ธอส.ขานรับนโยบาย “บ้านประชารัฐ” เปิดตัวโค้งแรก ภาคเหนือทะลุพันราย
ที่อยู่อาศัยหรือที่เรียกกันว่า “บ้าน” เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของมนุษย์นับจากอดีตสู่ปัจจุบัน แม้ยุคสมัยมีความเปลี่ยนแปลง จากบ้าน 1 หรือ 2 ชั้น สู่อาคารพาณิชย์มาเป็นที่อยู่อาศัยสูงหลายสิบชั้นเรียกขานกันว่า “คอนโดมิเนียม” ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมในหัวเมืองใหญ่
นับเป็นโอกาสอันดีของคนอยากมีที่อยู่อาศัยหลังจากรัฐบาลเปิดตัว โครงการบ้านประชารัฐ ทำให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ทีมงาน HBG มีโอกาสพูดคุยกับ คุณเลอพงษ์ ชูประยูร ที่ปรึกษาด้านกิจการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานสาขาภูมิภาคที่ 1 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในประเด็นที่น่าสนใจเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการและผู้ที่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
หลักเกณฑ์ยืดหยุ่น เกื้อหนุนผู้ที่มีรายได้น้อย
โครงการบ้านประชารัฐเป็นโครงการของรัฐบาล มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยมี ที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง หลักเกณฑ์ที่สำคัญคือ จะต้องไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้เตรียมทุนทรัพย์จำนวน 30,000 ล้านบาท โดย 10,000 ล้านบาทแรกให้กับผู้ประกอบการเพื่อนำไปสร้างที่อยู่อาศัยให้ประชาชน หรือที่เรียกว่า “วงเงินรีไฟแนนซ์” ส่วนอีก 20,000 ล้านบาท ให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยโดยตรงรายละเอียดสูงสุดไม่เกิน 1,500,000 บาท เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2559 มีผู้ที่สนใจประมาณ 19,000 ราย เป็นวงเงินประมาณ 16,000 ล้านบาท
สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจยื่นกู้ ไม่จำเป็นต้องซื้อที่อยู่อาศัยจากโครงการเท่านั้น สามารถซื้อบ้าน, คอนโดฯ, บ้านมือสอง หรือซ่อมแซมต่อเติมบ้าน ตามวงเงินที่กำหนดในแต่ละประเภท โดยมีหลักเกณฑ์เรื่องอายุผู้กู้เช่นข้อกำหนดทั่วไป
โครงการบ้านประชารัฐมีการผ่อนปรนสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio หรือ DSR) เพิ่มสูงสุดไม่เกินร้อยละ 50 จากเดิมไม่เกินร้อยละ 30 ของรายได้สุทธิต่อเดือน ทำให้กู้ได้ง่าย, ได้รับวงเงินสูง อีกทั้งดอกเบี้ยเฉลี่ยดอกเบี้ยคงที่ 6 ปี หรือประมาณร้อยละ 3.16 นับเป็นดอกเบี้ยที่ต่ำมาก โดยธนาคารมีการตรวจสอบว่าผู้กู้เคยมีบ้านหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจเครดิตบูโรตามปกติ เพื่อป้องกันการขาดวินัยทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้
เริ่มต้นดี มีผู้สนใจนับพัน วงเงินกู้เจ็ดแสนถึงล้านห้าเนื้อหอม คนจองกู้อันดับ1
ทั้งนี้หลังจากเปิดโครงการพบว่าในจังหวัดเชียงใหม่ มีผู้สนใจประมาณ 1,360 ราย เป็นวงเงินประมาณ 735 ล้านบาท ทำการอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 36 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 35 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณา แต่หากวงเงินไม่เพียงพอ ทางผู้บริหารระดับสูงของธนาคารจะหารือการเสนอขยายวงเงินผ่านคณะกรรมการธนาคารและกระทรวงการคลังโดยคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาการขยายวงเงินกู้เพิ่มไม่นานเนื่องจากธนาคารมีการเก็บข้อมูลประจำทุกวัน จึงช่วยให้ประเมินวงเงินคงเหลือได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้พบว่าผู้ที่สนใจยื่นกู้ทั่วประเทศ อันดับที่ 1 เป็นการกู้วงเงินระหว่าง 700,000 ถึง 1,500,000 บาท มากที่สุด รองมาเป็นการกู้เพื่อการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย อันดับสุดท้ายเป็นการกู้วงเงินต่ำกว่า 700,000 บาท แต่กรณีที่ผู้กู้ไม่เข้าเงื่อนไขโครงการบ้านประชารัฐ เช่น เคยมีที่อยู่อาศัยแล้วหรือกู้วงเงินเกิน 1,500,000 บาท สามารถเลือกใช้โครงการอื่นที่ทางธนาคารมีไว้รองรับได้
ระยะเวลาโครงการยาวนาน ช่วยให้เลือกบ้านได้ตรงใจ
โครงการบ้านประชารัฐเริ่มตั้งแต่ 23 มีนาคม 2559 มีระยะเวลานาน 2 ปี ทำให้ประชาชนที่มีความต้องการใช้บริการสินเชื่อมีเวลาตัดสินใจ สามารถเลือกบ้านหรือคอนโดฯได้อย่างพอใจ ไม่ต้องรีบร้อน ในส่วนของเชียงใหม่ ลูกค้าพบว่า สนใจยื่นกู้ซื้อบ้านมือสองมากเป็นอันดับ 1 รองมาเป็นคอนโดมิเนียม ทั้งนี้คาดว่าหลังไตรมาสที่ 2 บ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่จะได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกของการเริ่มโครงการ “บ้านประชารัฐ” ในส่วนของธนาคาร อาคารสงเคราะห์ สำนักงานเขต 1 เชียงใหม่ มีผู้สนใจสอบถามรายละเอียดวันละกว่า 140 ราย วงเงินเฉลี่ยรายละ 5.5 แสนบาท ซึ่งในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ มีผู้สนใจสอบถามรายละเอียดจำนวนกว่าวันละ 54 ราย วงเงินเฉลี่ยรายละ 9.4 แสนบาท
“โครงการบ้านประชารัฐ” ที่รัฐบาลผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อต้องการช่วยเหลือให้ผู้ที่อยากมีที่อยู่อาศัยบรรลุตามตั้งใจหรืออีกนัยหนึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาริมทรัพย์นั้น ห้วงเวลา 2 ปีจากนี้ไป เป็นช่วงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังเพื่อเฝ้ามองความสำเร็จที่จะปรากฏให้เห็นในโอกาสต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง
- โครงการบ้าน -คอนโดเชียงใหม่ กว่า 200 โครงการ รับนโยบายบ้านประชารัฐ
-
6 โครงการราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านที่น่าสนใจ เข้าเงื่อนไข “บ้านประชารัฐ”