'ชินวะ' ขยายฐานผุดคอนโดเจาะชุมชนนอกเมือง

‘ชิวะ เรียลเอสเตท’ เดินหน้าลงทุนในไทยต่อเนื่อง เตรียมผุดคอนโดโลวไรส์รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท ในสุขุมวิท พร้อมขยายฐานผุดคอนโดไซส์เล็กเกาะแนวรถไฟฟ้าเจาะชุมชนนอกเมืองทั่วกทม. นำร่องก่อนที่ศรีนครินทร์

นายโทโมยาสุ ยามาเบะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือชินวะ กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า  นโยบายการลงทุนในในปี 2562 ยังคงเน้นการปูทางวางรากฐานให้หนักแน่นมั่นคงเพื่อก้าวย่างที่เติบโตอย่างมั่นคงแข็งแรงในอนาคต โดยชูเอกลักษณ์จุดแข็งเทคนิคการก่อสร้างที่ทันสมัยของบริษัทแม่เพื่อคงความเป็นคอนโดมิเนียมคุณภาพมีจิตวิญญาณญี่ปุ่นแท้ๆ เนื่องจากมีบริษัทรับเหมาที่เป็นเจ้าของนวัตกรรมก่อสร้างอยู่ในกลุ่มอยู่แล้ว โดยปีนี้จะมีการเปิดคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ออกสู่ตลาดเป็นโครงการนำร่อง รวมมูลค่าโครงการที่ลงทุนในปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท

“ประเทศไทยยังมีความน่าสนใจในการลงทุนของกลุ่มชินวะ กรุ๊ป ด้วยความพร้อมในหลายด้าน ทั้งตัวเลข "GDP" หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่มีอัตราสูงสุดในรอบหลายปี รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนในด้านต่างๆ ของภาครัฐ จะเห็นว่าช่วงนี้รัฐบาลผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ อย่างต่อเนื่องและเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อภาคลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ต่อยอดให้มีการสร้างโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเป็นผลดีต่อกลุ่มลูกค้าให้มีทางเลือกที่ดีและตรงใจมากขึ้น” นายยามาเบะกล่าว

สำหรับชินวะเป็นกลุ่มทุนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 130 ปี ประกอบธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหลายรูปแบบ โดยได้เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2016 นับเป็นก้าวแรกที่รุกตลาดต่างประเทศ ด้วยการนำนวัตกรรม “รูเนะสุ” โดยใช้ซิกม่า บีม-ลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวในโลกที่กลับคานมาเป็นพื้น-กลับพื้นเป็นคาน เพื่อใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการ Death Space ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นถึง 25-40%  ซึ่งภายหลังการเข้ามาลงทุนในไทยประมาณ 2 ปี บริษัทจึงยังคงเน้นการปูรากฐานให้หนักแน่นแข็งแรง เพื่อก้าวย่างเติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคงแข็งแรง

ด้านนายวิชัย จุฬาโอฬารกุล กรรมการบริหาร บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า นโยบายของชินวะ ยังให้น้ำหนักกับทำเลสุขุมวิทตอนกลาง เพื่อตอบสนองโจทย์ลูกค้าชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นทำเลและกลุ่มเป้าหมายที่บริษัทมีความถนัดสอดรับกับข้อมูลการวิจัยต่างๆ โดยทำเลดังกล่าวยังมีความต้องการและเป็นทำเลที่มีอัตราการปรับราคาเพิ่มขึ้น แผนการลงทุน ประกอบด้วย โครงการเร็น สุขุมวิท 39(REN Sukhumvit 39) โครงการภายใต้การร่วมทุนระหว่าง ระหว่างบริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด และ- PressanceCorporation ดำเนินการ โดยบริษัท บริษัท  เอส 39 จำกัด

โครงการ เร็น สุขุมวิท 39 จะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ บนที่ดินขนาด 2 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวาในซอยสุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมมิตร) เป็นอาคารสูง 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวนรวม 298 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของการก่อสร้างห้องชุดด้วยนวัตกรรม“รูเนะสุ”ทุกห้องทั้งโครงการในไทย  มี 2 ขนาด คือ 1 และ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้ประโยชน์ตั้งแต่ 30(+12) – 66(+18) ตารางเมตร เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทจะมีการทดลองตลาด โดยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ในทำเลเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง บริเวณถนนศรีนครินทร์บนที่ดินเกือบ 1 ไร่ สูง 7-8 ชั้น จำนวนไม่เกิน 100 ยูนิต ขนาดพื้นที่รวม 4,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 200 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มขายประมาณไตรมาส 3 แม้เป็นโลว์ไรส์แต่ยังคงเอกลักษณ์ของชินวะ และจะมีโครงการในลักษณะเดียวกันนี้กระจายในทำเลชุมชนทั่วไป เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็กสามารถดำเนินการและปิดการขายได้เร็ว

สำหรับปีนี้บริษัท จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการรูเนะสุ ทองหล่อ 5 ที่จะเริ่มทะยอยโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 3 มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเตรียมกลยุทธ์เร่งโอนด้วยทริเปิ้ล เอส เซอร์วิส (Triple S Service หรือ SSS Service ) ระบบการบริหารงานหลังงานขายที่ใช้ประสานนักลงทุนไทย-ต่างชาติ สำหรับผู้เช่าชาวญี่ปุ่นแบบ Life Time FREE ลดขั้นตอนช่วยเอเยนต์และนักลงทุน เป็นบริการตลอดชีพไม่มีวันหมดอายุที่พร้อมดูแลเฉพาะลูกค้าชินวะเท่านั้น

“กลุ่มชินวะที่โอกาซ้า มีธุรกิจที่มีความหลากหลาย ทั้งบริษัทรับเหมา คอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ บ้านเดี่ยว โรงแรม ที่จอดรถ ออนเซน เป็นต้น การเข้ามาทำโครงการในไทยในอนาคตจึงจะมีความหลากหลายรองรับทุกเซ็กเมนต์เช่นกัน นอกจากนั้น ยังรวมถึงการขายนวัตกรรม “รูเนะสุ” ซึ่งตลาดที่มีความเป็นไปได้สูงที่สนใจให้นวัตกรรมของเราเข้าไปช่วยเติมเต็ม อาทิ สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นต้น” นายวิชัยกล่าว