ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมปีนี้ ยังคงมีคำถามถึง กำลังซื้อว่าจะ ‘สะดุด’ หรือยังคงไปต่อได้ เป็นเพราะจากปัจจัยรอบด้าน หนี้ภาคครัวเรือนที่พุ่งสูง การควบคุมสินเชื่อสถาบันการเงิน และอื่นๆ
แล้วตลาดรับสร้างบ้าน หนึ่งในเซ็คเตอร์ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีสถานการณ์เป็นอย่างไรต่อไป
ตัวเลขมูลค่าก่อสร้างงาน ประเมินโดย สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ตลอดทั้งปี 2561 อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท ส่วนปี 2562 คาดว่าจะขยับไปอยู่ที่ 12,500 ล้านบาท
ภาพรวม 3 เดือนแรกตลาดรับสร้างบ้านโดยรวมมีแนวโน้มขยายตัว แต่เริ่มอ่อนแรงลงในช่วงไตรมาสที่สอง
โดยตลาดมีการชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และภาวะของเศรษฐกิจโลก อาทิ สงครามการค้า
ในช่วงไตรมาสที่สองนี้ ผลกระทบเกิดชัดกับตลาดบ้านระดับราคา 2.5 – 5 ล้านบาทมากที่สุดจากอัตราการขยายตัวที่น้อยลงกว่าเดิม
ส่วนบ้านในกลุ่มราคา 5 -10 ล้านบาท และบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังถือว่าเติบโตได้ค่อนข้างดี
นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ประเมินว่า การที่ตลาด 5 ล้านขึ้นไปเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากมีเงินออม และมีความพร้อมในการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง
ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะตัดสินใจปลูกสร้างบ้านในช่วงนี้เป็นหลักอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะทำให้มูลค่าการขายของแต่ละบริษัทรับสร้างบ้าน รวมถึงภาพรวมของตลาดจะมีทิศทางที่ดีขึ้น
แก้โจทย์เรื่อง ‘ต้นทุน’
ทุกการขึ้นค่าแรง 5-10 บาทมีผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้น
ในมุมผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน เมื่อปรับเพิ่มค่าแรง ค่าวัสดุ และอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างย่อมขยับตาม
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะขึ้นค่าแรงเป็นเท่าใด หมายรวมถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5-10%
แนวทางที่สมาคมฯ เตรียมการเอาไว้ คือ 1.เจรจาพันธมิตร ในการตรึงราคาวัสดุ 2.นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานให้มากขึ้น โดยประมาณบ้านขนาด 200 ตารางเมตร ต้องใช้เวลาก่อสร้าง ไม่รวมตกแต่ง นานเป็น 10 เดือน หากปรับใช้วัสดุสำเร็จรูปเข้ามาจะช่วยประหยัดเวลาก่อสร้างได้ดีกว่าเดิม
การซื้อบ้านในโครงการจัดสรร เกินครึ่งของกำลังซื้อต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินมาสนับสนุน กู้ไม่ผ่านก็เป็นเรื่องยากที่จะได้บ้านนั้นๆ มาครอง ขณะที่ดีมานด์ในกลุ่มสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองมีความแตกต่างกันอย่างมาก
แบ่งดีมานด์ในตลาดรับสร้างบ้าน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่มีเงินออมอยู่แล้ว สร้างบ้านด้วยเงินสด
กลุ่มที่มีเงินออมบางส่วน แล้วยื่นขอสินเชื่อเพื่อสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง ในส่วนนี้มีสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อปลูกสร้างบ้านได้สูงถึง 120-130% เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำกว่าสินเชื่อโครงการ
คาดว่าในครึ่งปีหลังตลาดน่าจะเติบโตได้ดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีความชัดเจน ผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจและจะเริ่มกลับเข้ามาปลูกสร้างบ้านมากขึ้น และเรายังคาดว่าหลังจากนี้รัฐบาลน่าจะมืมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจนี้ถือเป็นกลไกหลักสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในภาพรวมด้วยเช่นกัน
หนึ่งในงานที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายมาจากงาน Home Builder Expo 2019 ขึ้นในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2562 ที่ อิมแพค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี โดยตั้งเป้ายอดขายในงานไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท