ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลป่าแดด กรมทางหลวงและบริษัทที่ปรึกษาโครงการ “ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงแนวใหม่ สายเชียงใหม่-ลำพูน” จัดการประชุมชี้แจงรายละเอียดโครงการให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลป่าแดดอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม สำหรับการประชุมในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องมาจากประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เพื่อคัดค้านและเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากการที่ตัดถนนผ่านหมู่บ้าน
อีกทั้งที่ผ่านมาไม่ได้มีส่วนร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นของโครงการ โดยเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวงและบริษัทที่ปรึกษาชี้แจงว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ได้ศึกษาจัดทำแผนไว้ตั้งแต่ปี 2550 เพื่อรองรับปริมาณการจราจรของผู้ใช้เส้นทางระหว่างเชียงใหม่และลำพูนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และถนนที่มีอยู่เดิมเริ่มไม่สามารถรองรับปริมาณรถได้ นอกจากนั้นยังเป็นการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ ระยะเวลาการเดินทางและประหยัดค่าใช้จ่าย ตลอดจนรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองจังหวัด แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการดำเนินการ จนกระทั่งในปี 2555 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีประกาศกำหนดให้โครงการที่จะตัดผ่านพื้นที่โบราณสถาน หรือแหล่งโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรจะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม จึงทำให้โครงการนี้ต้องมีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง
ทั้งนี้แนวเส้นทางหลวงใหม่เชียงใหม่-ลำพูน เจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวงระบุว่ามีการปรับเปลี่ยนจากที่ศึกษาไว้เมื่อปี 2550 โดยแนวเส้นทางปัจจุบันที่มีระยะทาง 19.52 กิโลเมตร เนื่องจากพื้นที่มีการพัฒนาและมีสิ่งปลูกสร้างบ้านเรือนของประชาชนหนาแน่นการพิจารณาแนวเส้นทางมุ่งหมายให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด โดยยึดหลักให้ความสำคัญ 3 ประเด็น ได้แก่ วิศวกรรม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้แนวเวนคืนที่ดินที่จะมีการออกเป็นกฎหมายนั้นจะมีระยะจากจุดกึ่งกลางของแนวเส้นทางออกไปสองข้างทางข้างละ 200 เมตร แต่จะมีการเวนคืนเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการจริงข้างละ 60 เมตรเท่านั้น ซึ่งยืนยันว่าหากมีการดำเนินโครงการจะก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และพร้อมที่จะดำเนินการทุกมาตรการที่เป็นการช่วยลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับชุมชน แต่ชาวบ้านก็ยังมีความกังวลกบั แนวเส้นทางผ่านหมู่บ้านวังตาลที่มีบ้านเรือนกว่า 600 หลังคาเรือน และอีกหลายหมู่บ้านที่อยู่ในแนวเส้นทางที่จะได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบในลักษณะเดียวกันนี้อยู่