสามารถตรวจสอบสถานะต่างและมีเมนูให้ความรู้และให้คำปรึกษาภายในเว็บไซต์อีกด้วยและยังร่วมไปถึงการให้บริการทางข้อมูลในด้านการข้อคืนภาษีอีกเช่นกัน</li>
<li style="font-weight: 400;">ในปัจจุบันยังสามารถยื่นภาษีได้อย่างสะดวกและมีความง่ายดายและทันสมัยด้วยการชำระผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือได้อีกช่องทางหนึ่งสร้างความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นสำหรับประชาชนที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายใช้งานไม่ยากผ่านมือถือโดยผ่านทาง แอปพลิเคชั่น RD Smart Tax ซึ่งเป็นบริการทางธุรกรรมของทางภาครัฐของกรมสรรพากร ที่จัดสร้างบริการขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกต่อประชาชนและบุคคลทั่วไปให้ง่ายต่อการบริหารจัดการด้านการเสียภาษีอีกด้วย</li>
</ul>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592553802447-การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา.jpg" alt="การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" /></h2>
<h2>2. การส่งเอกสาร</h2>
ในกรณีที่มีการตรวจสอบอยู่ในสถานะ &ldquo;คืนเงินภาษี&rdquo; แต่ไม่ได้รับเงินคืน ด้วยเนื่องจากสาเหตุใดก็ตามที่ส่งผลให้ยังไม่มีการได้รับเงินคืนภาษี สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ตามแบบที่มีการระบุไว้ในแบบ ภ.ง.ด. 90/91 ตามประมวลกฎมาหายที่บัยญัติไว้ในขั้นตอนการรับคืนดังนี้
กรณีที่ไม่สามามารถรับเงินคืนภาษี หรือได้รับเงินคืนภาษีน้อยกว่าที่ได้ขอคืน ให้ทำหนังสืออุธรณ์แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่ง ภายในระยะทำการ 15 วันในวันและเวลาราชการนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคืนเงินภาษี เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและแนบเอกสารสำคัญประกอบด้วย
สำหรับระยะเวลาในการได้รับเงินคืนภาษี ทางกรมสรรพากรจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนคืนเงินภาษีให้ภายใน 3 เดือน ในกรณีมีการระบุชัดเจนว่ามีเหตุขัดข้อง เนื่องมาจาก การเสียภาษีเกิน ผิดผลาด หรือมีการซ้ำหรือมีหน้าที่ไม่ต้องเสีย ดังกล่าวมา นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำร้องขอคืนภาษี
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592553837908-การส่งเอกสาร.jpg" alt="การส่งเอกสาร" />
<h2>3. การลดหย่อนภาษีคนมีบ้าน</h2>
สำหรับบุคคลใดที่ซื้อบ้าน หรือคอนโด รวมถึงอาคารต่าง ๆ ที่โดยรวมแล้วมีคำจำกัดความได้ว่าเป็นที่อยู่อาศัย หรือแม่แต่การซื้อเพื่อทำกิจการปล่อยเช่าก็สามารถได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีได้สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ได้ด้วยเช่นกัน&nbsp;ในกรณีถ้าหากคนมีบ้านที่ซื้อไว้เป็นของตัวเองโดยมีการไปกู้เงินเพื่อมาซื้อบ้านแล้วนั้นจะมีการนำดอกเบี้ยจากเงินผ่อนบ้านสามารถนำมาลดหย่อนภาษีตามปรกติได้อยู่แล้ว จะได้สิทธิได้รับประโยชน์ในการลดหย่อนในอัตรา 20 % ของราคาบ้านที่ได้ซื้อมาหรือมีไว้ครอบครอง โดยเฉลี่ยจะได้สิทธิในอัตราที่เท่ากันภายในระยะเวลา 5 ปี แต่ต้องอยู่ในงบประมาณจำกัดไม่เกิน &nbsp;3 ล้านบาท
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592553897185-การลดหย่อนภาษีคนมีบ้าน.jpg" alt="การลดหย่อนภาษีคนมีบ้าน" />
<h2>4. ตรวจสอบสถานะ</h2>
บุคคลทั่วไปที่ตามประมวลกฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นบุคคลซึ่งมีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือ ผู้ประกอบการ ตามกฎหมายประมวลรัษฎากร จะต้องมีหน้าที่ชำระภาษีภายในทุกปีต่อบุคคล และยังสามารถที่จะเข้าไปตรวจสอบสถานะการคืนภาษีได้จาก ช่องทางการติดต่อโดยการการเข้าสู่เว็บไซต์ให้บริการของกรมสรรพากรออนไลน์ที่ &ldquo;บริการสอบถามข้อมูล การขอคืนภาษี ภ.ง.ด.90/ภ.ง.ด.91&rdquo; ได้จัดทำขึ้นมาเพื่อให้ความสะดวกต่อบุคคลและประชาชนทั่วไป ที่ต้องการตรวจสอบข้อมูลและยังสามารถทำได้ด้วยตนเองโดยมีขั้นตอน ในการตรวจสอบไม่ยุ่งยากสามารถทำได้ ดังนี้
<ul>
<li style="font-weight: 400;">เข้าสู่เว็บไซต์ให้บริการของกรมสรรพากรแล้วพร้อมกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี และกรอกรายละเอียดชื่อและนามสกุล ตามขั้นตอนที่ปรากฎในเว็บไซต์</li>
<li style="font-weight: 400;">ให้ทำการกรอกข้อมูลโดยละเอียดครบถ้วนและให้แน่ใจว่ามีความถูกต้องตรงกัน</li>
<li style="font-weight: 400;">ผู้ที่ประสงค์ขอยื่นการคืนภาษีผ่านระบบออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ตหากกรอกข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะได้รับเงินคืนได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาทำการภายใน 3 วันทำการหากไม่มีข้อผิดพลาดในการส่งเอกสารเพิ่มเติมประการใดหมายกำหนดช่วงเวลาจะเป็นไปตามนี้</li>
</ul>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592553919165-ตรวจสอบสถานะ.jpg" alt="ตรวจสอบสถานะ" /></h2>
<h2>5. การรับคืนภาษี</h2>
ช่องทางการรับเงินสามารถรับเงินจากการยื่นขอคืนภาษีได้ หากเป็นผู้มีสิทธิเสียภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายระหว่างช่วงปีไปมากกว่าค่าภาษีที่ตนเองต้องจ่ายและเป็นไปตามเงื่อนไขหลังจากมีการคำนวณแล้วและได้เงินคืนจากภาษี โดยสามารถรับได้ &nbsp;2 ช่องทางดังนี้&nbsp;
<ul>
<li style="font-weight: 400;">รับผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ลงทะเบียนผูกกับเลขบัตรประชาชนเท่านี้ระบบจะโอนเงินคืนให้ทันทีสะดวกสบายอย่างยิ่ง</li>
<li style="font-weight: 400;">รับเงินคืนผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร</li>
</ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592553983577-การรับคืนภาษี.jpg" alt="การรับคืนภาษี" />
ทั้งนี้การที่เรายื่นขอคืนเงินภาษีจากกรมสรรพากรขอคืนภาษี นั้นเป็นการคืนเงินที่ได้มีการชำระไปในแต่ละปีในฐานะบุคคลผู้มีรายได้ ดังนั้นเป็นสิทธิประโยชน์สำคัญที่เราควรได้หากอยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามกฎหมายดังนั้นหลายท่านอาจยังมีความไม่เข้าใจว่าการขอคืนเงินภาษีมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนแท้จริงแล้วง่ายมาก เพียงแต่นำข้อเสนอแนะในบทความนี้ไปศึกษาดูก็จะสามารถเข้าใจและ ได้รับสิทธินั้นได้โดยไม่ยากอย่างที่คิดเลย

กรมสรรพากรขอคืนภาษี เช็คสิทธิ์ด่วนไม่ต้องลุ้นรู้ผลเลย

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เดือนนี้จ่ายค่าไฟกันกี่บาทครับ ต้องบอกว่าไม่ว่าฤดูไหนๆ ค่าไฟบ้านเราไม่ค่อยจะถูกลงเท่าไร ใครที่อยากประหยัดค่าไฟ วันนี้ Baania มีเทคนิคลดค่าไฟดีๆ จาก&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">โฮมโปร มาแนะนำกัน<h2>1. ใช้ระบบ INVERTER&nbsp;</h2> <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220519/content/llsnwcbf-20220519065417.jpg" style="width: 100%;" alt="ประหยัดค่าไฟ" width="" height="" title="ประหยัดค่าไฟ" class="" role="">การใช้ระบบ INVERTER&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">ช่วยให้กระแสไฟคงที่ ช่วยรักษากำลังไฟอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ไม่ว่าเราจะเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อย ๆ หรือปรับอุณหภูมิแอร์ไปมา ระบบ INVERTER ก็จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ต้องดึงกำลังไฟซ้ำ ๆ ทำให้ประหยัดพลังงานได้กว่า 40% เลยทีเดียว<h2>2. ติดตั้ง Solar Cell </h2><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220519/content/7kodthg5-20220519065436.jpg" style="width: 100%;" alt="ประหยัดค่าไฟ" width="" height="" title="ประหยัดค่าไฟ" class="" role=""> การติดตั้ง Solar Cell ผลิตไฟจากพลังงานสะอาด พลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์เซลล์ยังเป็นพลังงานสะอาด ไม่สร้างมลพิษ แถมมีอายุการใช้งานเกินกว่า 10 ปี ยิ่งถ้าติดตั้งในยุคนี้ ที่โซลาร์เซลล์ลดราคาลงมาแบบจับต้องได้ ก็มั่นใจได้เลยว่าคุ้มค่าในระยะยาวแน่นอน ที่สำคัญคือตอนนี้โฮมโปรมีโปรโมชั่น ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน เพียงใช้บัตรเครดิตที่ร่วมรายการเท่านั้น
<h2>3. แต่งบ้านให้เย็น </h2><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220519/content/g4zobuua-20220519065453.jpg" style="width: 100%;" alt="ประหยัดค่าไฟ" width="" height="" title="ประหยัดค่าไฟ" class="" role=""> การแต่งบ้านให้เย็น ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยทั้งลดค่าไฟฟ้าบวกได้บ้านสวย ๆ มาเชยชม เพียงแค่เราเลือกอุปกรณ์แต่งบ้านให้ถูกจุด ซึ่งก็มีให้เราได้เลือกอย่างหลากหลายแล้วแต่ความชอบและสไตล์แต่งบ้านของเราเอง เช่น เลือกใช้ผ้าม่านทึบแสง ช่วยลดไอแดดและความร้อนเข้ามาในห้อง ทำให้เราลดการใช้ไฟฟ้าไปในตัว, ใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไส้ ที่ใช้ไฟน้อยแถมมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าด้วย, ตกแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนเย็นหรือต้นไม้ ช่วยลดความรู้สึกไม่ให้บ้านร้อนจนเกินไป จนเราต้องเร่งแอร์โดยไม่รู้ตัว
<h2>4. ปรับปรุงบ้าน ลดความร้อน</h2><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220519/content/u2v6y6zj-20220519065512.jpg" style="width: 100%;" alt="ประหยัดค่าไฟ" width="" height="" title="ประหยัดค่าไฟ" class="" role=""> การปรับปรุงบ้านลดความร้อน ถัดจากการตกแต่งลองมาใช้การปรับปรุงบ้านกันดูบ้าง วิธีนี้นอกจากจะประหยัดค่าไฟลงได้ดีมาก ๆ แล้ว เรายังได้ดูแลรักษาบ้านไปในตัว และช่วยให้บ้านดูใหม่ขึ้นอีกด้วย ตัวอย่างเช่นการนำวัสดุอย่าง ฉนวนใยแก้วนำความร้อนสำหรับติดตั้งบนฝ้าเพดาน เพื่อช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดดที่ส่องลงมาบนตัวบ้าน หรือใครจะเลือกใช้วิธีทาสีบ้านก็น่าสนใจไม่แพ้กัน กับสีที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนและช่วยป้องกันรังสี UV จึงตอบโจทย์ได้บ้านที่เย็นสบาย จึงทำให้เราได้ลดการใช้พลังงานลง พร้อมลดตัวเลขในบิลค่าไฟได้แบบสบาย ๆ
<h2>5. การล้างแอร์</h2><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220519/content/xwsi4wlx-20220519065529.jpg" style="width: 100%;" alt="ประหยัดค่าไฟ" width="" height="" title="ประหยัดค่าไฟ" class="" role=""> การล้างแอร์ ช่วยลดการทำงานของแอร์ จะทำให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น สามารถให้ความเย็นได้อย่างสม่ำเสมอ จึงช่วยลดอัตราการใช้ไฟฟ้าน้อยลงตามไปด้วย ยิ่งถ้าล้างแอร์โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เราสามารถเลือกให้ช่างอบโอโซนหรือฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อสุขอนามัยที่ดีเพิ่มเติมได้ด้วย เหมือนกับการเรียกใช้บริการล้างแอร์จากช่าง Home Service ที่คุ้มค่าทั้งราคาและคุณภาพ กับโปรโมชันช่วงนี้ลดราคาเหลือเพียง 2,590 บาท จากปกติ 5,200 บาท แถมเรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น Home Service ยังได้ลดเพิ่มอีกถึง 3% ด้วย
สำหรับใครที่อยากลดค่าไฟ แล้วต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม Baania มี<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">คูปองส่วนลดจากโฮมโปรมาให้รวมมูลค่ากว่า 800 บาท ให้นำไปช้อปสินค้าที่ร่วมรายการตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ที่โฮมโปรทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, &quot;Segoe UI&quot;, Roboto, &quot;Helvetica Neue&quot;, Arial, sans-serif, &quot;Apple Color Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Emoji&quot;, &quot;Segoe UI Symbol&quot;, &quot;Noto Color Emoji&quot;; font-size: 1rem;">ถึง 31 พฤษภาคม 2565 นี้ เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ Line@ HomePro Connect สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Call Center หมายเลข 1284

โฮมโปร ช่วยคุณประหยัดค่าไฟ กับ 5 ไอเดีย 

จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? ถ้าคุณค้างจ่ายค่าส่วนกลาง นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่คนที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมหรือโครงการจัดสรรต้องรู้
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1596090640602-Screen Shot 2563-07-30 at 13.28.13.png" alt="" width="1020" height="670" />
ค่าส่วนกลาง สำคัญอย่างไร แน่นอนว่า แต่ละอาคารคอนโดมิเนียม หรือ หมู่บ้าน จะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนที่อาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสะดวกสบาย สาธารณูปโภคพื้นฐานที่ทุกบ้านต้องมีก็คือ ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเก็บขยะที่ในทุกๆ เดือนจะมีบิลแจ้งเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ส่วนจะเป็นตัวเลขที่ต้องจ่ายเท่าไหร่นั้นอยู่ที่นิติบุคคลในแต่ละโครงการกำหนดไว้ในระเบียบ เรทราคาที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 30-170 บาท/ตารางเมตร สำหรับคอนโดมิเนียม ส่วนบ้านจัดสรร ประมาณ 29-200บาท/ตารางวา สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 200 บาท/ตารางวา
เรื่องของการจ่ายค่าส่วนกลางนับเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบสำหรับคนที่อาศัยร่วมในโครงการเดียวกัน เพราะเงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายเพื่องานบริการคอยอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่หากมีคนหนึ่งคนใด เพิกเฉย ไม่จ่าย หรือ ค้างจ่ายเป็นระยเวลาหนึ่งติดต่อกัน ทางนิติบุคคลจะดำเนินการอย่างไรได้บ้างเป็นเรื่องที่คนอยู่บ้านจัดสรร และคอนโด &hellip; ต้องรู้
<h2>&ldquo;ค่าส่วนกลางคอนโด&rdquo; </h2>
กรณีที่ค้างชำระ ค่าส่วนกลาง สิ่งที่ต้องเจอคือดอกเบี้ยปรับ ประมาณ 12-20% จากยอดที่ต้องชำระ พร้อมกับดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังจะทำให้สิทธิของการลงคะแนนเสียโหวตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคอนโดเสียไป
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1596090664982-Screen Shot 2563-07-30 at 13.21.56.png" alt="" width="1020" height="1210" />
ที่สำคัญไปกว่านั้นเป็น ใบปลอดหนี้ เอกสารส่วนนี้มีความสำคัญอย่างมากกับคนที่ต้องการขายห้องชุดแต่มียอดการค้างส่วนกลาง &nbsp;ยกตัวอย่างคือ คนที่คิดจะขายห้องชุด ทางนิติบุคคลจะทำการออกใบปลอดหนี้ให้ แต่หากมียอดค้างจ่าย จะทำให้ไม่ได้รับใบปลอดหนี้ซึ่งมีผลให้เจ้าของห้องชุดนั้นๆ ไม่สามารถทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์กับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งก็คือ กรมที่ดิน แม้ว่าจะตกลงซื้อขายได้แล้วก็ตาม การจะได้มาซึ่งเอกสารใบปลอดหนี้ใบนี้ก็ต่อเมื่อมีการชำระยอดที่ค้างไว้เรียบร้อยแล้วเท่านั้น
ในกรณีทีรุนแรงไปกว่านั้นก็คือผู้เป็นเจ้าของห้องชุดอาจต้องถูกดำเนินการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลโดยนิติบุคคล
&ldquo;อยู่หมู่บ้าน&rdquo;
สำหรับคนที่พักอาศัยในหมู่บ้านจัดสรร หากมีการค้างจ่ายค่าส่วนกลาง อย่างแรกเลยจะเสียค่าปรับ 10-15% ของยอดที่ต้องชำระ
หากยอดค้างจ่ายค่าส่วนกลางเป็นเวลา 3 เดือน ทางนิติบุคคลจะดำเนินการระงับสิทธิ์ต่างๆ อาทิ ใบคีย์การ์ดที่ใช้ในการเข้าออกโครงการ การจัดเก็บขยะที่ต้องงดให้บริการสำหรับคนที่ค้างจ่ายเกินกว่า6 เดือนขึ้นไป และในขั้นรุนแรงก็คือ ทางนิติบุคคลหมู่บ้านสามารถดำเนินการยื่นฟ้องร้องต่อศาลได้การคำนึงถึงสิทธิ และความรับผิดชอบร่วมกันเป็นหน้าที่ของผู้อยู่อาศัยในคอนโดและหมู่บ้าน หากคนหนึ่งคนใดเพิกเฉย สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ คุณภาพการอยู่อาศัยที่ลดลงและอาจถึงขั้นทรุดโทรมขาดการดูแล ซึ่งก็ทำให้การขายห้องชุดและบ้านไม่ได้รับความสนใจจากผู้ซื้ออันเนื่องมาจากส่วนกลางขาดความสวยงามและน่าอยู่
ติดตามเรื่องราว ข่าวสาร และเคล็ดลับน่ารู้เกี่ยวกับบ้านอีกมากได้ที่นี่ <a href="https://www.baania.com/th">Baania</a>

เกิดอะไรขึ้น ถ้าค้างจ่าย ‘ค่าส่วนกลาง’

20 วิธีประหยัดน้ำอย่างสร้างสรรค์ ช่วยเซฟเงินในกระเป๋า

ย้ายบ้านสมัยนี้ ไม่จำเป็นต้องย้ายเอง ขนเอง หารถเองทั้งหมดอีกต่อไป เพราะเดี๋ยวนี้มีบริการขนของย้ายบ้าน ขนย้ายของแล้วครับ บริการย้ายบ้านถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา แถมยังปลอดภัยมากกว่า ส่วนเราก็เตรียมเงินค่าบริการเท่านั้น แล้วเราเวลาจัดการอย่างอื่นได้สบายๆ
<h2>บริการย้ายบ้านมีแบบไหนบ้าง</h2>
สำหรับบริการขนย้ายมีหลากแบบ หลายราคาให้เราได้เลือกใช้บริการ ซึ่งแบ่งได้หลักๆ ตามนี้ 1. ขนย้ายเพียงอย่างเดียว ก็คือการจ้างรถมาขนของให้เท่านั้น ซึ่งเราจะต้องแพ็คของรอให้เรียบร้อย แล้วผู้ให้บริการย้ายบ้านจะมาขนของที่เราเตรียมไว้นั่นเองครับ
2. แพ็คของพร้อมขนย้าย บริการในรูปแบบนี้ผู้ให้บริการย้ายบ้าน จะมาพร้อมทีมงานและอุปกรณ์สำหรับแพ็คของให้เรา เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น พร้อมบริการขนย้ายจากบ้านเก่าไปยังบ้านใหม่ของเราด้วย
3. ดูแลแบบครบวงจร บริการในรูปแบบนี้คือการดูแลให้เราแบบครบวงจร ตั้งแต่การถอดชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์ การแพ็คของให้เรียบร้อย และขนย้ายบ้านให้
<h3>ผู้ให้บริการย้ายบ้าน</h3>
ทุกวันนี้ผู้ให้บริการย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ย้านสำนักงานมีให้เลือกหลากหลายเจ้า เรามาดูเจ้าหลักๆ ที่ให้บริการด้านนี้กันครับ
กู๊ดมูฟ (Good Move) &nbsp;<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592190891068-88159371_2521928518022689_7831868968720662528_o.jpg" alt="กู๊ดมูฟ" width="1020" height="765" />
กู๊ดมูฟ (Good move) บริษัทรับบริการขนย้ายบ้าน คอนโด สำนักงานแบบครบวงจร ตั้งแต่ถอดเฟอร์นิเจอร์ แพ็คของ ขนย้าย รวมทั้งแกะห่อ พร้อมจัดวางให้เข้าที่บ้านใหม่ของเรา โดยรับประกันความเสียหาย และบริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งมีทีมงานคุณภาพและมีรถให้บริการให้เลือกหลายขนาด เช่น ร รถบรรทุก 4 ล้อ และรถ 6 ล้อ รับจ้าง รถกระบะหลังคาสูง เป็นต้น สำหรับพื้นที่ให้บริการต้องบอกว่ามีทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
Website : www.goodmove-th.com Facebook : Good move
บิ๊กมูฟ (Big Move) <img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592190975137-18422097_1389209541122724_5974536562873266697_o.jpg" alt="บิ๊กมูฟ" width="1020" height="705" /> บิ๊กมูฟ (Big Move) บริษัทย้ายบ้านในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างประเทศที่ครบวงจรและทันสมัย พร้อมรับประกันความปลอดภัยของสินค้าระหว่างการเดินทาง โดยสามารถติดตามรถขนของผ่าน GPS ได้ตลอด 24 ชั่วโมง &nbsp; Website : www.bigmovethai.com Facebook : Big Move บริษัทขนย้าย ขวัญใจมหาชน
ลาล่ามูฟ (Lalamove)
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592191004968-101788307_2771680876275039_1304007804615670692_n.png" alt="Lalamove" width="1020" height="448" /> ลาล่ามูฟ (Lalamove) บริการขนส่งสินค้าด่วน ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร, วางบิล, เสื้อผ้า, อาหาร, อุปกรณ์จัดสวน, อุปกรณ์ออกอีเวนท์, ย้ายบ้าน ย้ายคอนโด, ของเล่น เป็นต้น ผ่านแอปพลิเคชัน จัดส่งถึงที่ภายใน 1 ชม. พร้อมกับการให้บริการแบบออนดีมานด์ ที่ "ตามใจผู้ส่ง ใส่ใจผู้รับ" ขนส่งได้ยืดหยุ่นตามความต้องการ โดยคิดค่าบริการตามระยะทางจริง โดยให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีรถ 3 ประเภท ได้แก่ รถมอเตอร์ไซค์, รถ 5 ประตู และรถกระบะสำหรับขนย้ายบ้าน ขนย้ายคอนโด
Website : www.lalamove.com Facebook : Lalamove
Index Home Service
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592191041920-home-5-service-type.jpg" alt="Index Home Service" width="1020" height="412" /> อินเด็กซ์ โฮม เซอร์วิส (Index Home Service) จากอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living Mall) ศูนย์ให้บริการเกี่ยวกับบ้านครบวงจร จะมีบริการขนย้าย MOVING SERVICE สินค้าทุกประเภท พร้อมประกอบและติดตั้ง &nbsp;โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ โดยปัจจุบันให้บริการทั่วประเทศ สำหรับราคาจะคิดตามระยะทาง ถ้าใครสนใจติดต่อขอรับบริการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2417-1111 &nbsp; Website : www.indexlivingmall.com Facebook : Index Living Mall
JVK International Movers
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592191081835-50655410_2465536876821469_1629708495605465088_o.jpg" alt="JVK" width="1020" height="408" /> เจวีเค อินเตอร์เนชั่นแนล มูฟเวอรส์ (JVK International Movers) บริษัทให้บริการขนย้ายและโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รองรับลูกค้าที่เป็นหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน และลูกค้ารายย่อย มีทีมงานมืออาชีพจำนวนมาก พร้อมรับประกันความเสียหาย ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณของ ระยะทาง และประเภทของรถขนส่ง &nbsp; Website : www.jvkmovers.com Facebook : JVK International Movers
แม็กซ์มูฟ (Maxmove)
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592191116594-18699320_870024629812067_4661416494369927098_o.jpg" alt="Maxmove" width="1020" height="534" /> แม็กซ์มูฟ (Maxmove) บริษัทบริการขนย้ายบ้าน สำนักงาน สินค้า เครื่องจักร เป็นต้น โดยมีบริการแพ็คของก่อนขนย้าย พร้อมบริการขนย้ายด้วยรถบรรทุและรถปิกอัพ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมช่วยทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางหลังขนย้ายเสร็จ และมีประกันของเสียหายหรือสูญหายระหว่างทาง &nbsp; Website : www.maxmove.co.th Facebook : Maxmove
เดอะ ลอร์รี่ (The Lorry)
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592191143603-44345705_520554895079789_8289656549115166720_o.jpg" alt="The Lorry" width="1020" height="387" /> เดอะ ลอร์รี่ (The Lorry) บริษัทให้บริการขนย้ายตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการย้ายบ้าน ขนย้ายสำนักงาน บริการส่งของ หรือย้ายสิ่งของขนาดใหญ่ รวดเร็ว จองง่ายสะดวกผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ในราคาการให้บริการที่ถูกเริ่มต้นเพียง 350 บาท พร้อมกับบริการเสริมให้คุณเพื่อช่วยลดเวลาในการขนของ ปัจจุบันให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต &nbsp; Website : www.thelorry.com Facebook : TheLorry
ไกรเวทย์ (Kraiweth)
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592191178790-70458585_1878808678888822_5015126641731436544_o.jpg" alt="ไกรเวทย์" width="1020" height="641" /> ไกรเวทย์ (Kraiweth) บริษัทให้บริการขนย้ายทั่วไทยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งย้ายบ้าน คอนโด อพาร์ทเม้นท์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต อาคารสำนักงาน งานแสดงสินค้า ร้านค้าต่างๆ ถอดประกอบ ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ Nock Down
Website : www.kraiwethmoving.com Facebook : ไกรเวทย์ บริการขนย้าย ย้ายเฟอร์นิเจอร์ ย้ายบ้าน ย้ายสำนักงาน
โกลด์ เอ็กซ์เพรส (Gold Express)
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592191209500-12120204_807709262671421_7820327014980656003_o.jpg" alt="Gold Express" width="1020" height="765" /> โกลด์ เอ็กซ์เพรส (Gold Express) หรือ สหเหรียญทอง บริษัทให้บริการขนย้าย การแพ็คบรรจุหีบห่อ บริการงานถอนและติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ พร้อมรับประกันความเสียหายที่อาจเกิดจากการขนย้าย ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
Website : www.saharienthong.com Facebook : บริษัท สหเหรียญทอง ทรานสปอร์ต จำกัด
อานาจัก ทรานสปอร์ต
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1592191239651-60918833_2706982236042013_6004875737398509568_o.jpg" alt="อานาจัก" width="2048" height="1151" /> อานาจัก ทรานสปอร์ต บริษัทรับขนย้าย ไม่ว่าจะเป็นงานขนย้ายบ้าน, คอนโดมิเนียม,โฮมออฟฟิศ, สำนักงาน ตู้เซฟ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ภายในประเทศ ด้วยรถตู้ทึบประเภท 4 ล้อ รถ 6 ล้อ รถหัวลากตู้คอนเทนเนอร์ อีกทั้งบริการให้เช่าโกดังเพื่อฝากสินค้า บริการ Packing สินค้าและบริการเซ็ตอัพงานอีเว้นท์ต่างๆ พร้อมบริการแพกกิ้ง-ถอด-ประกอบเฟอร์นิเจอร์ รับประกันความเสียหาย
Website : www.anajaktransport.com&nbsp; Facebook : บริษัท อานาจัก ทรานสปอร์ต ขนย้ายบ้าน
ลองสำรวจของ ความพร้อม และค่าใช้จ่ายให้ดู แล้วลองตัดสินใจกันนะครับว่าย้ายบ้านเอง หรือใช้บริการย้ายบ้านแบบไหนที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด หากใครตัดสินใจเรื่องการย้ายบ้านได้แล้ว ก็อย่าลืม<a href="https://www.baania.com/th/article/วิธีย้ายบ้านแบบมือโปร-ควรทำอย่างไรไปดูกัน--article_1292" target="_blank" rel="noopener">เตรียมพร้อมก่อนย้ายบ้าน</a>นะครับ แต่หากใครยังไม่มีบ้านที่จะย้ายละก็สามารถหาบ้านและคอนโดที่ถูกใจได้ที่ <a href="https://www.baania.com/th/" target="_blank" rel="noopener">Baania.com</a>

บริการย้ายบ้าน ผู้ช่วยย้ายบ้านแบบใหม่ ง่าย เร็ว ประหยัดเวลา

ประหยัดค่าใช้จ่าย

ปัจจุบันนี้ เชียงใหม่ถือว่ามีการพัฒนาโครงการต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะในเมืองหรือย่านชานเมืองมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และอีกรูปแบบหนึ่งหน้าตาคล้ายห้างสรรพสินค้า แต่มีขนาดเล็กกว่า เกิดขึ้นมาอย่างคึกคัก แน่นอนว่า Community mall คือ อีกหนึ่งทางเลือกของการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายบนห้างสรรพสินค้า วันนี้ Baania จึงขอแนะนำอีกหนึ่งสถานที่สำหรับการชิม ช้อป ชิลล์ สะดวกสบายในการใช้ชีวิต นั่นคือ “พรีโก้มอลล์” คอมมูนิตี้มอลล์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์...<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240417/content/ufkl5isa-20240417154606.jpg" style="width: 100%;">“พรีโก้มอลล์” ตั้งอยู่บนทำเลถนนสันกำแพงสายใหม่ หน้าโครงการหมู่บ้านจัดสรรค์เดอะพรีโก้ ห่างจากสนามบิน เชียงใหม่เพียง 12 กิโลเมตร เป็นทำเลที่ไม่เคยหยุดการพัฒนา มีโครงการผู้อยู่อาศัยเกิดขึ้นมากมาย พรีโก้มอลล์ เป็นอาคาร 3 ชั้น ดีไซน์ทันสมัยที่จอดรถกว้างขวาง ติดถนนใหญ่ซึ่งภายใน พรีโก้มอลล์ มีฟิตเนสครบวงจรขนาดใหญ่ และยังรวบรวมร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ออฟฟิศ และ ร้านต่างๆ อีกมากมายอยู่ภายในโครงการ ถือได้ว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิต สำหรับวัยรุ่น วัยเรียน และวัยทำงาน จะมีร้านไหนหน้าสนใจบ้างมาดูกัน...สายกิน สายคอนเท้นต์ ต้องไม่พลาดKumamon - ร้านอาหารญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่นที่สดอร่อย​สะอาด​ และคุ้มค่า มีอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายเมนู วัตถุดิบ​ได้คุณภาพผ่าน​ QC เมนูสร้างสรรค์​จากเชฟ ร้านอาหารที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว พร้อมด้วยพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก ในบรรยากาศ​กลิ่นอายญี่ปุ่น พนักงานใส่ใจให้บริการ มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม​เมนู​ตามฤดูกาลและเทศกาลจุ่มหน้าหม้อ - ร้านชาบู / หมูจุ่ม ร้านหมูจุ่ม ชาบู บุฟเฟต์ ที่มีน้ำซุปให้เลือกถึง 4 แบบ น้ำดำ ต้มยำ น้ำใส หม่าล่า(ไม่จ่ายเพิ่ม) ด้วยวัตถุดิบของสดแบบคุณภาพ ไม่ว่าจะหมูสามชั้น สันคอสไลด์ ก็สด สะอาด สไลด์มาสวยทุกชิ้นทุกจาน ผักสดสะอาด น้ำจิ้มสุกี้และซีฟู้ดรสจัดอร่อยยลงตัว พร้อมของทานเล่นมากมาย คุ้มสุดๆAera Coffee - Coffee & Bakeryให้ความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ร้านออกแบบสวยงาม มีมุมถ่ายรูปเพียบ จะมากันเป็นกลุ่ม หรือ มานั่งทำงานชิลๆก็ลงตัว แถมกาแฟยังคุณภาพสุดๆ หอม กรุ่น อร่อย ในราคาที่เป็นกันเอง ต้องมาลอง!Aera Craft Beer ร้านอาหาร และ craft beer พร้อมดนตรีสด บรรยากาศดี เบียร์ดี รสชาติ 1 เดียวในโลกไม่เหมือนใคร พร้อมอาหารอร่อยมากมายหลากหลายเมนูให้แกล้มกับเบียร์คราฟท์สุดชิลล์<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240417/content/l510v6cv-20240417155843.jpg" style="width: 100%;"> สายสุขภาพ ต้องที่นี่!!Handsome Fitnessฟิตเนสทันสมัย และ มีอุปกรณ์ครบครันสำหรับการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทรนเนอร์มืออาชีพ ที่จะพาให้คุณไปถึงเป้าหมายในการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นงการลดน้ำหนัก หรือ เพิ่มกล้ามเนื้อ กระชับสัดส่วน อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำกว้างขวาง และคลาสต่างๆมากมายทั้งสำหรับเด็ก และ ผู้ใหญ่ รวมไปถึงการเทรนต่อยมวยอีกด้วย Handsome Fitness เป็นอีก 1 ทางเลือกในการออกกำลังกายในร่ม ที่มีเครื่องปรับอากาศ ช่วยให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพ และการหายใจแบบโล่งปอด รักสุขภาพ ปลอดภัยจาก PM 2.5 Zen Zen Massage - ร้านนวดร้านนวดเพื่อสุขภาพบรรยากาศล้านนาญี่ปุ่น ผ่านการรับรองมาตราฐาน SHA ด้านสุขภาพและความงาน เป็นสถานบริการคุณภาพ ให้คุณได้ผ่อนคลายไปกับการนวดที่มีให้เลือกหลายแบบตามความต้องการ<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240417/content/ki86nhj3-20240417155928.jpg" style="width: 100%;"> สายออกงาน แต่งสวยไม่ตกเทรนด์33's Studio - ร้านเช่าชุดราตรี ชุดสวยๆ ออกงาน ชุดราตรี ชุดเจ้าสาว ระดับพรีเมี่ยม สวย หรูหรามีหลากแบบหลายสไตล์ และครบไซส์ รับประกันสวยทุกชุดสะดุดทุกสายตา Canopy House of Beauty - ร้านทำเล็บ เสริมสวย ต่อขนตา ฯลฯร้านที่ตอบโจทย์สาวๆ ในทุกส่วนไม่ว่าจะต่อขนตาหรือทำเล็บ ด้วยโปรโมชั่นปังๆ ล้างเล็บเจลฟรี สำหรับลูกค้าเก่า เล็บหลุด ลอก เครมฟรี ภายใน 7 วัน ส่วนของต่อขนตา รับแปรงปัดขนตาฟรี การันตีความงอน ถ้าไม่งอนลิฟติ้งซ้ำ และทางร้านยินดีให้คำปรึกษา ก่อนและหลังใช้บริการChaiyo Optic - ร้านแว่นตา ร้านแว่นตาคุณภาพ เปิดทุกวันมีที่นั่งรอสะดวกสบายแอร์เย็นฉ่ำถึงใจ แวะมาตรวจเช็คสายตากันก่อนได้ค่ะ มีบริการวัดสายตาฟรี แต่ถ้าต้องการตัดแว่นสายตามีกรอบสวยๆให้เลือกมากมายราคาเริ่มต้นที่ 950.-<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240417/content/1mod3tu2-20240417155946.jpg" style="width: 100%;"> สายทำงาน แม่บ้านออนไลน์J&T Home - ขนส่ง J&T ให้ชีวิตสะดวกสบาย ด้วยการขนส่งสินค้า กับ J&T ไม่ว่าจะซื้อหรือขายการจัดส่งสินค้าก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปFresh Fast Cleanงานบ้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ใช้บริการ Fresh Fast Clean self service laundry ซัก อบแห้ง จบที่เดียวมีเวลาเหลือทำอย่างอื่นมากมาย สะดวกตอนไหน ซักตอนนั้น เปิดบริการ 24 ชม. Northern International Law Firm สำนักงานบัญชี และ กฎหมาย + พร้อมทำเรื่องขอวีซ่าต่างๆ ด้วยทีมทนายที่มีประสบการณ์มากมาย <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240417/content/awolu7bx-20240417160029.jpg" style="width: 100%;">ถือได้ว่า พรีโก้มอลล์ คืออีกหนึ่งสถานที่ ที่ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาหลังเลิกงานหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ต่างก็พากันแวะเวียนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ  ...และหากใครที่กำลังมองหาทำเลทำธุรกิจ ทางโครงการพรีโก้มอลล์ ยังมีพื้นที่ว่างให้เช่า กับข้อเสนอสุดพิเศษกับทางโครงการ มาร่วมสร้างคอมมูนิตึ้มอลล์ไปด้วยกัน<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240417/content/be0oalae-20240417160119.jpg" style="width: 100%;">หากสนใจเข้าชมพื้นที่ ติดต่อสอบถามเส้นทางหรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่Facebook : Prego MallWebsite : The Prego MallTel. : 053 101333 ต่อ 14

Prego Mall : ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาสะสมที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนไทย เนื่องจากฝุ่น PM 2.5&nbsp; เป็นฝุ่นขนาดเล็กและละเอียดมาก ด้วยอนุภาคที่เล็กและเบาเพิ่มโอกาสในการรรับเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งฝุ่น PM 2.5 นั้นเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจอย่างมาก
เครื่องฟอกอากาศเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ภายในบ้านที่จะช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองชนิดละเอียด และมลพิษได้ วันนี้ baania จะมาแนะนำการเลือกเครื่องฟอกอากาศสำหรับบ้านของคุณ1.ขนาดพื้นที่ห้อง
ขนาดพื้นที่ห้องเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ คุณต้องมั่นใจได้ว่าเครื่องสามารถทำงานได้ครอบคลุมพื้นที่ภายในห้องอย่างมีประสิทธิภาพ ฟอกอากาศได้กว้างกว่าพื้นที่ห้องของคุณประมาณ 20-40%
2.ระบบกรองอากาศหรือไส้กรอง
ตัวกรองพรีฟิลเตอร์ ช่วยกรองฝุ่นละอองอนุภาคขนาดใหญ่ เช่น ขนสัตว์
ตัวกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air) สามารถขจัดฝุ่นละอองขนาด 0.3 ไมครอน หรือใหญ่กว่าได้ถึง 99.98% และยังกรองฝุ่นผง ละอองเกสร เชื้อรา และสะเก็ดละอองจากสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวกรอง Activated carbon ช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ และแก๊ซ ขจัดควัน สารเคมี กลิ่นอาหาร และละออง โดยดักจับสารละอองที่เป็นอัตราย (VOCs) โดยรวดเร็ว
3.CADR
Clean Air Delivery Rate (CADR) เป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่แท้จริง&nbsp;ห้องที่มีขนาดใหญ่จึงต้องการเครื่องฟอกอากาศที่มีค่า CADR สูง&nbsp;ค่า CADR แนะนำ สำหรับแต่ละขนาดพื้นที่ห้อง :&nbsp;พื้นที่ห้อง (ตารางเมตร)ค่า CADR ขั้นต่ำที่แนะนำ<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240322/content/vtfrzgs7-20240322090739.JPG" style="width: 100%;">4.ค่า Airflow หรือ Air Volumeหากตัวเลขค่า Airflow ยิ่งมาก ก็หมายความว่า เครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว
5. ระดับเสียง
โดยทั่วไปแล้วเครื่องฟอกอากาศควรมีระดับเสียงขณะทำงานที่ 50 เดซิเบล ซึ่งจะไม่เป็นการรบกวนการพักผ่อน แหล่งอ้างอิง : https://www.electrolux.co.th ค้นหาบ้านถูกใจได้ที่นี่<a href="https://www.baania.com/" target=""><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240322/content/xfj5squm-20240322091532.png" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="" class="" role=""></a>

5 เคล็ดลับเลือกเครื่องฟอกอากาศ

หากเรากำลังจะนอนหรือพักผ่อนยามค่ำ แต่ดันมีเสียงก่อกวนยามวิกาล ไม่ว่าจะก่อสร้าง ต่อเติม หรือเพื่อนบ้านจัดปาร์ตี้กัน พวกเขาทำได้จริงหรือไม่ ต้องมีใบอนุญาตหรือเปล่า และเราจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อเรียกความสงบกลับคืน<h2>ก่อสร้างและต่อเติมเสียงดังยามวิกาล</h2>ข้อควรรู้เกี่ยวกับกฎหมายควบคุมเสียงและแสงในการก่อสร้าง มีดังนี้ <ul><li><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">การก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอน ไม่ควรมีเสียงที่ดังเกิน 75 เดซิเบล ในระยะระหว่าง 30 เมตร</li><li>ห้ามก่อสร้างในช่วงเวลา 22.00 – 06.00 น. ยกเว้นว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการแล้ว  </li></ul>ฉะนั้นหากเราเจอเสียงดังจากการก่อสร้าง ต่อเติม หรือรื้อถอนหลัง 4 ทุ่ม ถึง 6 โมงเช้า หรือมีเสียงก่อสร้างดังมากเกิน 75 เดซิเบล ทั้งๆที่เราอยู่ห่างเกิน 30 เมตรไปแล้ว เราควรแจ้งปัญหาเหล่านี้ให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง นั่นก็คือ 1. แจ้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น เจ้าของบ้าน, วิศวกรควบคุมงาน หรือสถาปนิกควบคุมงาน  <span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">2. แจ้งความเดือนร้อนได้ที่หน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานเขต, อบต. จังหวัด หรืออำเภอ  3.แจ้งความที่สถานีตำรวจในท้องที่ เพื่อบังคับให้ผู้ก่อสร้างชดใช้ค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370, 371 หรือฟ้องแพ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และ 421  4. ร้องทุกข์ต่อสภาวิศกร สภาสถาปนิก หรือสมาคมช่างเหมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;<h2>เพื่อนบ้านส่งเสียงดังยามวิกาล</h2><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">นอกจากเสียงก่อสร้างแล้ว เสียงดังรบกวนยามดึกที่เราเจอกันบ่อยๆ ก็คือเสียงดังมาจากเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะปาร์ตี้ ร้องเสียงดัง หรือสังสรรค์กับเพื่อนฝูง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นความผิดตามกฎหมายได้1. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 ผู้ที่ส่งเสียงดังอันไม่มีเหตุอันสมควรและทำให้บุคคลอื่นเดือดร้อน มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และตามมาตรา 371 หากเป็นการส่งเสียงดังที่คุกคามต่อคนจำนวนมาก มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ2. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และ 421 ผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นในด้านชีวิต ร่ายกาย อนามัย เสรีภาพ หรือสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยการที่เพื่อนบ้านส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อนนั้นนั้น ถือว่าส่งผลต่อสุขภาพอนามัยและละเมิดสิทธิในการอยู่อาศัยอย่างสงบ ซึ่งหากมีการฟ้องศาล ศาลสามารถออกคำสั่งให้เพื่อนบ้านหยุดพฤติกรรมเสียงดังได้ และเพื่อนบ้านที่ทำเสียงดัง จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนหากเกิดความเสียหายอีกด้วย<h2>วิธีแก้ปัญหาเพื่อนบ้านส่งเสียงดังแบบประนีประนอม</h2>แต่ถ้าหากไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต Baania มีวิธีมาแนะนำให้ลองทำตามดูกันครับ1. ป้องกันเสียงด้วยการพึ่งตัวเอง เช่น ใส่หูฟัง เปิดเพลงทุดโปรดกลบเสียง ใส่ที่อุดหู รูดผ้าม่านปิดเข้ามา&nbsp;<span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">ปิดหน้าต่างหรือบานเกล็ด หาซื้อแผ่นซับเสียงมาปิด เป็นต้น2. ลองพูดคุยกันดีๆ ลองตั้งสติทำใจร่มๆ แล้วลองไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านดูว่าจะหาจุดกึ่งกลางของเรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง3. ลองแจ้งนิติบุคคลของโครงการ ให้ช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ให้4. ถ้าทั้ง 3 ขั้นตอนที่ผ่านมาไม่ได้ผล ก็แนะนำให้แจ้งตำรวจ หรือผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงฟ้องศาล เพื่อใช้กฎหมายเข้าช่วย<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20221121/content/tq3tomj5-20221121033421.jpg" style="width: 100%;" alt="เจอเสียงดังยามวิกาลแบบนี้ แจ้งใครได้บ้าง" width="" height="" title="เจอเสียงดังยามวิกาลแบบนี้ แจ้งใครได้บ้าง" class="" role=""> เป็นอย่างไรบ้างครับกับการแก้ปัญหาเสียงดังก่อกวนชวนรำคาญใจยามวิกาลที่หลายคนต้องเจอ ลองนำความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย และวิธีการแก้ปัญหานี้ไปลองปรับใช้กันดูนะครับขอบคุณข้อมูล :&nbsp; <a href="https://www.moj.go.th/view/75639" target="_blank">https://www.moj.go.th/view/75639</a><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"=""> <a href="https://www.jorakay.co.th/blog/owner/other/next-door-to-increase-the-noise-illegal-or-not" target="_blank">https://www.jorakay.co.th/blog/owner/other/next-door-to-increase-the-noise-illegal-or-not</a><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"=""><span style="font-family: Nunito, -apple-system, BlinkMacSystemFont, " segoe="" ui",="" roboto,="" "helvetica="" neue",="" arial,="" sans-serif,="" "apple="" color="" emoji",="" "segoe="" ui="" symbol",="" "noto="" emoji";="" font-size:="" 1rem;"="">

เจอเสียงดังยามวิกาลแบบนี้  แจ้งใครได้บ้าง

โควิด 19 เริ่มผ่อนคลาย ใครวางแผนจะเที่ยว ต้องเช็กวันหยุดให้ดีเสียก่อน เรามาดูกันครับว่า วันหยุดประจำปี 2565 มีวันไหนกันบ้าง แล้ววันหยุดใดที่จะเป็นวันหยุดยาวให้เราไปเที่ยวไกลๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องลางานเยอะ&nbsp;<h2>วันหยุดเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>-วันที่ 1 มกราคม 2565 : วันขึ้นปีใหม่-วันที่ 3 มกราคม 2565 : วันหยุดชดเชยวันขึ้นปีใหม่<h2>วันหยุดเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;</h2>-วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 : วันมาฆบูชา<h2>วันหยุดเดือนเมษายน&nbsp;2565&nbsp;</h2>-วันที่ 6 เมษายน : วันจักรี-วันที่ 13-15 เมษายน 2565 : วันสงกรานต์<h2>วันหยุดเดือนพฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 : วันฉัตรมงคล- วันที่ 15 พฤษภาคม 2565 : วันวิสาขบูชา- วันที่ 16 พฤษภาคม 2565 : วันหยุดชดเชยวันวิสาขบูชา<h2>วันหยุดเดือนมิถุนายน&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 3 มิถุนายน 2565 : วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี<h2>วันหยุดเดือนกรกฎาคม 2565</h2>-วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 : วันอาสาฬหบูชา-วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 : วันเข้าพรรษา โดยหยุดเฉพาะข้าราชการ-วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 : วันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษตาม มติ ครม.&nbsp;-วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 : วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว-วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 : วันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษตาม มติ ครม.<h2>วันหยุดเดือนสิงหาคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 12 สิงหาคม 2565 : วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง&nbsp;หรือ วันแม่แห่งชาติ<h2>วันหยุดเดือนตุลาคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 13 ตุลาคม 2565 : วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร- วันที่ 14 ตุลาคม 2565 : วันหยุดราชการกรณีพิเศษประจำปี 2565&nbsp;- วันที่ 23 ตุลาคม 2565 : วันปิยมหาราช- วันที่ 24 ตุลาคม 2565 : วันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช<h2>วันหยุดเดือนธันวาคม&nbsp;2565&nbsp;</h2>- วันที่ 5 ธันวาคม 2565 : วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ หรือ วันพ่อแห่งชาติ- วันที่ 10 ธันวาคม 2565 : วันรัฐธรรมนูญ- วันที่ 12 ธันวาคม 2565 : วันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ- วันที่ 30 ธันวาคม 2565 : วันหยุดราชการกรณีพิเศษประจำปี 2565&nbsp;- วันที่ 31 ธันวาคม 2565 : วันสิ้นปีทราบวันหยุดประจำปีนี้กันไปแล้ว อย่าลืมน้ำไปวางแผนการท่องเที่ยวกันนะครับ และที่สำคัญใครไปเที่ยวต้องทิ้งบ้าน อย่าลืมปิดไฟ หรือล็อกบ้านให้พร้อมก่อนไปเที่ยว จะได้เที่ยวอย่างอุ่นใจ

วันหยุดประจำปี 2565 เช็กให้พร้อม ก่อนวางแผนเที่ยว

ไลฟ์สไตล์

12 ธุรกิจมาแรงหลัง Covid

Tech & Trends

เหล็กดัดหน้าต่าง ตัวสร้างความปลอดภัยให้บ้านของเรา เพื่อป้องกันโจรขโมยและผู้ไม่หวังดีเข้ามาทำอะไรกับบ้านของเราในราคาที่ไม่แพงมากนัก เมื่อเทียบกับวิธีอื่น ซึ่งทุกวันนี้เหล็กดัดประตูหน้าต่างมีหลายเกรด หลายขนาด และหลายราคา แล้วจะเลือกเหล็กดัดแบบไหนถึงจะทำให้บ้านเราปลอดภัย แถมยังมีความสวยงามทำให้บ้านน่าอยู่อาศัยด้วย เรามาดูเคล็ดลับการเลือกเหล็กดัดหน้าต่างกันครับ
<h2>1. เลือกจากความหนาของเหล็กดัดหน้าต่าง</h2>
สำหรับความหนาของเหล็กดัดหน้าต่างนั้น โดยทั่วไปมักใช้ขนาด 4 หุนตัน เพราะแข็งแรงและราคาไม่แพงมากจนเกินไป แต่ถ้ามีงบน้อยก็อาจจะใช้ขนาด 3 หุนตันก็ได้ แต่จะมีความบางกว่าเล็กน้อย แต่ก็พอที่จะป้องกันความปลอดภัยได้ และไม่แนะนำขนาดเหล็กที่มากกว่า 4 หุนตัน เนื่องจากจะใหญ่เกินไป ไม่สวยงาม และไม่จำเป็นต้องให้แข็งแรงมากขนาดนั้น
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1623078605582-1. เลือกจากความหนาของเหล็กดัดหน้าต่าง.jpg" alt="เหล็กดัดหน้าต่าง" width="608" height="890" />
<h2>2. เลือกรูปแบบของเหล็กดัดหน้าต่าง</h2>
ปัจจุบันรูปแบบของเหล็กหน้าต่างมีอยู่ 2 แบบหลักๆ คือเหล็กดัดครอบด้านนอกบ้านและเหล็กดัดครอบในบ้าน
<ul>
<li>
<h3>เหล็กดัดครอบด้านนอกบ้าน</h3>
</li>
</ul>
&nbsp;เหล็กดัดครอบนอกบ้าน เป็นเหล็กดัดแบบยึดเข้าตัวกับตัวบ้านอย่างแน่นหนาที่ด้านนอกหน้าต่างแบบปิดตาย ข้อดีก็คือมีราคาถูก เมื่อคนร้ายเห็นตั้งแต่ภายนอกบ้านอาจรู้สึกได้ทันทีว่าบ้านนี้เข้ายาก แต่ข้อเสียก็คือเมื่อเหล็กดัดต้องอยู่นอกตัวบ้าน เมื่อต้องเจอกับสภาพอากาศที่หลากหลายอาจเกิดสนิมและผุกร่อนได้ง่ายๆ ที่สำคัญ เมื่อเกิดเหตุอะไรในบ้านตัวคนอยู่ในบ้านเองอาจออกจากบ้านได้ลำบากอีกด้วย เช่น หากเกิดไฟไหม้อาจไม่สามารถวิ่งออกทางหน้าต่างได้ ฉะนั้นใครที่เลือกเหล็กดัดหน้าต่างแบบติดตาย ตามกฎหมายแล้วจะต้องมีหน้าต่างอย่างน้อย 1 บาน ขนาดไม่ต่ำกว่า 60x80 เซนติเมตร ที่ไม่ติดเหล็กดัดหรือติดเหล็กดัดแบบไม่ติดตายเพื่อเป็นช่องทางหนีไฟยามเกิดเหตุไฟไหม้ด้วย
<ul>
<li>
<h3>เหล็กดัดครอบในบ้าน</h3>
</li>
</ul>
เหล็กดัดครอบในบ้าน เป็นเหล็กดัดที่เหมาะกับหน้าต่างบานเลื่อน ซึ่งจะครอบไว้ด้านในของตัวบ้าน แล้วยังทำให้เราเลื่อนเปิดเพื่อออกสู่นอกตัวบ้านได้ ข้อดีก็คือมีความทนทานสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน เพราะไม่ต้องเจอกับสภาพอากาศที่หลากหลาย แต่มีราคาค่อนข้างสูง
หากยังหาคำตอบไม่ได้ว่าติดเหล็กดัดแบบไหนดี อยู่ที่ความสะดวก ลักษณะหน้าต่าง และงบประมาณของเรา ถ้ายังหาคำตอบไม่ได้แนะนำให้ลองปรึกษาร้านหรือช่างผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งไม่ว่าจะติดเหล็กดัดแบบไหนก็สามารถเปิดหน้าต่างได้ทั้งนั้นครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1623078617944-2. เลือกรูปแบบของเหล็กดัดหน้าต่าง.jpg" alt="เหล็กดัดหน้าต่าง" width="608" height="842" />
<h2>3. เลือกชนิดเหล็กดัดหน้าต่าง</h2>
เมื่อเลือกรูปแบบกันแล้ว เรามาเลือกชนิดของเหล็กดัดหน้าต่างกันต่อครับ มี 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
<ul>
<li>
<h3>เหล็กเส้นแบน</h3>
</li>
</ul>
เหล็กเส้นแบน เป็นเหล็กทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีลักษณะเป็นแนวยาวและผิวเรียบ จะมีความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 6 เมตร โดยอาจนำไปใช้เป็นเหล็กเชื่อมระหว่างเหล็กเส้นกลมให้อยู่ในแนวเดียวกันได้ หรือจะใช้เป็นเหล็กเส้นแบนอย่างเดียวในการทำเป็นเหล็กดัดติดหน้าต่างก็ได้เหมือนกัน
<ul>
<li>
<h3>เหล็กเส้นกลม</h3>
</li>
</ul>
เหล็กเส้นกลม นิยมนำมาติดเป็นเหล็กดัดประตูและหน้าต่าง มีลักษณะเป็นเส้นกลม ผิวเรียบ และมีเส้นรอบวง เพื่อให้เหล็กมีความแข็งแรงกว่าเหล็กเส้นแบน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับขนาดและความหนาของเส้นเหล็กด้วยครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1623078628836-3. เลือกชนิดเหล็กดัดหน้าต่าง.jpg" alt="เหล็กดัดหน้าต่าง" width="608" height="439" />
<h2>4. เลือกสีเหล็กดัดหน้าต่าง</h2>
มาเข้าสู่ขั้นตอนของการเลือกสีเหล็กดัดหน้าต่างกันบ้าน ซึ่งลักษณะการทำสีเหล็กดัดนั้นมักจะเลือกสีให้ตรงกับสไตล์ของบ้าน สีส่วนใหญ่จึงมักเป็นสีที่เข้ากับผนังบ้านและเป็นสีเดียวกับวงกบหน้าต่าง ส่วนสีที่เน้นเรื่องความปลอดภัยก็มักจะเป็นสีดำ สีน้ำตาลเข้ม สีครีม และสีขาว ซึ่งจะใช้วิธีการทำสีเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ
<ul>
<li>สีอบ ซึ่งจะให้ความเงางามและความทนทานมากกว่าสีประเภทอื่น แต่ข้อต้องระวังก็คือมีราคาค่อนข้างสูง</li>
<li>สีพ่นหรือสีทา ลักษณะการทำสีแบบนี้ร้านเหล็กดัดมักทำเองได้ จะมีความทนทานน้อยกว่าสีอบ แต่ก็มีราคาถูกกว่าลักษณะการทำสีแบบอบ</li>
</ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1623078642259-4. เลือกสีเหล็กดัดหน้าต่าง.jpg" alt="เหล็กดัดหน้าต่าง" width="608" height="850" />
<h2>5. ลวดลายเหล็กดัดหน้าต่าง</h2>
นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว เรื่องความสวยงามของเหล็กดัดหน้าต่างที่จะเข้ากับตัวบ้านของเราก็สำคัญ ในปัจจุบันเหล็กดัดสามารถดัดทำเป็นลวดลายได้หลากหลายแบบตามความต้องการของผู้สั่ง แต่หากต้องการลวดลายที่ทำความสะอาดได้ง่าย ดูสบายตา ควรเลือกเหล็กดัดที่มีรายละเอียดน้อยๆ มีลวดลายไม่ซับซ้อน และควรมีช่องว่างระหว่างเหล็กดัดเพื่อให้แสงภายนอกส่องผ่านเข้ามาในบ้านได้ แต่ก็ไม่ควรมีช่องว่างมากเกินไป เพราะอาจไม่ปลอดภัยได้เช่นกัน
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1623078654994-5. ลวดลายเหล็กดัดหน้าต่าง.jpg" alt="เหล็กดัดหน้าต่าง" width="608" height="405" />
<h2>6. คำนวณขนาดเหล็กดัดหน้าต่างให้ดี</h2>
และอีกสิ่งสำคัญในการติดเหล็กดัดหน้าต่างก็คือการคำนวณขนาดของหน้าต่างกับเหล็กดัดหน้าต่างให้พอดีกัน โดยควรวัดวัดขนาดความกว้างและความยาวให้พอดี เพื่อให้ช่างที่ชำนาญด้านเหล็กดัดออกแบบให้ตรงกับพื้นที่ที่ต้องการติดตั้ง หากกลัววัดพลาดให้ช่างหรือผู้ชำนาญมาวัดให้ก็ได้นะครับ เพราะหากพลาดแล้ว นอกจากจะต้องเสียเวลาในการทำเหล็กดัดใหม่แล้ว ยังต้องเสียเงินในการทำเพิ่มอีกด้วยนะครับ ไม่เพียงแค่วัดขนาดให้พอดีกับหน้าต่างของเรา แต่เราต้องเลือกพื้นที่หรือตำแหน่งที่จะติดเหล็กดัดหน้าต่างให้ดีและถูกต้องด้วยนะครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1623078664632-6. คำนวณขนาดเหล็กดัดหน้าต่างให้ดี.jpg" alt="เหล็กดัดหน้าต่าง" width="608" height="303" />
เป็นอย่างไรบ้างครับกับ 6 วิธีเลือกเหล็กดัดหน้าต่างให้ปลอดภัยและสวยงาม รับรองว่าถ้าเลือกตามวิธีที่เราให้กันแล้วจะไม่มีพลาดอย่างเด็ดขาดเลยละครับ

SEO_Cover_เหล็กดัด.jpg

เลือกเหล็กดัดหน้าต่างอย่างไรให้ปลอดภัยและสวยงาม

ลูกกรงเหล็ก อีกหนึ่งวัสดุทำราวระเบียงบ้านหรือราวบันไดกันตกที่เป็นสิ่งสะท้อนสไตล์ของบ้านออกมา และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเพิ่มความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะเด็กๆ หรือผู้สูงวัย ซึ่งสำหรับลูกกรงเหล็กนั้นมีความทนทาน แข็งแรง สามารถออกแบบลวดลายได้หลายอย่าง แต่ใช่ว่าเพียงแค่ติดตั้งก็จะปลอดภัยทันที แต่ยังต้องมีหลักการติดตั้งลูกกรงเหล็กด้วย มาดูกันครับว่าจะติดตั้งอย่างไรให้ปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัย
 ก่อนจะไปดูว่าติดตั้งลูกกรงเหล็กอย่างไร เราต้องมาทำความรู้จักกับราวลูกกรงเหล็กกันสักหน่อยครับ ลูกกรงเหล็ก เป็นวัสดุหนึ่งที่สามารถเอามาทำเป็นราวบันได ราวระเบียง โดยจะใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลักในราวบันไดและราวระเบียง ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ทำความสะอาดง่าย ไม่เพียงเท่านั้นยังสวยงามดัดลายในแบบที่ต้องการได้ง่าย ทั้งเป็นซี่เหล็กแบบตรง, เหล็กแบบโค้งมน หรือลวดลายอื่นตามการออกแบบ แต่ปัญหาหนึ่งที่อาจต้องเจอจากการใช้ลูกกรงเหล็กก็คือเรื่องของสนิมนั่นเองครับ มักนิยมใช้กับแบบบ้านสไตล์ลอฟท์และแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น
เมื่อรู้จักกันแล้วว่าลูกกรงเหล็กคืออะไร เรามาดูวิธีติดตั้งลูกกรงเหล็กให้ปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัยกันดีกว่าครับว่าทำอย่างไร
<h2>1. ความสูงของลูกกรงเหล็ก</h2>
 ระยะความสูงของราวลูกกรงเหล็กที่ปลอดภัยควรจะมีความสูงอย่างน้อย 110 เซนติเมตร ซึ่งปกติจะอยู่ในช่วงระหว่าง 110-150 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้เด็กๆ สามารถปีนจนอาจเกิดเป็นอันตรายตกลงมาได้ แต่หากที่บ้านไม่มีเด็กอาจสูงอย่างน้อย 90 เซนติเมตรก็ได้ครับ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1622444156035-pexels-photo-2121121.jpg" alt="ลูกกรงเหล็ก" width="608" height="507" />
<h2>2. ระยะห่างของลูกกรงเหล็ก</h2>
 สำหรับระยะห่างของซี่ลูกกรงเหล็กแต่ละซี่ควรจะมีความห่างไม่เกิน 10 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กๆ หรือคนในบ้านสามารถลอดออกมาจากช่องระหว่างซี่ลูกกรงเหล็กได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยได้
<h2>3. ถ้าจะใช้ลูกกรงเหล็กแบบโปร่ง ควรจะเป็นแนวตั้ง</h2>
 ถ้าจะคิดว่าใช้ลูกกรงเหล็กแบบโปร่ง ควรจะเลือกวางลูกกรงเหล็กในแนวตั้ง หากวางเป็นแนวนอนแล้วบ้านมีเด็กเล็กๆ คุณหนูๆ อาจใช้ลูกกรงเหล็กเป็นชั้นในการเหยียบไปปีนป่ายราวบันไดหรือราวระเบียงจนอาจเป็นอันตรายได้นะครับ
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1622444140615-pexels-photo-4857783.jpg" alt="ลูกกรงเหล็ก" width="608" height="495" /> 4. เพิ่มตาข่ายกันเด็กให้ราวกันตก</h2>
 บ้านใครที่มีเด็กๆ แล้วกังวลใจว่าเด็กๆ จะปีนป่ายราวลูกกรงเหล็กตกไปหรือเปล่า แนะนำว่าให้ขึงตาข่ายๆ ที่แข็งๆ ที่บริเวณราวลูกกรงเหล็กๆ นั้นๆ เพื่อจะได้อุ่นใจปลอดภัยได้มากขึ้นครับ
<h2>5. เลือกสีลูกกรงเหล็กให้เข้ากับสไตล์บ้าน</h2>
 นอกจากความปลอดภัยที่ต้องใส่ใจแล้ว เรื่องของความสวยงามของบ้านก็ต้องใส่ใจด้วย ฉะนั้นการเลือกรูปแบบและสีสันของลูกกรงเหล็ก ควรจะเลือกให้เข้ากับสไตล์บ้านของเราด้วย แต่ถ้าหากอยากได้สีกลางๆ ที่เข้ากับบ้านในทุกสไตล์ก็น่าจะเป็นสีเงิน สีดำ สีน้ำตาล หรือทาสีขาวครับ
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1622444171885-pexels-photo-5845549.jpg" alt="ลูกกรงเหล็ก" width="608" height="804" /></h2>
<h2>6. ถ้าใช้เป็นราวลูกกรงเหล็กแบบชุบกัลวาไนซ์ได้จะดี</h2>
 การเลือกใช้ราวลูกกรงเหล็กแบบกัลวาไนซ์ จะช่วยลดข้อเสียในเรื่องสนิมของลูกกรงเหล็กทั่วไปได้ แถมยังมีความแข็งแรง ทนต่อทุกสภาวะอากาศได้เป็นอย่างดี
 ลูกกรงเหล็ก อีกหนึ่งวัสดุทำราวบันไดหรือราวระเบียง ที่หาได้ง่าย ถ้าติดตั้งได้อย่างถูกต้องก็จะสวยงาม และปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัยนะครับ ฉะนั้นอย่าลืมเอาวิธีที่เรานำเสนอไปปรับใช้ก่อนจะติดตั้งลูกกรงเหล็กด้วยนะครับ

ติดตั้งลูกกรงเหล็กกันตกอย่างไร ให้ปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัย

สุนัข ถือเป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งที่อยู่ใกล้ชิด และสัมผัสกับมนุษย์มากที่สุด จนได้ชื่อว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความซื่อสัตย์ และมีความรักภักดีต่อเจ้าของ อีกทั้งเป็นที่ทราบกันดีว่าน้องหมานั้นจะทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์บ้านตัวยงเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ขโมย หรือคนที่ไม่รู้จักเข้ามายังภายในบ้าน
แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าสุนัขนั้นก็มีหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงไปลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างต่างกันออกไป วันนี้ เราจึงได้ทำการรวบรวม 12 สายพันธ์ุสุนัขเฝ้าบ้านมาฝากแก่คุณผู้อ่านทุกท่าน โดยเริ่มกันที่
<h2>1. ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler)</h2>
หนึ่งในสายพันธ์ุสุนัขที่เลื่องลือในความดุชนิดกัดไม่ปล่อยซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งสุนัขที่มีความดุร้ายพอสมควร หากไม่ได้รับการเลี้ยงดู หรือฝึกฝนเป็นอย่างดีเนื่องจากสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อาศัยเองได้ด้วย แต่ถึงอย่างไรสุนัขชนิดนี้ก็ยังมีข้อดีในเรื่องของความสะอาด ปราดเปรียว รวมถึงความจงภักดีต่อเจ้าของแต่จะไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้าซึ่งท่านต้องมีการแนะนำสักระยะเพื่อให้เขาคุ้นชิน จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับนำมาเฝ้าบ้านเพื่อป้องกันบุคคลแปลกหน้า หรือผู้ไม่หวังดี
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093241680-ร็อตไวเลอร์.jpg" alt="ร็อตไวเลอร์" width="1020" height="765" />
<h2>2. โดเบอร์แมน พินเชอร์ (Doberman Pinscher)</h2>
หนึ่งในพันธุ์สุนัขที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วโดยสามารถเข้าโจมตีผู้บุกรุก หรือเหยื่อได้เพียงในระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องด้วยลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างตื่นตัว มีความกล้าหาญ และภักดีต่อเจ้าของ จึงกลายเป็นสุนัขอีกหนึ่งชนิดที่ติดอันดับ 5 อันดับของสุนัขที่ฉลาดที่สุด จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับท่านที่ต้องการนำน้องไปเฝ้าบ้าน
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093216262-โดเบอร์แมนพินเชอร์.jpg" alt="โดเบอร์แมน พินเชอร์" width="1020" height="765" />
<h2>3. ชิวาวา (Chiwawa)</h2>
น้องหมาไซต์มินิ จิ๋วแต่แจ๋วที่เคยถูกโหวตติดท็อปเทนของสุนัขเฝ้าบ้าน แม้ด้วยขนาดลำตัวที่เล็กพริกขี้หนู แต่กลับเป็นสุนัขพันธุ์ยอดฮิตในหมู่ประเทศแถบเอเชีย และยุโรป เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย รวมถึงอิตาลี ทั้งนี้ยังเป็นสุนัขที่มีลีลาการเห่าไม่เตือนภัยให้เจ้าของรู้ตัวแบบไม่ธรรมดา แม้ว่าจะเทียบถีงปัจจัยเรื่องสรีระ และความแข็งแรงจะไม่เท่ากับสุนัขสายพันธุ์อเมริกา
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093200456-ชิวาวา.jpg" alt="ชิวาวา" width="1020" height="765" />
<h2>4. ยอร์คเชียเทอร์เรีย (Yorkshire Terrier)</h2>
สุนัขพันธุ์เล็ก ที่มีความฉลาด และน่ารัก จึงกลายเป็นความนิยมในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ไทย หรืออเมริกา เนื่องจากมีความเป็นยามเฝ้าบ้านที่ดี รู้จักสังเกตเมื่อมีสิ่งแปลกปลอม หรือผู้บุกรุกเข้ามาก็จะทำหน้าที่เห่าส่งสัญญาณเตือนให้เจ้าของบ้านได้รู้ตัว จึงถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธ์ุที่น่าสนใจ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093185522-ยอร์คเชียเทอร์เรีย.jpg" alt="ยอร์คเชียเทอร์เรีย" width="1020" height="765" />
<h2>5. ไจแอนท์ ซเนาเซอร์ (Giant Schnauzer)</h2>
หนึ่งในสุนัขที่ทรงกำลังเนื่องจากพลังค่อนข้างเยอะ มีความตื่นตัว แข็งแรง ฉลาด และจงรักภักดีเป็นอย่างมากจึงเหมาะแก่การนำมาเฝ้าบ้านเป็นอย่างยิ่ง โดยต้องได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มตั้งแต่เเรกเนื่องจากสุนัขจะได้เรียนรู้ และคุ้นชินเพื่อช่วยในการปฏิบัติตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเสียง และลักษณะทางอารมณ์ที่มั่นคงอีกด้วย
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093169354-ไจแอนท์ซเนาเซอร์.jpg" alt="ไจแอนท์ ซเนาเซอร์" width="1020" height="765" />
<h2>6. เครน เทอร์เรียร์ (Cairn Terrier)</h2>
สุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างแดนเพราะมีความน่ารัก แถมยังมีความสามารถที่หลากหลายด้วยลักษณะที่ร่าเริง กล้าหาญ สามารถปรับตัวเข้าหาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี และมีอายุที่ยืนยาวประมาณ 12 - 15 ปี อีกทั้งยังมีความหวงบ้าน และหวงเจ้าของจึงเหมาะแก่การนำมาเฝ้าบ้าน
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093153234-เครนเทอร์เรียร์.jpg" alt="เครน เทอร์เรียร์" width="1020" height="765" />
<h2>7. บูลมาสตีฟ (Bullmastiff)</h2>
ด้วยลักษณะอ่อนโยน และมีเสน่ห์ จึงเหมาะกับครอบครัวที่ต้องการนำมาเลี้ยงแต่มีเด็กเล็กที่ไม่ซนมากนักเนื่องด้วยลักษณะที่น่าเกรงขาม พละกำลังมาก และแข็งแรง ช่วงชีวิตประมาณ 8-10 ปี มักไม่ค่อยนิยมเลี้ยงกันมากนักแต่ถึงอย่างไรก็สามารถทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้ดีไม่แพ้สายพันธุ์อื่นๆ
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093138691-บูลมาสตีฟ.jpg" alt="บูลมาสตีฟ" width="1020" height="765" />
<h2>8. เยอรมัน เชฟเฟิร์ด (German Shepherd)</h2>
เป็นหนึ่งในสุนัขที่นิยมเจออยู่เสมอ เนื่องจากฉลาด และฝึกได้ง่าย มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง กระตือรือร้น ทั้งยังกระฉับกระเฉงถ้าเปรียบกับคนก็คงเป็นหนึ่งในพนักงานที่ดีที่สุดในออฟฟิศ ในส่วนของการแสดงออกก็ไม่ได้ก้าวร้าว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุคคลที่ต้องพบเจอ หรือการปฏิบัติต่อเจ้าสุนัข หากได้ยิน หรือมองเห็นเสียงแปลกปลอมหางจะตก
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093109164-เยอรมันเชฟเฟิร์ด.jpg" alt="เยอรมัน เชฟเฟิร์ด" width="1020" height="765" />
<h2>9. เกรท เดน (Great Dane)</h2>
เจ้ายักษ์ผู้ใจดีเนื่องด้วยขนาดลำตัวที่ใหญ่แต่มีนิสัยสุภาพ ขี้เล่น กินจุ ปฏิบัติตัวดีเมื่อต้องอยู่กับเด็ก ๆ รวมถึงเข้ากับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ได้ดีอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่สามารถอารักขา และสร้างความเกรงกลัวสำหรับผู้ไม่หวังดีเมื่อจะเข้ามาภายในบริเวณบ้าน แต่ทั้งนี้สิ่งที่ต้องคำนึงคือ ขนาดพื้นที่กว้าง ๆ ให้น้องได้วิ่งเล่นเพื่อไม่ให้สุนัขนั้นเกิดความเครียด
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093081359-เกรทเดน.jpg" alt="เกรท เดน" width="1020" height="765" />
<h2>10. สแตฟฟอร์ดเชอร์ เทอร์เรีย (Staffordshire Terrier)</h2>
หากถามถึงสุนัขที่สุภาพ และใจดี เจ้าสแตฟฟอร์ดก็ถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ใจกว้าง และเข้ากับเด็ก รวมถึงสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ได้ดี แต่ก็ด้วยแฝงนิสัยการต่อสู้ที่ดุดันพอสมควร แต่นิสัยเหล่านี้จะปรากฏก็ต่อเมื่อเป็นผู้ถูกกระทำจึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน และถูกสอนมาตั้งแต่เด็กเพื่อไม่ให้สร้างความก้าวร้าวต่อสัตว์เลี้ยงตัวอื่น หรือมนุษย์
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093067351-สแตฟฟอร์ดเชอร์เทอร์เรีย.jpg" alt="สแตฟฟอร์ดเชอร์ เทอร์เรีย" width="1020" height="765" />
<h2>11. มินิชเนาเซอร์ (Miniature Schnauzer)</h2>
หนึ่งในพันธุ์สุนัขที่กาลครั้งหนึ่งมีราคาแพงมาก เนื่องด้วยความฉลาด ว่องไว ทั้งประสาทในการรับ และดมกลิ่น รวมถึงเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือเห่าเก่งทำให้ช่วยในการส่งสัญญาณเตือนภัยแก่เจ้าของ ทั้งนี้ด้วยลักษณะลำตัวค่อนข้างเล็กจึงสามารถนำไปเลี้ยงในพื้นที่บ้าน หรือพื้นที่คอนโดที่มีขนาดไม่กว้างนักได้อีกด้วย
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093047994-มินิชเนาเซอร์.jpg" alt="มินิชเนาเซอร์" width="1020" height="765" />
<h2>12. เวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย (West Highland White Terrier)</h2>
สุนัขผู้รักความสันโดษ สายพันธุ์จากสกอตแลนด์ที่มีความฉลาด แต่แอบดื้อเล็กน้อยจึงเป็นสุนัขที่ต้องได้รับการฝึกฝน และให้กำลังจากเจ้าของ ด้วยลักษณะรูปลักษณ์ที่สวยงามจึงเป็นที่นิยมในการนำไปถ่ายโฆษณา แต่หากพูดถึงเรื่องเฝ้าบ้านก็ถือว่าดีไม่แพ้หน้าตาอย่างแน่นอน
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603093028991-เวสต์ไฮแลนด์ไวท์เทอร์เรีย.jpg" alt="เวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย" width="1020" height="765" />
จบลงไปแล้วกับสุนัข 12 สายพันธุ์ที่เราได้รวบรวมมาฝากแก่คุณผู้อ่านทุกท่าน หวังว่าจะถูกใจ และช่วยในการประกอบการตัดสินใจ หากท่านอยากมีสุนัขเฝ้าบ้านไว้สักตัว หรือเป็นเพื่อนแก้เหงา หวังว่าจะได้คำตอบกันนะครับ

สุดยอดสุนัขเฝ้าบ้าน 12 สายพันธุ์น่าเลี้ยง

ถังดับเพลิงคืออุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาปัญหาอัคคีภัยที่ทุกบ้านควรมีไว้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะเพียงเสี้ยววินาทีในสถานการณ์คับขัน การมีอุปกรณ์ในการป้องกันอาจเปลี่ยนชีวิตท่านไปตลอดกาลเลยก็ได้ ดังนั้นก่อนเลือกใช้ถังดับเพลิงชนิดใดให้เหมาะกับบ้าน เราควรทำความเข้าใจการทำงานและชนิดของถังดับเพลิงนั้น ๆ ให้ละเอียดนั่นเอง
<h2>ประเภทของถังดับเพลิง</h2>
ถังดับเพลิงแบ่งออกเป็น 6 ประเภทใหญ่ ๆ มีการจำแนกตามองค์ประกอบทางด้านเคมีและวัตถุประสงค์หลักในการใช้งานเป็นสำคัญ ประกอบไปด้วย
<h3>1. ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง</h3>
ถังดับเพลิงประเภทนี้ ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อบรรเทาปัญหาอัคคีภัยในสภาพพื้นที่อันมีข้อจำกัด อาทิ บ้าน อาคารสำนักงาน โรงแรม รถยนต์ ตลอดจนที่โล่งแจ้ง โดยกระบวนการทำงานของถังประเภทนี้ จะนำผงเคมีแห้งที่มีคุณสมบัติตัดออกซิเจน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง ผ่านสายแรงดันที่ถูกผูกติดไว้กับตัวถัง สามารถหยุดยั้งการลุกลามของไฟได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี ถึงอุปกรณ์ชิ้นนี้จะสามารถสกัดกั้นการลุกลามของไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่สามารถการันตีได้ว่า เชื้อเพลิงที่หลงเหลืออยู่จะสามารถปะทุขึ้นมาได้อีกครั้งได้หรือไม่ จึงควรใช้กับการดับเพลิงอันเกิดจาก ของแห้งซึ่งเป็นเชื้อเพลงธรรมดา ของเหลวติดไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่สามารถใช้น้ำดับได้ เป็นต้น
<h3>2. ถังดับเพลิงชนิดน้ำยาเหลวระเหย HCFC-123</h3>
ด้วยความที่ถังดับเพลิงประเภทนี้บรรจุน้ำยาเหลวระเหยที่มีลักษณะเย็นจัด สามารถสกัดกั้นการลุกลามของไฟได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการดับเพลิงแทบทุกประเภท เนื่องจากมีคุณลักษณะที่ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า สามารถใช้ได้กับห้องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญคือ ไม่ทิ้งคราบตกค้างจากเพลิงไหม้ไว้ให้บาดใจอีกด้วย แต่ถังดับเพลิงประเภทนี้ ถือเป็นสารเคมีอันตรายที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนถูกห้ามใช้กับอุตสาหกรรมบางประเภท อีกทั้งยังมีราคาสูงกว่าถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งอยู่หลายเท่าตัวอีกด้วย
<h3>3. ถังดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์</h3>
ผลิตจากน้ำแข็งแห้งบรรจุอยู่ในตัวถังอันแข็งแรง เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ซึ่งมีแรงดันสูง ส่วนใหญ่มักนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแทบทุกขนาด เนื่องจากสามารถควบคุมไฟที่เกิดจากน้ำมันและป้องกันกระแสไฟฟ้าได้ดี
ถึงแม้ว่าถังดับเพลิงประเภทนี้จะได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง แต่ค่อนข้างมีน้ำหนักมาก และมีราคาสูง จึงไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านเรือนสักเท่าไร แต่หากท่านใดติดใจในคุณภาพจะมีไว้ประดับบ้านก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
<h3>4. ถังดับเพลิงชนิดน้ำยาโฟม</h3>
รูปลักษณ์ภายนอกของถังดับเพลิงชนิดนี้ ค่อนข้างแตกต่างจากถังอื่น ๆ เนื่องจากตัวถังทำด้วยสแตนเลสทั้งใบบรรจุด้วยน้ำยาโฟมแบบเต็มอัตรา มีคุณสมบัติสามารถหยุดยั้งเชื้อเพลงซึ่งมีสาเหตุมาจากน้ำมันได้เป็นอย่างดี เราจึงมักพบเห็นถังดับเพลิงประเภทนี้ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมัน หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมี
แต่ถึงกระนั้น ถังดับเพลิงชนิดน้ำยาโฟม ก็สามารถนำมาใช้เพื่อระงับเหตุอัคคีภัยภายในบ้านได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องระมัดระวังอย่าใช้ในบริเวณที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เพราะน้ำยาโฟมถือเป็นตัวนำไฟชั้นดี ซึ่งอาจไม่ส่งผลดีต่อผู้ใช้งานก็เป็นได้
<h3>5. ถังดับเพลิงชนิด BF2000</h3>
ถังดับเพลิงสีเขียวชิ้นนี้ ถูกบรรจุด้วยน้ำยาสารเหลวระเหยที่มีคุณสมบัติดับไฟได้แทบทุกประเภท มีคุณภาพสูง ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับการดับไฟในพื้นที่ซึ่งมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอิเล็คทรอนิคส์ เนื่องจากสารเหลวระเหยเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นแก๊สซึ่งไม่ทำลายระบบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงนิยมใช้กันมากบนเครื่องบิน หรือในอุตสาหกรรมเครื่องมือสื่อสาร เป็นต้น
ถึงถังดับเพลิงชนิดนี้จะมีคุณภาพดี แต่กับไม่สอดคล้องกับการใช้งานในบริเวณบ้านมากนัก เนื่องจากถังดับเพลิงชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูง ที่สำคัญคือไม่สามารถใช้ดับเพลิงไหม้ที่เกิดในบริเวณห้องครัวได้นั่นเอง
<h3>6. ถังดับเพลิงเคมีสูตรน้ำ</h3>
เหมาะสำหรับใช้ดับไฟในบ้านที่อุดมไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ อาทิ กระดาษ ไม้ หรือเสื้อผ้า เนื่องจากมีคุณสมบัติในการลดอุณหภูมิของวัตถุต้นเพลิงได้ดี หากมีติดบ้านไว้ก็สามารถอุ่นใจได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถังดับเพลิงประเภทนี้ค่อนข้างมีราคาสูง โดยถังดับเพลิงเคมีสูตรน้ำที่ได้มาตรฐานจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 &ndash; 5,000 บาท เลยทีเดียว
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597685452486-ประเภทถังดับเพลิง.jpg" alt="ประเภทของถังดับเพลิง" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>ถังดับเพลิงที่ควรมีในบ้าน</h2>
ที่จริงแล้ว ถังดับเพลิงที่กล่าวมาข้างต้นเกือบทุกประเภท สามารถใช้งานในบริเวณบ้านหรืออาคารที่พักได้แทบทั้งหมด ซึ่งผู้อยู่อาศัยควรพิจารณาจากวัตถุต้องสงสัยที่อาจเป็นเชื้อเพลิงในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งสามารถจำแนกออกได้เป็น 4 ประเภทด้วยกัน เช่น
<ul>
<li>ประเภท A ประกอบด้วยเชื้อเพลิงซึ่งเป็นของแข็งจำพวก ไม้แห้ง กระดาษ หรือพลาสติก เป็นต้น</li>
<li>ประเภท B ประกอบด้วยของเหลวติดไฟ อาทิ น้ำมันชนิดต่าง ๆ เป็นต้น</li>
<li>ประเภท C ประกอบด้วย อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องมือสื่อสารที่มีไฟฟ้าไหลผ่านอยู่</li>
<li>ประเภท K ประกอบด้วยน้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหาร อาทิ น้ำมันพืช น้ำมันเตา เป็นต้น</li>
</ul>
เมื่อเราพิจารณาจากองค์ประกอบเหล่านี้จนครบถ้วนแล้ว ก็สามารถเลือกถังดับเพลิงที่เราได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นให้เหมาะสมกับวัตถุที่อาจเป็นเชื้อเพลิงในประเภทต่าง ๆ เช่น หากบ้านเราเป็นร้านค้าที่มีของแข็งประเภท A เป็นโครงสร้างหลัก ก็สามารถเลือกใช้ ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง หรือหากบริเวณบ้านเป็นสถานประกอบการร้านอาหารประเภท K ก็ใช้ถังดับเพลิงเคมีสูตรน้ำ เป็นต้น
ดังนั้น การเลือกถังดับเพลิงจึงต้องคำนึงถึงลักษณะพื้นที่และการใช้ประโยชน์เป็นสำคัญ จึงไม่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงลงไปได้ว่า ผู้อยู่อาศัยต้องใช้ถังดับเพลิงประเภทใด จึงต้องขอละไว้ให้ทุกท่านนำไปพิจารณาและตัดสินใจด้วยตัวเอง
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597685479377-ถังในบ้าน.jpg" alt="ถังในบ้าน" /></h2>
<h2>สถานที่ในบ้านที่ควรวางถังดับเพลิง</h2>
การติดตั้งถังดับเพลิงไว้ในบ้านควรคำนึงถึงหลักการดังต่อไปนี้
<ul>
<li>ติดตั้งในจุดที่มองเห็นง่าย และสามารถนำมาใช้ได้สะดวก</li>
<li>ติดตั้งในจุดที่เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ อาทิ ห้องครัว ห้องนอน หรือลานจอดรถ เป็นต้น</li>
<li>ติดตั้งในจุดที่สูงกว่าพื้นประมาณ 1 เมตร</li>
</ul>
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597685505719-สถานที่ที่ควรวางถังดับเพลิง.jpg" alt="สถานที่ที่ควรวางถังดับเพลิง" /></h2>
<h2>วิธีการเช็คถังดับเพลิงให้พร้อมใช้งาน</h2>
<ul>
<li>ตรวจสอบระดับความดันของถังดับเพลิง จากมาตรวัดบริเวณส่วนบนของตัวถังเป็นประจำทุกเดือน หากมาตรวัดมีความคลาดเคลื่อนให้เติมแรงดันลงไปจนกว่าจะอยู่ในระดับที่พร้อมใช้งาน</li>
<li>ตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วงถังดับเพลิง อาทิ สายฉีดและสายส่ง ว่ามีการปริแตกหรือชำรุดเสียหายหรือไม่</li>
<li>ตรวจสอบสภาพภายนอกของถังดับเพลิง ต้องไม่เป็นสนิม และไม่บิดเบี้ยวถังดับเพลิงแต่ละชนิดมีอายุการใช้งานแตกต่างกัน ควรสำรวจคู่มือแนะนำที่มักจะติดอยู่ไม่ไกลจากตัวถังดับเพลิง</li>
</ul>
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1597685559483-วิธีการเช็คถังดับเพลิง.jpg" alt="วิธีการเช็คถังดับเพลิง" />
ถังดับเพลิงทุกชนิด มีข้อดีและข้อด้อยแตกต่างกันออกไป ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกติดตั้งชนิดของถังดับเพลิงเพื่อใช้งานให้เหมาะสมกับบ้าน ควรพิจารณาจากปัจจัยอันอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้เป็นสำคัญ เพื่อสามารถป้องกันปัญหาอัคคีภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย

ทำความรู้จักกับถังดับเพลิงมีชนิดไหนบ้าง?

ความปลอดภัยในบ้าน

Highlight<ul><li>วันมงคลดีมากประจำเดือน วันที่ 11, 13, 16 และ 25 มีนาคม 2567</li><li>วันมงคลประจำเดือนวันที่ 15, 20, 22, 24, 29 และ 30 มีนาคม 2567</li><li>วันเสียเดือนมีนาคม 2567 วันที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 12, 19, 26</li></ul>การสร้างบ้าน ปลูกบ้าน การขึ้นบ้านใหม่ และการเริ่มต้นธุรกิจ เป็นช่วงเวลาที่ต้องมีการเสริมความมงคลที่จะช่วยอำนวยโชคให้กับเจ้าของ และผู้อยู่อาศัยอื่นๆ หากเป็นการเริ่มกิจการก็จะเป็นสิริมงคลกับการเดินทางสู่การค้าขายที่รุ่งเรืองต่อไป ดังนั้นการเลือกวัน และเวลาที่เหมาะสมมักเป็นสิ่งที่ต้องทำกันล่วงหน้าบาเนียจะมาบอกวันมงคลประจำเดือนมีนาคม 2567 สำหรับการขึ้นบ้านใหม่ การเริ่มกิจการใหม่ ดังนี้ วันมงคลดีมากประจำเดือนวันที่ 11 มีนาคม 2567  08:25 ถึง 10:48 น. >> วันหัวเรียงหมอน เหมาะสำหับพิธีกินแขกแต่งงาน คิดจะดำเนินการใดจะสมหวังวันที่ 13 มีนาคม 2567  13:13 ถึง 15:36 น. >> วันมหาสิทธิโชค หรือวันโชคมงคล มหาวัน ของเดือนนี้ วันที่ 16 มีนาคม 2567  08:25 ถึง 10:48 น. >> วันหัวเรียงหมอน เหมาะสำหับพิธีกินแขกแต่งงาน คิดจะดำเนินการใดจะสมหวัง ตรงกับวันเสาร์ ยิ่งมงคลขึ้นไป วันที่ 25 มีนาคม 2567   08:25 ถึง 10:48 น. >> วันมงคลที่เหมาะกับการขึ้นบ้านใหม่และเริ่มกิจการ<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240228/content/rgt1kdu2-20240228063423.png" style="width: 100%;"> วันมงคลประจำเดือนวันที่ 15, 20, 22, 24, 29 และ 30 มีนาคม 2567<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240228/content/jhe1c5tc-20240228063446.png" style="width: 100%;"> วันเสียเดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 12, 19, 26 มีนาคม 2567 <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240228/content/fd6f5336-20240228063526.png" style="width: 100%;"> คำนวณจากตารางปฎิทินพระครูอดุลสีลกิตติ์ วัดธาตุคำ จังหวัดเชียงใหม่  หาบ้านถูกใจบน baania.com ได้ที่นี่<a href="https://www.baania.com/" target=""><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240228/content/r5cmvwzn-20240228063618.png" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="" class="" role=""></a>

วันมงคลขึ้นบ้านใหม่ มีนาคม 2567

วันมงคลขึ้นบ้านใหม่ เปิดร้านใหม่ เดือน มีนาคม 2567

<div>Highlight</div><ul><li>วันมงคลดีมากประจำเดือน วันที่ 1, 3, 5, 6, 17, 21 กุมภาพันธ์ 2567</li><li>วันที่ 14, 16, 20, 23, 27 กุมภาพันธ์ 2567 </li><li>วันเสียเดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 2, 7, 9, 11, 12, 18, 19, 25, 26 กุมภาพันธ์ 2567</li></ul>การมีบ้านหรือการเริ่มต้นธุรกิจ เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของแต่ละคน แสดงถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความสุข การเติบโต และความรับผิดชอบครั้งใหญ่  ในบางความเชื่อ การเข้าบ้านใหม่หรือการเปิดกิจการใหม่ มักเลือกวันที่เสริมความมงคล เสริมความโชคดีของเจ้าของและผู้อาศัยบาเนียจะมาบอกวันมงคลประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567 สำหรับการขึ้นบ้านใหม่ การเริ่มกิจการใหม่ ดังนี้<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240201/content/mfmvaw50-20240201081951.png" style="width: 100%;"> วันมงคลดีมากประจำเดือนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567  15:37 ถึง 18:00 น. >> วันมหาสิทธิโชคหรือวันโชคหลวงมหาวัน  วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 08:25 ถึง 10:48 น. >> วันริทธาดิถี ตรงกับวันเสาร์ ยิ่งมงคลขึ้นไป  วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 256708:25 ถึง 10:48 น. >> วันมงคลที่เหมาะกับการขึ้นบ้านใหม่และเริ่มกิจการ  วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 10:49 ถึง 13:12 น. >> วันมงคลที่เหมาะกับการขึ้นบ้านใหม่และเริ่มกิจการ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 08:25 ถึง 10:48 น. >> วันมงคลที่เหมาะกับการขึ้นบ้านใหม่และเริ่มกิจการ  วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 13:13 ถึง 15:36 น. >> วันภัทราดิถีหรือวันที่เหมาะกับการเจรจา ได้รับโชคลาภจากผู้ใหญ่ <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240201/content/liij3elg-20240201075614.png" style="width: 100%;"> วันมงคลประจำเดือน วันที่ 14, 16, 20, 23, 27 กุมภาพันธ์ 2567  <img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240201/content/xg4huhvj-20240201081911.png" style="width: 100%;"> วันเสียเดือนกุมภาพันธ์  วันที่ 2, 7, 9, 11, 12, 18, 19, 25, 26 กุมภาพันธ์ 2567  คำนวณจากตารางปฎิทินพระครูอดุลสีลกิตติ์ วัดธาตุคำ จังหวัดเชียงใหม่  หาบ้านถูกใจบน baania.com <a href="https://www.baania.com" target="_blank">ได้ที่นี่</a><a href="https://www.baania.com/" target=""><img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20240201/content/ui7lb6b1-20240201075857.png" style="width: 100%;" alt="" width="" height="" title="" class="" role=""></a>

วันมงคลขึ้นบ้านใหม่ เปิดร้านใหม่ เดือน กุมภาพันธ์ 2567

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ปี 2566 รู้ไว้! เสริมความเป็นสิริมงคล

วิกฤตโควิด-19 ทำให้คนอยู่ติดบ้านมากขึ้น ใช้ชีวิตอยู่กับบ้านเป็นเวลานาน แม้จะมีการปลดแมส เปิดเมืองแล้วก็ตาม แนวโน้มการใช้ชีวิตอยู่กับบ้านยังคงอยู่ ไม่เพียงการเสพติดการ Work from Home ด้วยพฤติกรรมของคนเจนวาย เจนซีที่รักอิสระ ต้องการเป็นผู้ประกอบการเอง ทำให้เกิดสตาร์ทอัพมากมาย ทำงานเป็นฟรีแลนซ์รับงานโดยมีฐานที่มั่นอยู่ที่บ้าน
บ้านจึงไม่ได้มีความหมายเพียงแค่สถานที่พักผ่อนนอนหลับ หรือเป็นเซฟตี้โซนเท่านั้น แต่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น เป็นทั้งออฟฟิศ ห้องประชุมทางไกล เวทีแสดงวิสัยทัศน์ ฯลฯ รวมถึงสตูดิโอเพื่อการพรีเซ็นต์สินค้าออนไลน์
<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220819/content/9tp8cbg5-20220819065554.jpg" style="width: 100%;" alt="ฮวงจุ้ยไฟ" width="" height="" title="ฮวงจุ้ยไฟ" class="" role=""> กระนั้นเมื่อ Work from Home นานเข้า อารมณ์เซื่องๆ ซึมๆ ตื้อๆ ย่อมมี บ่อยครั้งเหมือนเกิดอาการตีบตันทางความคิด การขยับปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยมุมทำงานช่วยได้ เพื่อเติมเอนเนอจี้ รับพลังจากสิ่งใหม่ๆ 
“ฮวงจุ้ย” เป็นศาสตร์แห่งทำเลที่ตั้งของที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อม โดยอ้างอิงการเคลื่อนไหวของอากาศคือ ลม (ฮวง) และการเคลื่อนไหวของน้ำ (จุ้ย) รวมทั้งแสงสว่าง สร้างสภาวะสมดุล เพื่อผู้ที่อยู่อาศัยเป็นสุข การปรับทิศเปลี่ยนตำแหน่งของมุมทำงาน ช่วยให้เกิดมุมมอง เห็นหนทางใหม่ๆ เมื่อจิตใจฮึกเหิมขึ้น พลังกลับคืนมาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต มีความสุขกับการทำงานมากขึ้น 
การกำหนดตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสมของมุมทำงานมีหลักการกว้างๆ อาทิ
1. ไม่ควรหันหน้าชนกำแพง จะทำให้ความคิดตีบตัน การจัดมุมทำงานใกล้หน้าต่างจะช่วยให้ใกล้ชิดธรรมชาติ เปิดมุมมองทางความคิด และยังได้พักสายตา 
2. ไม่ควรหันหลังให้ประตูหรือช่องทางเข้าออก ถ้าเลี่ยงไม่ได้อาจใช้วิธีการเบี่ยงองศาของโต๊ะให้ทางเข้าออกอยู่ในระยะสายตา 
3. ไม่ควรอยู่ริมทางเดินหรือใกล้จุดที่คนจะเดินพลุกพล่าน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้ฉากบังตาช่วยทำให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น 
4. ห้องทำงานที่ใช้ทั้งวันควรจะเลือกอยู่ทางทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้และทิศใต้ เพราะแสงแดดจะไม่รบกวนการทำงานในยามบ่าย 
5. สีสันช่วยสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการทำงาน เช่น สีโทนขาวหรือดำที่ดูคลาสสิก ให้ความรู้สึกเป็นการเป็นงานเป็นมืออาชีพ 
6. จัดระเบียบที่ทางสำหรับอุปกรณ์การทำงาน การใช้กล่องหรือชั้นวางของเป็นตัวช่วยที่ดี เมื่อทุกอย่างมีระเบียบเป็นที่เป็นทาง การจะหยิบจับหรือหาสิ่งของย่อมง่าย
7. สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือ “ปลั๊กไฟ” ความที่มุมทำงานมักมีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริมสารพัด ทั้งโน้ตบุ๊ค ปริ้นเตอร์ สแกนเนอร์ สมาร์ทโฟน ฯลฯ ปลั๊กไฟคือหัวใจของการทำงาน ซึ่งสิ่งสำคัญนอกเหนือจากความสะดวกในการใช้งานคือ “ความปลอดภัย” 
ตำแหน่งของสวิตช์และปลั๊กไฟ ควรสูงจากพื้น 80 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการความสะดวกในการทำงาน เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค ฯลฯ และควรอยู่ในจุดที่ปลอดภัย แสงแดดส่องไม่ถึง และห่างจากบานหน้าต่างอย่างน้อย 10 เซนติเมตร ป้องกันความร้อน ความชื้น และปัญหาน้ำฝนซึมเข้ามาได้
<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220819/content/gew5hlxg-20220819065514.jpg" style="width: 100%;" alt="ฮวงจุ้ยไฟ" width="" height="" title="ฮวงจุ้ยไฟ" class="" role=""> ในบรรดาผลิตภัณฑ์กลุ่มสวิตช์และเต้ารับหรือปลั๊กไฟ ต้องยกนิ้วให้ AvatarOn A จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) นอกจากผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับมาตรฐาน IEC (International Electro Technical Commission) ยังมีฟังก์ชั่นที่ตอบในทุกโจทย์ของการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่เรียบหรู 
ตัวสวิตช์มีให้เลือก 3 ขนาด 3 สี คือ ขาว-ดำ-เทา รองรับทุกการดีไซน์โดยสามารถใส่ความเป็นตัวตนด้วยการมิกซ์แอนด์แมช หน้าสวิตช์ที่เรียบเนียนเป็นหนึ่งเดียวกับผนัง เข้ากับทุกสไตล์การตกแต่ง ยังสามารถออกแบบการติดตั้งเป็นแนวตั้งหรือแนวขวางตามความถนัดมือ 
ส่วนปลั๊กไฟนั้น เต้ารับ 3 ขา มีทั้งเต้ารับเดี่ยว เต้ารับคู่ และเต้ารับคู่ที่มาพร้อมกับสวิตช์ไฟปิด-เปิดที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น แค่ปิด-เปิดสวิตช์ด้านข้าง วงจรไฟฟ้าก็จะตัดหรือจ่ายไฟทันที โดยไม่ต้องดึงปลั๊กออก ยืดอายุการใช้งานและยังช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่า ยังมีเต้ารับ USB ทั้ง type A และ type C รองรับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด สามารถปรับแต่งรวมสวิตช์และเต้ารับได้หลากหลายรูปแบบตามลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันในยุค 5G<img src="https://cdn.baania.com/b21/article/20220819/content/zlzofo7y-20220819065650.jpg" style="width: 100%;" alt="ฮวงจุ้ยไฟ" width="" height="" title="ฮวงจุ้ยไฟ" class="" role=""> 
ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกเจนเนอร์เรชั่น <a href="https://www.se.com/th/en/product-range/8297075-avataron-a/#overview" target="_blank">AvatarOn A</a> จึงใส่ใจในทุกรายละเอียด ให้ทั้งความสวยงาม ปลอดภัย และได้ประโยชน์สูงสุด

ปรับฮวงจุ้ย เปลี่ยนมุมทำงานให้เป็นมุมโปรดด้วยสวิตช์ไฟ

สิริมงคล

งูเหลือมเข้าบ้านจัดการอย่างไรนี่คงเป็นปัญหาที่หลายๆ คนสงสัย เพราะว่าในปัจจุบันมีข่าวงูเหลือม หรืองูประเภทต่างๆ เข้ามาในบ้านพักอาศัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสาเหตุการเข้ามาภายในบ้านของงูเหลือมก็มีเกิดจากปัจจัย และก็วิธีต่างๆ ในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของแต่ละบ้าน ในบทความนี้ลองมาดูกันว่าวิธีป้องกันไม่ให้งูเหลือมเข้ามาในบ้านนั้นมีวิธีอะไรบ้าง
<h2>1. จัดการสภาพรอบบ้านให้เรียบร้อย</h2>
ถ้าสภาพรอบๆ บ้านรก มีลักษณะเป็นป่าหญ้า หนองน้ำ ซึ่งเป็นลักษณะทางธรรมชาติที่งูเหลือม และงูชนิดต่างๆ ชอบอาศัย และเมื่อมีงูเหลือมมาอาศัยอยู่ที่บริเวณข้างบ้าน ความเสี่ยงที่งูเหล่านั้นจะเข้ามาในบริเวณบ้านของเราจึงมีสูงมากขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้นถ้าบริเวณรอบๆ บ้านมีสภาพเป็นป่าซึ่งเหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัยของงู ให้ทำการถาง หรือตัดหญ้า หรือวัชพืชต่างๆ ให้เรียบร้อย ไม่มีความรกทึบ ซึ่งเมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจนไม่เหมาะที่งูจะเข้ามาอาศัยก็จะลดความเสี่ยงของการที่จะมีงูเหลือมเข้ามาภายในบ้านได้
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451101605-จัดการสภาพรอบบ้าน.jpg" alt="จัดการสภาพรอบบ้าน" />
<h2>2. บ้านไม่รกงูไม่ชอบ</h2>
นอกจากสภาพรอบๆ บ้านที่รกจนเหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัยของงูแล้ว บริเวณภายบ้านถ้าไม่มีการจัดให้เป็นระเบียบ มีความรก มีมุมอับสายตา มีความมืด มีความชื้น ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ก็ทำให้บ้านเหมาะสำหรับเป็นที่อาศัยของงูเหลือมเช่นกัน&nbsp; เพื่อป้องกันไม่ให้งูเหลือม และงูชนิดอื่นๆ เข้ามาอาศัยภายในบริเวณบ้านก็ควรหมั่นทำความสะอาดบ้าน จัดบ้านให้โล่งโปร่ง ไม่เหมาะกับสภาพการอาศัยของงู เพราะว่าถ้าสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยงูเหลือมก็ไม่อยากมาอาศัยอยู่ในบ้านของเรานั่นเอง&nbsp;
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451126456-บ้านไม่รก.jpg" alt=" บ้านไม่รก" width="1020" height="765" />
<h2>3. จัดการแหล่งอาหารของงู</h2>
การที่งูเหลือมเข้ามาในบ้านนั้นอาจเป็นเพราะว่างูเหลือมได้เข้ามาหาอาหารนั่นเอง เนื่องจากภายในบ้านนั้นมีแหล่งอาหารของงู ไม่ว่าจะเป็น หนู กบ คางคก ไก่ แมว หมา หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้จากข่าวที่มีงูเหลือมเข้ามากินสัตว์เลี้ยงภายในบ้านค่อนข้างบ่อย แต่ในความเป็นจริงแล้วสัตว์ที่งูชอบเข้ามากินไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นสัตว์อื่นๆ อย่างเช่น หนู กบ คางคก เป็นต้น
การป้องกันไม่ให้งูเหลือมเข้ามาหาอาหารภายในบ้านของเรานั้นทำได้โดยการจัดการแหล่งอาหารของมันนั่นเอง โดยพยายามทำความสะอาดบ้าน ทำความสะอาดสวน ไม่ให้มีหนู กบ คางคก มาอาศัยอยู่ เพราะเมื่อไม่มีอาหารจูงใจงูก็ย่อมไม่เข้ามาหาอาหารนั่นเอง
ส่วนบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงอย่างเช่นไก่ นก หมา แมว ให้ทำกรง หรือทำคอกเลี้ยงสัตว์เหล่านั้นให้แข็งแรง ไม่ให้งูเหลือมสามารถเข้ามากินสัตว์เลี้ยงได้ ซึ่งการทำคอกให้แข็งแรงนั้นเป็นการลดความเสี่ยงที่จะสูญเสียสัตว์เลี้ยง อีกทั้งงูเมื่อรู้ว่าไม่สามารถเข้ามาหาอาหารได้ก็จะไม่เข้ามารบกวนอีก
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451176585-จัดการแหล่งอาหาร.jpg" alt="จัดการแหล่งอาหาร" width="1020" height="765" />
<h2>4. ใช้กลิ่นไล่งูเหลือม &nbsp;</h2>
งูเหลือม หรืองูชนิดอื่นๆ นั้นเป็นสัตว์ที่ใช้กลิ่นในการดำรงชีวิต ในการออกล่า ดังนั้นประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นของงูจะไวมาก การป้องกันไม่ให้งูเหลือมเข้าบ้านสามารถทำได้โดยนำสิ่งต่างๆ ที่กลิ่นรุนแรงอย่างเช่นน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว น้ำมันก๊าด น้ำมันสน ไปราดบริเวณรอบๆ บ้าน หรือจุดเสี่ยงที่ติดว่างูเหลือมจะเข้ามาในบ้านได้ เมื่องูเหลือมได้กลิ่นฉุนของน้ำมันเหล่านั้นก็จะไม่เข้ามาวุ่นวายภายในบ้านอย่างแน่นอน&nbsp;
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451202284-กลิ่นไล่งู.jpg" alt="กลิ่นไล่งู" width="1020" height="765" />
<h2>5. ให้สัตว์เลี้ยงเฝ้าบ้าน</h2>
การมีสัตว์เลี้ยงอย่างเช่นหมา หรือแมวไว้ในบ้านก็สามารถช่วยไล่งูเหลือมที่จะเข้ามาภายในบ้านได้เหมือนกัน เนื่องจากหมา และแมวเหล่านั้นจะเตือนเจ้าของ หรือไล่กัดสัตว์แปลกหน้าที่เป็นอันตรายอย่างงูอยู่แล้ว แต่กรณีที่เป็นงูเหลือมที่มีขนาดใหญ่สัตว์เลี้ยงเหล่านั้นอาจจะกลายเป็นเหยื่อของงูเหลือมได้เหมือนกัน ดังนั้นเจ้าของบ้านจึงควรใส่ใจเมื่อสัตว์เลี้ยงมีอาการผิดปกติ มีอาการต้องการไล่สิ่งแปลกปลอมออกจากบริเวณบ้านทุกครั้ง
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451225985-สัตว์เลี้ยงเฝ้าบ้าน.jpg" alt="สัตว์เลี้ยงเฝ้าบ้าน" width="1020" height="765" />
<h2>6. กำมะถันกันงู</h2>
กำมะถันก็เป็นสารเคมีอีกหนึ่งชนิดซึ่งมีกลิ่นที่งูเหลือม รวมไปถึงงูชนิดอื่นๆ ไม่ชอบ ดังนั้นการโรยผงกำมะถันไว้รอบๆ บ้าน หรือนำกำมะถันผสมน้ำ แล้วนำไปราดในบริเวณต่างๆ ที่มีความเสี่ยงอย่างเช่น ข้างรั้ว ท่อระบายน้ำ ท่อน้ำทิ้ง เมื่องูเหลือมได้กลิ่นกำมะถันก็จะไม่เข้ามาใกล้บริเวณนั้นเลย
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451252228-กำมะถัน.jpg" alt="กำมะถัน" width="1020" height="765" />
<h2>7. น้ำยาล้างห้องน้ำก็ใช้ได้</h2>
หลายคนอาจจะได้เห็นข่าวงูเลื้อยเข้ามาทางระบบท่อน้ำทิ้ง จนมาโผล่ที่ชักโครกกันมาบ้าง ซึ่งวิธีการป้องกันไม่ให้งูเข้ามาถึงในบ้านทางชักโครกนั้นก็แสนจะง่าย เพียงใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือน้ำยาทำความสะอาดชักโครกใส่เทใส่คอห่านเป็นประจำงูเหลือมก็จะไม่เข้ามาอย่างแน่นอน เนื่องจากสารเคมีเหล่านั้นมีกลิ่นฉุนซึ่งเป็นกลิ่นที่งูไม่ชอบ เมื่อมีกลิ่นของสารเคมีเหล่านี้อยู่ในระบบน้ำเสียของบ้านงูเหลือมก็จะไม่เข้าบ้าน
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451275095-น้ำยาล้างห้องน้ำ.jpg" alt="น้ำยาล้างห้องน้ำ" width="1020" height="765" />
<h2>8. โรยกรวดห้ามงูผ่าน</h2>
ตามธรรมชาติของงูนั้นเป็นสัตว์ที่เคลื่อนที่โดยการเลื้อย และส่วนท้องของงูก็ไม่ได้เป็นส่วนที่แข็งแรงอะไรมากนัก ดังนั้นการโรยกรวดไว้ในพื้นที่ว่างรอบๆ ตัวบ้านถือว่าเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้งูเข้าบ้านได้อีกหนึ่งวิธี เนื่องจากท้องของงูเวลาเลื้อยเมื่อเลื้อยไปบนก้อนกรวดนั้นจะทำให้งูรู้สึกเจ็บ เหมือนกับที่คนเราเดินเท้าเปล่าบนก้อนกรวด เมื่องูรู้สึกว่าเลื้อยได้ลำบากก็จะเลื้อยไปทางอื่น โดยไม่เข้ามาในบบริเวณบ้าน
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451300618-โรยกรวดห้ามงู.jpg" alt="โรยกรวดห้ามงู" width="1020" height="765" />
<h2>9. วิธีจัดการเมื่องูเข้าบ้าน</h2>
หากเกิดกรณีที่งูเหลือม หรืองูชนิดอื่นๆ เข้ามาภายในบ้านแล้วนั้นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือตั้งสติให้ดี อย่าโวยวาย ลนลาน และต้องถอยห่างจากบริเวณที่พบเห็นงูให้มากที่สุด จากนั้นให้ลองสังเกตดูว่าเป็นงูชนิดอะไร เป็นงูมีพิษ หรือไม่มีพิษ
สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อมีงูเหลือมเข้ามาในบ้านคือต้องมีสติ อย่าไปไล่ หรือทำร้าย ถ้าไม่มีความชำนาญอย่าพยายามจับงูด้วยตัวเองเป็นอันขาด ให้คอยดูว่างูนั้นเลื้อยไปหลบอยู่บริเวณไหน โดยเมื่อมีงูเข้าบ้านสามารถโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการกับงูตัวนั้นได้ที่หมายเลข 199 ตลอด 24 ชั่วโมง&nbsp;
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1603451379580-วิธีจัดการเมื่องูเข้าบ้าน.jpg" alt="วิธีจัดการเมื่องูเข้าบ้าน" width="1020" height="765" />
จะเห็นได้ว่าปัญหาเรื่องงูเหลือมเข้าบ้านนั้นเป็นเรื่องที่ควรระวัง และควรหาทางป้องกันด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีงูเหลือมเข้าบ้าน เพราะว่าถ้ามีงูเหลือมเข้ามาภายในบ้านแล้วอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้พักอาศัย หรือสัตว์เลี้ยงได้ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการปัญหางูเหลือมเข้าบ้านคือการป้องกันนั่นเอง&nbsp;

วิธีป้องกันไม่ให้งูเหลือมเข้ามาในบ้านมีวิธีอะไรบ้าง?

กิ้งกือนั้นแม้จะเป็นสัตว์ที่ดูไม่น่ามีพิษภัย แต่ก็เป็นสัตว์ที่หลายคนไม่ชอบ วันนี้เรามีวิธีกำจัดกิ้งกือไม่ให้เข้ามาในบริเวณต่างๆ ภายในบ้านนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้สิ่งต่างๆ จากธรรมชาติ ไปจนถึงใช้สารเคมีต่างๆ เพื่อจัดการกิ้งกือโดยเฉพาะ ในบทความนี้ลองไปดูกันว่ากิ้งกือนั้นสามารถใช้อะไรมาจัดการได้บ้าง และวิธีการต่างๆ ในการกำจัดกิ้งกือทำได้ง่ายหรือยากขนาดไหน
<h2>1. เกลือ</h2>
การใช้เกลือกำจัดกิ้งกือไม่ให้เข้ามารบกวนภายในบริเวณบ้านนั้นเหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีสวน และไม่ได้ปลูกต้นไม้ เนื่องจากความเค็มของเกลือจะทำอันตรายต่อต้นไม้ที่ปลูกไว้นั่นเอง ซึ่งการใช้เกลือกำจัดกิ้งกือนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยนำเกลือไปโรยไว้รอบๆ บ้าน และหมั่นโรยอย่างต่อเนื่อง เพียงเท่านี้กิ้งกือก็จะไม่เข้ามารบกวนอีกต่อไป
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928481450-เกลือ.jpg" alt="เกลือ" />
<h2>2. ปูนขาว</h2>
สำหรับกิ้งกือนั้นปูนขาวก็จัดว่าเป็นอีกนึ่งสิ่งที่พวกมันเกลียดมากเลยทีเดียว เพราะกิ้งกือไม่สามารถเดินผ่านปูนขาวได้ ดังนั้นการโรยปูนขาวไว้รอบบ้านจะช่วยไม่ให้กิ้งกือเดินผ่านเข้ามาได้นั่นเอง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันสัตว์เลื้อยคลานประเภทอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยการโรยปูนขาวนั้นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้มีกิ้งกือหลุดรอดเข้ามาได้
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928468032-ปูนขาว.jpg" alt="ปูนขาว" width="1020" height="765" />
<h2>3. น้ำส้มควันไม้</h2>
หลายๆ คนยังไม่รู้ว่าน้ำส้มควันไม้นั้นสามารถไล่กิ้งกือ สัตว์เลื้อยคลาน รวมไปถึงแมลงอีกหลายประเภทไม่ให้เข้ามารบกวนภายในบริเวณบ้านได้ วิธีการเพียงแค่นำน้ำส้มควันไม้มาผสมน้ำในอัตราส่วน 1:20 แล้วนำไปฉีดพ่นตามบริเวณต่างๆ ที่มีกิ้งกือเดินผ่าน หรือกิ้งกือชอบเข้ามาอยู่ เมื่อกิ้งกือได้กลิ่นน้ำส้มควันไม้ หรือโดนฉีดด้วยน้ำส้มควันไม้ก็จะรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928450383-น้ำส้มควันไม้.jpg" alt="น้ำส้มควันไม้" width="1020" height="765" />
<h2>4. น้ำมันก๊าด</h2>
การใช้น้ำมันก๊าดกำจัดกิ้งกือนั้นเป็นวิธีการกำจัดกิ้งกือด้วยกลิ่น เนื่องจากกลิ่นของน้ำมันก๊าดนั้นจะมีกลิ่นเหม็นรุนแรงมาก ซึ่งเป็นกลิ่นที่สัตว์ต่างๆ รวมไปถึงกิ้งกือ และคนทั่วไปไม่ชอบ ดังนั้นการนำน้ำมันก๊าดไปราดบริเวณที่กิ้งกือชอบมาอยู่ หรือราดบริเวณรอบบ้านก็จะทำให้กิ้งกือรวมไปถึงสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์หนีไปจากบริเวรนั้น แต่การใช้น้ำมันก๊าดนั้นควรใช้ด้วยความระมัดระวังเนื่องจากอาจเกิดไฟไหม้ได้
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928436131-น้ำมันก๊าด.jpg" alt="น้ำมันก๊าด" width="1020" height="765" />
<h2>5. ลูกเหม็น</h2>
การใช้ลูกเหม็นกำจัดกิ้งกือนั้นจัดว่าเป็นการกำจัดด้วยกลิ่นอีกหนึ่งวิธีที่ค่อนข้างได้ผลดี เนื่องจากกิ้งกือรวมไปถึงสัตว์อื่นๆ จะไม่ชอบกลิ่นของลูกเหม็น เมื่อได้กลิ่นของลูกเหม็นก็จะพยายามหนีไปที่อื่น ส่วนวิธีการกำจัดกิ้งกือด้วยลูกเหม็นนั้นเพียงแค่นำลูกเหม็นไปวางไว้ในบริเวณต่างๆ ที่กิ้งกือเดินผ่าน หรือเป็นที่อยู่ของมัน เมื่อกิ้งกือได้กลิ่นลูกเหม็นก็จะหนีไปนั่นเอง
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928421220-ลูกเหม็น.jpg" alt="ลูกเหม็น" />
<h2>6. สเปรย์สมุนไพรไล่แมลง</h2>
การใช้สเปรย์สมุนไพรไล่แมลงนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถกำจัดกิ้งกือได้แบบง่ายๆ และได้ผลอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสเปรย์สมุนไพรนั้นจะผลิตมาจากสมุนไพรต่างๆ ซึ่งมีกลิ่นที่แมลงไม่ชอบ และกลิ่นนั้นก็สามารถไล่กิ้งกือได้ เพียงแค่ฉีดสเปรย์สมุนไพรไล่แมลงไปในบริเวณต่างๆ ที่ไม่ต้องการให้กิ้งกือเข้ามา หรือในบริเวณที่กิ้งกืออาศัยอยู่ เพียงเท่านี้กิ้งกือก็จะไม่มารบกวนอีกต่อไป
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928407177-สเปรย์สมุนไพร.jpg" alt="สเปรย์สมุนไพร" width="1020" height="765" />
<h2>7. ชอล์กกันมด</h2>
การใช้ชอล์กกันมดนั้นไม่เพียงแค่จัดการกับมด แต่ยังสามารถจัดการกับกิ้งกือได้อีกด้วย เนื่องจากชอล์กกันหมดนั้นมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อแมลงหลายชนิด รวมไปถึงกิ้งกือ ดังนั้นเมื่อขีดชอล์กกันมดลงบนพื้นในบริเวณที่ไม่ต้องการให้มีกิ้งกือเข้ามารบกวน กิ้งกือก็จะหนีออกไปจากบริเวณนั้น และไม่ผ่านเข้ามาอีกเลย แต่ที่สำคัญคือต้องหมั่นดูไม่ให้ชอล์กจาง ถ้าพบว่าชอล์กจางให้ขีดใหม่ทันที
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928389830-ชอล์กกันมด.jpg" alt="ชอล์กกันมด" />
<h2>8. ยาฆ่าแมลง</h2>
การใช้ยาฆ่าแมงกำจัดกิ้งกือนั้นถือว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข้างรุนแรง แต่ก็เป็นวิธีการที่กำจัดกิ้งกืออย่างได้ผลทันที เพียงแค่ใช้ยาฆ่าแมลงฉีดไปที่กิ้งกือ เพียงเท่านี้กิ้งกือก็จะตายในเวลาไม่นาน การใช้ยาฆ่าแมลงจัดว่าเป็นวิธีที่มีความรุนแรงอยู่บ้าง วิธีการนี้จึงไม่เหมาะกับทุกคน
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928374227-ยาฆ่าแมลง.jpg" alt="ยาฆ่าแมลง" />
<h2>9. จับไปทิ้ง</h2>
การจับกิ้งกือไปทิ้งนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่กลัวกิ้งกือ วิธีการเพียงแค่จับกิ้งกือตัวที่เห็นออกไปทิ้งยังบริเวณอื่นๆ ภายนอกบ้าน ซึ่งการจับกิ้งกือนั้นไม่ควรใช้มือเปล่า ควรใช้ไม้ข้อนใต้ตัวกิ้งกือขึ้นมาแล้วนำมาใส่ภาชนะต่างๆ เพื่อรวบรวมไปทิ้ง แต่วิธีการนี้ไม่สามารถกำจัดกิ้งกืออย่างถาวรได้ เพียงแค่นำออกไปให้พ้นบริเวณได้เป็นครั้งคราว
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928360296-จับไปทิ้ง.jpg" alt="จับไปทิ้ง" />
<h2>10. ใช้คางคก</h2>
สำหรับผู้ที่ไม่กลัวคางคก และไม่ต้องการกิ้งกือ วิธีการเลี้ยงคางคกไว้ในสวนจัดว่าเป็นวิธีการกำจัดกิ้งกือที่ได้ผลดีมาก เพราะคางคกจัดว่าเป็นศัตรูตามธรรมชาติที่สำคัญของกิ้งกือ และกิ้งกือคืออาหารโปรดของคางคกนั่นเอง นอกจากคางคกที่เลี้ยงไว้ในสวนจะจัดการกับกิ้งกือได้แล้ว คางคกเหล่านั้นยังสามารถช่วยจัดการกับแมลง และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ได้อีกด้วย&nbsp;
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธีกำจัดกิ้งกือวิธีการต่างๆ ที่ได้นำเสนอในบทความนี้ จะเห็นได้ว่าการกำจัดกิ้งกือนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่นำวิธีการที่ได้แนะนำไปปรับใช้เหมาะสมกับสภาพของแต่ละบ้าน เพียงเท่านี้ปัญหากิ้งกือที่จะเข้ามากวนใจ หรือก่อความรำคาญให้กับผู้พักอาศัยภายในบ้านก็จะหมดไปอย่างแน่นอน&nbsp;
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1602928343874-คางคก.jpg" alt="คางคก" />
ที่มาภาพประกอบ :
<a href="http://bantanthai.blogspot.com/2012/09/wood-vinegar.html" rel="nofollow">http://bantanthai.blogspot.com</a>
<a href="https://money.bhaskar.com/news/MON-MARK-COMM-subsidy-on-kerosene-may-end-by-fy-2021-125850076.html" rel="nofollow">https://money.bhaskar.com</a>
<a href="https://pantip.com/topic/31229388" rel="nofollow">https://pantip.com</a>

10 วิธีกำจัดกิ้งกือไม่ให้กวนใจ

แมลงหวี่ขนนั้นจัดว่าเป็นแมลงประเภทหนึ่งที่สร้างความรำคาญให้กับผู้พักอาศัยภายในบ้านได้เป็นอย่างมาก เพราะว่าแมลงหวี่ขนนั้นเป็นพาหะของความสกปรก และเชื้อโรคต่างๆ มากมายซึ่งเชื้อโรคเหล่านั้นอาจจะมาสร้างความเจ็บป่วยให้กับผู้พักอาศัยภายในบ้านได้ ในบทความนี้จะมาแนะนำถึงวิธีการกำจัดแมลงหวี่ขนแบบง่ายๆ แต่ได้ผลจริง
<h2>แมลงหวี่ขนคืออะไร</h2>
แมลงหวี่ขน (Moth Flies) นั้นไม่ใช่แมลงหวี่ (Fruit Fly) โดยแมลงหวี่ขนนั้นจะมีขนาดเล็ก มี 2 ปีก มีขนปกคลุมทั้งตัว ปีกมีทรงรีคล้ายเมล็ดข้าว มีลักษณะคล้ายผีเสื้อ สามารถวางไข่ได้คราวละ 30 &ndash; 100 ฟอง โดยที่แมลงหวี่ขนนั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าแมลงห้องน้ำ หรือแมลงส้วม เนื่องจากชอบอาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะ หรือในห้องน้ำ นั่นเอง แมลงหวี่ขนจะมีอายุจนครบวงจรชีวิตประมาณ 3 สัปดาห์ เมื่อทำความรู้จักกับแมลงหวี่ขนกันแล้ว ลองมาดูว่า 10 วิธีการกำจัดแมลงหวี่ขนที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองอย่างได้ผลนั้นมีอะไรบ้าง
<h2>1. หาแหล่งอาศัยของแมลงหวี่ขน</h2>
การหาแหล่งอาศัยของแมลงหวี่ขนให้พบนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากจะได้ทำการกำจัดแมลงหวี่ขนได้อย่างเต็มที่ โดยเป็นการคัดวงจรไม่ให้แมลงหวี่ขนได้เติบโตขึ้นมาอีกเลย โดยที่อาศัยของแมลงหวี่ขนนั้นส่วนมากจะอยู่บริเวณท่อน้ำทิ้งในห้องน้ำนั่นเอง
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455322004-แหล่งอาศัย.jpg" alt="แหล่งอาศัย" /></h2>
<h2>2. ทำกับดักแมลง</h2>
เมื่อรู้ว่าแมลงหวี่ขนนั้นอาศัยอย่าภายในท่อน้ำทิ้ง การทำกับดักแมลงหวี่ขนก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เช็ดบริเวณรอบๆ ท่อน้ำทิ้งให้แห้ง แล้วติดเทปกาวลงไปปิดปากท่อน้ำทิ้ง เมื่อแมลงหวี่ขนบินขึ้นมาก็จะติดกับเทปกาว การทำกับดักแบบนี้ควรทำติดต่อกันประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วสังเกตว่าปริมาณแมลงหวี่ขนที่มาติดกับดักนั้นเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง รวมทั้งดูปริมาณแมลงหวี่ขนภายในบ้านด้วยว่าลดลงหรือไม่
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455339528-กับดักแมลง.jpg" alt="กับดักแมลง" /></h2>
<h2>3. ทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งอย่างสม่ำเสมอ</h2>
สิ่งสกปรกต่างๆ ที่อยู่ภายในท่อน้ำทิ้งนั้นจัดว่าเป็นแหล่งอาศัยชั้นดีของแมลงหวี่ขน การทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งด้วยวิธีการต่างๆ นั้นสามารถจัดการกับแหล่งอาศัยของแมลงหวี่ขนได้เป็นอย่างดี และจะทำให้จำนวนของแมลงหวี่ขนภายในบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัด&nbsp; การทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง เพื่อทำลายที่อยู่อาศัยของแมลงหวี่ขนนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการนำเศษสิ่งสกปรกต่างๆ อย่างเช่นเศษผม หรือเศษอาหารออกจากท่อน้ำทิ้งอย่างสม่ำเสมอ การเทน้ำร้อนลงไปในท่อน้ำทิ้ง หรือการใช้นำยาทำความสะอาด หรือน้ำยาแก้ท่อตันเทลงไปในท่อน้ำทิ้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถจัดการกับแมลงหวี่ขนอย่างได้ผล
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455361495-ทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง.jpg" alt="ทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" /></h2>
<h2>4. หมั่นทำความสะอาดห้องน้ำ</h2>
การทำความสะอาดห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอนั้นจัดว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่สามารถจัดการแมลงหวี่ขนที่ได้ผลดี เนื่องจากแมลงหวี่ขนนั้นจะหากินกับคราบสกปรกต่างๆ ภายในห้องน้ำที่ขาดการดูแลรักษา ถ้าห้องน้ำมีการทำความสะอาดเป็นประจำแมลงหวี่ขนก็จะไม่มีอาหาร และไม่มีที่อาศัย ทำให้ต้องไปอาศัยที่อื่นนั่นเอง
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455380026-ทำความสะอาดห้องน้ำ.jpg" alt="ทำความสะอาดห้องน้ำ" /></h2>
<h2>5. จัดการแหล่งน้ำขังรอบบ้าน</h2>
ธรรมชาติของแมลงหวี่ขนนั้นชอบอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ และที่ชื้นแฉะ การที่รอบบ้านมีน้ำขัง หรือมีที่ชื้นแฉะก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุให้บ้านถูกแมลงหวี่ขนเข้ามารบกวน ดังนั้นการจัดการไม่ให้มีแหล่งน้ำขังรอบๆ บริเวณบ้านก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถจัดการกับแมลงหวี่ขนได้
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455398529-แหล่งน้ำขัง.jpg" alt="แหล่งน้ำขัง" /></h2>
<h2>6. จัดบริเวณบ้านให้เป็นระเบียบ</h2>
การจัดบริเวณโดยรอบบ้านให้เป็นระเบียบนั้นสามารถลดจำนวนแมลงหวี่ขนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากแมลงหวี่ขนจะไม่มีซอกมุมอับชื้นเพื่อพักอาศัยและหาอาหาร เมื่อบริเวณบ้านสะอาดก็จะปราศจากแมงหวี่ขนเข้ามารบกวน
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455416253-จัดบริเวณบ้าน.jpg" alt="จัดบริเวณบ้าน" /></h2>
<h2>7. ใช้ยาฆ่าแมลง</h2>
การใช้ยาฆ่าแมลงเพื่อจัดการกับแมลงหวี่ขนนั้นจัดว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถึงแม้ว่าเมื่อฉีดยาฆ่าแมลงไปในบริเวณที่มีแมลงหวี่ขนแล้วแมลงหวี่ขนจะตายในทันที แต่ก็จะมีแมลงหวี่ขนมาใหม่เรื่อยๆ ตราบใดที่ไม่มีการจัดการกับแมลงหวี่ขนที่ต้นตอ คือจัดการในเรื่องความสะอาดของบ้าน และห้องน้ำนั่นเอง
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455436790-ยาฆ่าแมลง.jpg" alt="ยาฆ่าแมลง" /></h2>
<h2>8. ใช้ไม้ตีแมลงวัน</h2>
วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ค่อนข้างโบราณ แต่ได้ผลในการจัดการแมลงหวี่ขนแบบทันทีคือการใช้ไม้ตีแมลงวัน หรือไม้ตีแมลงวันไฟฟ้า วิธีการเพียงแค่เจอแมลงหวี่ขนเมื่อไหร่ก็ใช้อุปกรณ์เหล่านั้นจัดการตีให้ตายในทันที แต่ผลสุดท้ายวิธีการนี้ก็ไม่สามารถตัดการกับแมลงหวี่ขนได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่ได้เป็นการจัดการกับปัญหาที่ต้นเหตุนั่นเอง
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455454978-ไม้ตีแมลงวัน.jpg" alt="ไม้ตีแมลงวัน" width="1020" height="765" /></h2>
<h2>9. เครื่องดักแมลงช่วยได้</h2>
การใช้เครื่องดักแมลงก็จัดว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีกำจัดแมลงหวี่ขนที่ค่อนข้างได้ผล ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างสะดวกสบาย เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพียงแค่เปิดเครื่องดักแมลงให้ทำงานในบริเวณที่แมลงหวี่ขนรบกวน แมลงหวี่ขนก็จะถูกเครื่องดักแมลงกำจัดไปย่างเรียบร้อย
<h2><img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455473532-เครื่องดักแมลง.jpg" alt="เครื่องดักแมลง" /></h2>
<h2>10. จัดการขยะให้มิดชิด</h2>
ธรรมชาติของแมลงหวี่ขนนั้นเป็นแมลงที่หากินกับเศษอาหาร ของเน่าเสีย หรือขยะต่างๆ การที่เจ้าของบ้านมีการจัดการกับขยะที่เกิดขึ้นในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดเก็บขยะไว้ในถังที่มีฝาปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้แมลงต่างๆ เข้ามาตอมได้ วิธีการนี้ถือว่าเป็นการจัดการกับแมลงหวี่ขน และแมลงต่างๆ อย่างได้ผล เพราะเมื่อไม่มีแหล่งอาหาร แมลงหวี่ขนก็จะหมดไปจากบ้าน
<img src="https://cdn.baania.com/b20/article/source/1601455299731-จัดการขยะ.jpg" alt="จัดการขยะ" />
วิธีการจัดการกับแมลงหวี่ขนภายในบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทกำจัดแมลงมาจัดการ เพียงแค่เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดบริเวณต่างๆ ภายในบ้านให้เป็นระเบียบ โดยเฉพาะห้องน้ำ หรือแหล่งน้ำต่างๆ ซึ่งเป็นที่อาศัย และหากินของแมลงหวี่ขน เมื่อเลือกใช้วิธีการต่างๆ ในบทความนี้ไปใช้ตามความเหมาะสมแล้วรับรองได้ว่าแมลงหวี่ขนจะไม่มารบกวนอย่างแน่นอน&nbsp;

10 วิธีกำจัดแมลงหวี่ขนอย่างได้ผล

13 วิธีไล่ผึ้งที่ทำได้ง่ายแต่เห็นผลจริง

วิธีกำจัดสัตว์และแมลง

แหล่งรวมบทความสาระความรู้ เทคนิค หรือ How to น่าอ่านสำหรับคนอยู่บ้านหรือคอนโด เช่น ไลฟ์สไตล์ เทรนด์ การประหยัดค่าใช้จ่าย ความปลอดภัยในบ้าน มาอ่านกันเลย

Guest

Living