ท็อปไฟว์บริษัทอสังหาฯ ปั๊มรายได้ครึ่งปีแรก

ประกาศผลสอบสำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์กันไปแล้ว Baania ขอเอามาสรุปแบบง่ายๆ เพื่อวัดฝีมือกันว่า เมื่อผ่านมาครึ่งทางใครคือผู้ชนะ โดยจะขอนับเฉพาะรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสะท้อนการขายและการโอนในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา

ก่อนอื่นมาดูกันว่า รายได้จากการขายโดยรวมในไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรก ซึ่งในบทความนี้ขอนับเฉพาะบริษัทที่มีรายได้จากการขายเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งสิ้น 17 บริษัท มีรายได้จากการขายรวมในไตรมาสที่ 2 จำนวน  61,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายรวม 60,071 ล้านบาท 

ส่วนครึ่งปีแรกทั้ง 17 บริษัท มีรายได้จากการขายรวมกันทั้งสิ้น 113,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่มีรายได้จากการขายรวม 103,027 ล้านบาท

มาถึงแชมป์รายได้จากการขายสูงสุดในไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกกันก่อน ซึ่งแน่นอนว่า ตำแหน่งนี้ยังเป็นของ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง โดยมีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 10,930 ล้านบาท  และในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 20,553 ล้านบาท รองแชมป์ ได้แก่ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์  มารายได้จากการขายไตรมาส 2 อยู่ที่ 7,680 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกมีรายได้ที่ 15,654 ล้านบาท 
ส่วนอันดับ 3 สำหรับไตรมาสที่ 2 คือ บริษัท ศุภาลัย  มีรายได้จากการขายรวม 6,361 ล้านบาท เฉือนบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) ที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 6,312 ล้านบาท เพียง 49 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนครึ่งปีแรก ศุภาลัยมีรายได้รวม 10,844 ล้านบาท ขณะที่เอพี มีรายได้รวม 11,676 ขยับมาเป็นอันดับ 3 แทนจากผลงานในครึ่งปีแรก ส่วนบริษัทที่มีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 เป็นอันดับ 5 ได้แก่ บริษัท แสนสิริ มีรายได้รวม 4,265 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 8,304 ล้านบาท

สรุปท็อปไฟว์บริษัทที่มีรายได้จากการขายในไตรมาส 2 ได้แก่ 1.บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง 2.บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์  3.บริษัท ศุภาลัย  4.บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)  และ 5.บริษัท แสนสิริ ส่วนท็อปไฟว์ของรายได้จากการขายครึ่งปีแรกมีสลับตำแหน่งเล็กน้อย ได้แก่ 1.บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง 2.บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ 3.บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) 4.บริษัท ศุภาลัย และ 5. บริษัท แสนสิริ 

สำหรับบริษัทที่มีรายได้เติบโตสูงสุดในไตรมาส 2 ได้แก่ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีรายได้จากการขายเติบโตถึง 212% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อันดับ 2 คือ บริษัท มั่นคงเคหะการ เติบโต 105% ขณะที่บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เติบโตได้อย่างไล่เรี่ยกัน คือ 48.9% 46% และ 42% ตามลำดับ ส่วนในครึ่งปีแรก 5 อันดับของบริษัทที่เติบโตสูงสุดก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่จะเปลี่ยนเฉพาะเปอร์เซ็นต์การเติบโต ได้แก่ 177.3% 103% 73% 50.5% และ 48.6% ตามลำดับ 

การเติบโตของบริษัทเหล่านี้ เป็นผลมาจากการเปิดขายโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการมียอดขายที่ดีในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ และคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน 
ในทางตรงกันข้ามมีหลายๆ บริษัทตัวเลขรายได้จากการขายที่ติดลบเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทรายใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น ได้แก่ บริษัท แสนสิริ -43% บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ -42.4% ซึ่งทั้ง 2 บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงสาเหตุที่ยอดรายได้จากการขายลดลงไปมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นเพราะโครงการที่สร้างเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกและโอนกรรมสิทธิ์เป็นโครงการภายใต้การร่วมทุนกับกิจการร่วมค้าเป็นส่วนใหญ่ ตัวเลขรายได้จากการขายจึงไม่ได้ถูกนำมาบันทึกในส่วนของรายได้ แต่จะบันทึกเป็นส่วนแบ่งกําไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุนของกิจการร่วมค้าซึ่งแสดงในงบกําไร(ขาดทุน) 

นอกจาก 2 รายนี้แล้วที่มีรายได้จากการขายที่ติดลบ ยังมีบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง ที่มีรายได้จากการขายลดลงจากไตรมาส 2 ปีก่อน -25.9% -16.5% และ -12.4% ตามลำดับ ขณะที่ในครึ่งปีแรก บริษัทที่มีรายได้จากการลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ บริษัท แสนสิริ -37.1%บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ -20.1% บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ -17.5% และบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง -6.2% ส่วนบริษัท แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ ที่ไตรมาส 2 ติดลบไป -16.5% แต่เมื่อรวมรายได้จากการขายครึ่งปีแรกยังมีอัตราโต 0.5% 

สาเหตุใหญ่ๆ ที่ทำให้แต่ละบริษัทมีรายได้จากการขายที่ลดลง เป็นเพราะก่อนหน้านี้มีการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง รวมถึงการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้น บริษัทรายใหญ่ชิงส่วนแบ่งกันเอง จนทำให้ยอดขายลดลง ทำให้ในหลายๆ เซ็กเมนต์อาจจะมีการเปลี่ยนมือแชมป์ให้เห็นในไม่ช้าไม่นานนี้ ก็เป็นได้