กรมธนารักษ์ ฟันธงคนภูธรข้าราชการ-ผู้มีรายได้น้อยสนใจจองบ้านธนารักษ์ประชารัฐ เชียงใหม่ เชียงรายชะอำ เพชรบุรี เพียบ เดินหน้าให้เอกชนยื่นแบบประมูล พร้อมเช็กดีมานด์ก่อนลงมือปักธง รวม 3 พัน- 3.5 พันหน่วย เผย เชียงราย-ชะอำ บ้านเดี่ยวมาแรง เน้นเช่าเซ้งยาว 30 ปีราคาไม่เกิน 1 ล้าน/หน่วย รูปแบบที่อยู่อาศัยบ้านธนารักษ์ประชารัฐ 3 จังหว้ดนำร่อง รูปแบบที่อยู่อาศัยบ้านธนารักษ์ประชารัฐ 3 จังหว้ดนำร่อง นาย จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2559 ได้กำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติ เพื่อคัดเลือกเอกชนเข้ามาประมูลโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐบนที่ดินที่ราชพัสดุ นอกจากพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้ว กรมได้ดำเนินโครงการนำร่องในต่างจังหวัด 3 จังหวัดได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งขณะนี้มีเอกชนทั้งรายใหญ่และเอกชนจากท้องถิ่นให้ความสนใจมากพอสมควร โดยเงื่อนไขจะกำหนดเรื่องของการออกแบบบ้านที่เหมาะสม การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การบริหารต้นทุนและการบริหารจัดการ ฯลฯ ทั้งนี้หากรายใดให้ประโยชน์สูงสุด ต้นทุนต่ำสุดก็ได้พื้นที่พัฒนาโครงการไป โดยราคาหากไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อหน่วยถือว่า น่าสนใจมาก ขณะเดียวกัน เอกชนที่จะประมูลจะต้องไปสำรวจความต้องการที่แท้จริงว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีมากน้อยแค่ไหน หรือสนใจที่อยู่อาศัยรูปแบบใด แต่เชื่อว่าแต่ละพื้นที่มีความต้องการบ้านธนารักษ์ประชารัฐแน่นอน เพราะราคาค่อนข้างถูกและได้มาตรฐานไม่ต่างจากที่ภาคเอกชนพัฒนาขายอยู่ ซึ่งรูปแบบจะมีทั้งเช่าระยะสั้นซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพมหานคร ส่วนต่างจังหวัดจะเน้นเช่าเซ้งระยะยาว 30 ปี รูปแบบการคัดเลือกเอกชนที่สนใจ จะใช้วิธีเดียวกับการเปิดประมูลเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้เช่าที่ดิน 30 ปีกับกรมธนารักษ์ ส่วนเอกชนจะพัฒนาสาธารณูปโภค และตัวบ้านเพื่อให้ประชาชนหรือข้าราชการ เช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือได้กรรมสิทธิ์เฉพาะตัวบ้าน และได้สิทธิ์กู้ในโครงการบ้านประชารัฐ กับธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)และธนาคารออมสินที่ให้การสนับสนุนวงเงินสินเชื่อ ส่วนที่ดินประชาชนจะเช่าระยะยาวกับธนารักษ์ในพื้นที่ สำหรับเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ดินที่องค์การอุตสาหกรรมห้องเย็นคืนให้กับกรมธนารักษ์เรียบร้อยแล้วจำนวน 9ไร่เศษ ตั้งอยู่บริเวณถนนเจริญประเทศ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ กำหนดให้แปลงที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นที่สีน้ำเงิน หรือที่ดินหน่วยราชการใช้ประโยชน์ ทางออก จึงพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เช่ารองรับข้าราชการรายได้น้อยไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน จากการตรวจสอบของกรมเบื้องต้น พบว่าประชาชนและข้าราชการในพื้นที่ต่างให้ความสนใจโครงการดังกล่าวจำนวนมากประกอบกับพื้นที่มีจำกัดที่ดินมูลค่าสูง จึงมุ่งพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมทั้งหมดจำนวน 5-6 อาคารสูงไม่เกิน7 ชั้น จำนวนประมาณ 1 พันหน่วย ขนาดพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 24 ตรม. ขณะที่ จังหวัดเชียงราย เป็นที่ดินที่ราชพัสดุอำเภอแม่จัน เนื้อที่ 30ไร่ ติดกับโครงการบ้านผู้สูงอายุ ของกรมเช่นกันโดยทำเลห่างจากอำเภอเมืองประมาณ20กิโลเมตร และโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมี 2 แปลงด้วยกัน อยู่บริเวณด้านหน้าศาลปกครองจังหวัดเพชรบุรี 1 แปลง และอยู่ด้านหลังศาลปกครองจังหวัดเพชรบุรี 1 แปลง ซึ่งทั้ง 2 แปลง เนื้อที่ 30 ไร่เท่ากัน เนื่องจาก จังหวัดเชียงรายและอำเภอชะอำ มีที่ดินค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงพัฒนา ที่อยู่อาศัยออกมา 3 รูปแบบบนที่ดินผืนเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนและข้าราชการเลือก ได้แก่ คอนโดมิเนียม ขนาด 24 ตรม. บ้านเดี่ยว ขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 48 ตรม. พื้นที่ไม่เกิน 60 ตร.ว. ส่วนบ้านแถว ขนาดพื้นที่ไม่เกิน 24 ตร.ว. ซึ่งจากการสอบถามประชาชนและข้าราชการในพื้นที่ ทั้ง 2 จังหวัดได้แก่ เชียงราย และอำเภอชะอำ เพชรบุรี พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการบ้านเดี่ยว โดยเช่าเซ้งระยะยาว30 ปี หากได้ตัวเอกชนแล้วคาดว่าจะพัฒนาได้ในเดือนมิถุนายน 2559 พร้อมกับเปิดให้ประชาชนและข้าราชาการจอง แหล่งข่าวจากสำนักงานธนารักษ์พื้นที่เพชรบุรี กล่าวว่า มีประชาชนจำนวนมากสนใจสอบถามถึงโครงการดังกล่าวจำนวนมาก โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเต็มทั้งโครงการ แน่นอน เพราะด้วยศักยภาพของทำเลและราคาที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนที่ดินค่าเช่าค่อนข้างต่ำ ต่อปีไม่เกิน 2 พันบาท ส่วนตัวบ้านก็ยังได้สิทธิ์โครงการบ้านประชารัฐ ดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ แต่ในทางกลับกัน คนส่วนใหญ่มักอยากได้บ้านและที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง แต่หากไม่มีทางเลือก โครงการธนารักษ์ประชารัฐน่าจะตอบโจทย์ได้ดี เหมือนได้ที่ดินเป็นของตนเอง ระยะยาว30ปีและไม่มีปัญหาการถูกไล่รื้อหรือเวนคืนจากหน่วยงานรัฐอย่างแน่นอน ด้านนายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ วิเคราะห์ว่า การพัฒนาโครงการบ้านธนารักษ์ประรัฐของกรมธนารักษ์ จะเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกับของภาคเอกชน ซึ่งมองว่า ทั้งระดับราคาและรูปแบบ น่าจะตอบสนองคนที่มีรายได้น้อยและข้าราชการได้ มองว่า น่าจะมีดีมานด์อยู่แล้ว ซึ่งจะต่างกับภาคเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ที่ขณะนี้คอนโดมิเนียมขายยาก และสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ ส่วนที่ดินโซนองค์การอุตสาหกรรมห้องเย็น บริเวณถนนเจริญประเทศ ตำบลช้างคลาน ใกล้กับโรงแรมแชงกรี-ลา หรือ บริเวณที่ตั้งโครงการบ้านประชารัฐเชียงใหม่ มองว่า น่าจะติดปัญหาจำกัดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองรวมฯ เพราะห้ามสร้างอาคารสูงไม่เกิน5ชั้น ตลอดทั้งโซน ขณะที่ที่ดินราคา ตร.ว.ละ กว่า 1 แสนบาท โดยเฉพาะบริเวณโรงแรมแชงกรี-ลา หากเป็นโครงการของเอกชนมองว่าไม่คุ้มทุนสำหรับสร้างคอนโดมิเนียม แต่หากเป็นโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐแล้ว น่าจะสามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีเรื่องต้นทุนของที่ดิน อนึ่ง เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี( ครม.) เห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐบนที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ 6 พื้นที่ ทั่วประเทศ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร 2 พื้นที่ เชียงใหม่ 1 พื้นที่ เชียงราย1พื้นที่ และเพชรบุรี 2 พื้นที่ดังกล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,151 วันที่ 24 – 27 เมษายน พ.ศ. 2559
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ