อาจเหมือนภาพยนตร์เรื่องดังที่ต้องสร้างต่อเนื่องหลายตอน เพราะเมื่อเขียนถึงกงสุลอเมริกัน แล้วต่อด้วยกงสุลอังกฤษก็เลยฉุกคิดว่าต้องเขียนถึงกงสุลฝรั่งเศสบ้าง
ในประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่ในช่วงเวลาแห่งการล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตกนั้น เมื่ออังกฤษยึดอินเดียและพม่าได้ ก็เริ่มคืบคลานเข้ามาเชียงใหม่ หรือที่จริงภูมิภาคล้านนาทั้งหมด ด้วยเพราะเป็นแหล่งไม้สักชั้นดีและสินค้าที่ต้องการอย่างมากในยุโรปเวลานั้น
ขณะเดียวกันเมื่อฝรั่งเศสยึดครองลาว เขมร เวียดนามได้แล้ว ก็เริ่มแผ่อิทธิพลมาเชียงใหม่ โดยอาศัยความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและอ้างว่าแผ่นดินนี้คือลาวตะวันตก ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษต่างให้ความสนใจและความสำคัญของเชียงใหม่ จนมีการจัดตั้งกงสุลประจำ
ในฉบับที่ผ่านมาเล่าขานเรื่องกงสุลอังกฤษเปลี่ยนไปเป็นโรงแรม แต่คงไม่มีใครรู้ว่ากงสุลฝรั่งเศสตั้งอยู่ตรงไหน เมื่อสำรวจจากแผนที่โบราณก็พบว่ามีการระบุที่ตั้งกงสุลฝรั่งเศสไว้ชัดเจน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงระหว่างกงสุลอังกฤษและวัดชัยมงคล แต่อยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องกับ Alliance Française ที่เปิดสอนภาษาฝรั่งเศสในปัจจุบัน ความกว้างด้านหน้าติดถนนเจริญประเทศ อาจแคบกว่ากงสุลอังกฤษบ้าง แต่ที่ดินก็อยู่ลึกไปจนจรดแม่น้ำเหมือนกัน
ทุกวันนี้เมื่อไม่มีกงสุลอังกฤษ ย่อมไม่มีกงสุลฝรั่งเศส กงสุลฝรั่งเศสกลายเป็นศูนย์วิจัยฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ École Française d'Extrême-Orient คนที่ผ่านไปผ่านมา รวมทั้งผู้เขียน นอกจากจะไม่ทันสังเกต ยังไม่รู้ไม่เห็นเพราะพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นหนาทึบ
จนเมื่อเร็วๆ นี้เพื่อนสถาปนิกชาวฝรั่งเศสได้รับงานออกแบบปรับปรุงอาคารเดิมและสร้างอาคารส่วนใหม่ จึงมีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมและพบว่าพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง ร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้มากมาย ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้เก่าแก่ที่หาดูที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว จึงเท่ากับว่าสภาพพื้นที่ดังกล่าวได้รับการอนุรักษ์ให้คงอยู่มาถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะบริเวณริมแม่น้ำปิง เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ข้างเคียง ปัจจุบันกลายเป็นตึกรามบ้านช่องไปหมดแล้ว
จึงเท่ากับว่าฝรั่งเศสช่วยเก็บรักษาสภาพแวดล้อมแบบดั้งเดิมไว้ จึงอยากเชิญชวนให้เข้าไปเยี่ยมชม เพียงแต่ต้องอ้างอำพรางว่าเป็นนักวิชาการ อ้างว่ากำลังสนใจค้นคว้าเกี่ยวกับเอเชียอาคเนย์
เล่าขานถึงสถานกงสุลมาครบทั้งสามประเทศ คงทำให้รับรู้และเข้าใจในความรุ่งเรือง อำนาจ และความเปลี่ยนแปลง ทั้งกงสุลอังกฤษและฝรั่งเศสที่เคยเป็นดินแดนต้องห้ามของคนเชียงใหม่ในอดีต ทุกวันนี้ก็ยังไม่ใช่สถานที่สาธารณะ ใครอยากรู้อดีตที่ยิ่งใหญ่ของอังกฤษก็แค่ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว จ่ายเงินเข้าไปพักแรม แต่ใครอยากรู้อดีตยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส ต้องทำตัวเป็นนักวิชาการ แต่ไม่ต้องจ่ายเงิน แค่อ้างว่าต้องการเข้าไปค้นคว้าหาความรู้ (ฮา)
ส่วนกงสุลอเมริกันเดิมทีเปิดให้เข้าไปเที่ยวชมได้บางส่วน แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นดินแดนต้องห้าม ใครอยากจะรู้ว่าอดีตที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างไร หรือสภาพคุ้มของเจ้าเชียงใหม่เป็นอย่างไร คงทำอะไรไม่ได้เพราะเขาไม่เปิดให้เข้าชมแน่นอน
โลกเราก็เป็นอย่างนี้เสมอมา อดีตย่อมต่างไปจากปัจจุบัน อนาคตย่อมไม่เป็นเช่นปัจจุบัน ไม่มีอะไรที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล ไม่มีอะไรที่คงอยู่ตลอดกาล ทุกคนแค่แวะผ่านมาอาศัยชั่วคราวเท่านั้นเอง (สาธุ)
ผู้เขียน : ปริญญา ตรีน้อยใส
นามปากกาของ ศ.ดร.บัณฑิต จุลาสัย
เจ้าของหนังสือด้านสถาปัตยกรรม ถูกยกย่องจาก Dictionnaire de L'Architecture du XXe Siecle, Editions Hazan, Paris 1996
เป็น 1 ใน 3 สถาปนิกไทยประจำคริสต์ศตวรรษที่ 20