ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (Economic Intelligence Center:EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ สำรวจพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค พบว่า บทบาทของเทคโนโลยีอย่าง smart home มีแนวโน้มจะกลายเป็น new normal ในอนาคต แม้ว่ายังไม่แพร่หลายนัก แต่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจมากขึ้น จากผลสำรวจพบว่า 90% ของกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 30 ปีเห็นว่าอุปกรณ์ smart home มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะระบบเตือนภัยและระบบจัดการพลังงาน
Smart home จึงเป็นหนึ่งในโจทย์ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องให้ความสำคัญ ซึ่ง EIC ได้แนะนำไว้ว่า การออกแบบบ้านจะต้องให้ความสำคัญต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม รวมถึงการจับมือพันธกิจทางธุรกิจเพื่อพัฒนาสินค้า ถ่ายทอดความรู้ เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ เช่น จับมือกับสตาร์ทอัพเพื่อนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการอยู่อาศัยอย่าง เช่น สมาร์ทโฮม เป็นต้น
สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่ชูจุดขายเรื่อง smart home มาเป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญ และแม้ว่า ที่ผ่านมาจะมีการพูดถึงและพัฒนาระบบสมาร์ทโฮมกันไปอยู่พอสมควรแล้วก็ตาม แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว การมีเจ้าของเทคโนโลยี smart home มาเป็นพันธมิตรจึงน่าจะปลอดภัยกว่า และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคมากกว่า ในขณะเดียวกัน เจ้าของเทคโนโลยี่ต่างๆ ก็ต้องการขยายฐานตลาดในโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้มากขึ้นอยู่แล้ว งานนี้จึงถือเป็น WIN WIN GAME ด้วยกันทุกฝ่าย
รายล่าสุดที่ประกาศตัวกับพันธมิตรในการรุกตลาด smart home และ smart city เต็มพิกัด คือ บริษัทรายใหญ่อย่าง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) โดยร่วมกับ เอไอเอส ซัมซุง และ โมไบค์ อัพเลเวล โครงการอสังหาริมทรัพย์ ให้เป็น smart city ในอนาคต
วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กล่าวว่า มีการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และในยุค 4.0 ซึ่งโลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล จึงมีแนวคิดที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาโครงการ สู่การเป็น Smart City ภายใต้แนวคิด “เพอร์เฟค สมาร์ท ซิตี้” โดยมีความร่วมมือกับ เอไอเอส ผู้นำด้านเครือข่ายและเทคโนโลยีดิจิตัล ในการนำเครือข่าย NB-IoT เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาโครงการ นับเป็นครั้งแรกในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
IoT หรือ Internet of Things เป็นนวัตกรรมที่มีบทบาทสำคัญที่จะยกระดับเมืองสู่ Smart City ซึ่ง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค นำมาใช้ทั้งภายในโครงการและในบ้าน ในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านประหยัดพลังงาน ใช้เพื่อจัดการการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ ทั้ง Smart Street Lighting โคมไฟถนนอัจฉริยะที่ทำงานอัตโนมัติ มีกล้อง CCTV ใช้พลังงานจากโซล่าเซล ติดตั้งแล้วที่ เพอร์เฟค เพลส สุขุมวิท 77– สุวรรณภูมิ / Semi HEM (Home Energy Monitoring) ระบบตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาในบ้าน พร้อมแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบปัญหา ด้านความปลอดภัย ใช้เสริมระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการ อาทิ Smart Tracking บัตรผ่านเข้าออกที่สามารถตรวจสอบตำแหน่งของผู้มาติดต่อได้ตลอด จะใช้งานโครงการแรกที่ เพอร์เฟค เพลส สุขุมวิท 77–สุวรรณภูมิ Face Recognition เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในการผ่านเข้าออกโครงการคอนโดมิเนียม ใช้งานที่ เมโทรลักซ์ พหล-สุทธิสาร, เมโทรลักซ์ รัชดา และ เมโทร สกาย วุฒากาศ ด้านคมนาคม มี Smart Shuttle Service รถรับส่งระหว่างโครงการกับสถานีรถไฟฟ้า ที่สามารถตรวจสอบได้ทั้งตำแหน่งและเวลาที่รถจะมาถึง รวมทั้งยังมี Smart Bike จักรยานสาธารณะอัจฉริยะ ด้วยความร่วมมือกับ โมไบค์ โดยวันนี้เริ่มให้บริการแล้วในกลุ่มโครงการโซนตะวันออกของกรุงเทพ ด้านความสะดวกสบาย ตอบรับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลด้วย Smart Appliances ภายใต้ความร่วมมือกับ ซัมซุง กับแคมเปญ “เมโทรลักซ์ 4.0” ใน 4 ทำเล คือ เกษตร, รัชดา, พหล-สุทธิสาร และ ริเวอร์ฟร้อนท์ และ ด้านการทำงาน มี Co Working Space และ Wifi ฟรีในพื้นที่ส่วนกลาง ที่รองรับการทำงานของคนรุ่นใหม่
ด้าน ยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชื่อว่า IoT จะเป็นรากฐานสำคัญในทุกอุตสาหกรรมในการต่อยอดและพัฒนาโซลูชันส์ให้เกิดประโยชน์ จึงให้ความสำคัญและเตรียมความพร้อมเรื่อง IoT มาโดยตลอด โดยปีที่แล้ว ได้พัฒนาเครือข่าย NB-IoT ขึ้นเป็นครั้งแรก และปีนี้ เครือข่ายครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ
สำหรับความร่วมมือกับ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เอไอเอสจะนำเครือข่าย AIS NB-IoT มาพัฒนาเป็นโซลูชันส์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อช่วยบริหารจัดการภายในโครงการและยกระดับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในยุคดิจิทัล โดยเราทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายฝ่าย ร่วมกันสรรหา ออกแบบ และพัฒนาโซลูชันส์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับโครงการบ้าน และคอนโด ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค โดย เอไอเอส ให้บริการแบบครบวงจร
บุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธาน ธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุง ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและส่งมอบโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ให้สามารถใช้ชีวิตได้ง่ายและมีคุณภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม สำหรับการร่วมพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด ‘เพอร์เฟค สมาร์ท ซิตี้’ ซัมซุง พร้อมนำเสนอนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยด้วยผลิตภัณฑ์ที่ยกระดับคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ทีวี 4K UHD, ซาวด์บาร์, Robot Wi-Fi และ เครื่องซักผ้าแบบ Wi-Fi ที่จะช่วยมอบความสะดวกสบายต่อการอยู่อาศัยมากขึ้น
ขณะที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็มีความเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน โดยล่าสุดได้ร่วมกับบริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตัล โดยการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้านเข้ามาเพื่อมอบความสะดวกสบายแบบครบวงจรจากการควบคุม และสั่งการได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องฟอกอากาศ รวมถึงสมาร์ททีวี
สมเกียรติ หงษ์ทรัพย์ภิญโญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาโครงการ บริษัท แสนสิริ กล่าวว่า ภายใต้แนวคิด ‘Complete your living experience’ ที่นอกจากการให้ความสำคัญในการบริการด้านต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านได้อย่างตรงจุดแล้ว การนำเสนอนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกบ้านก็เป็นเรื่องที่แสนสิริให้ความสำคัญเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยโดยเฉพาะในยุคดิจิตัล ทั้งนี้ลูกบ้านแสนสิริสามารถเชื่อมต่อระบบสั่งงานของ Smart ThinQ™ ผ่าน Home Service Application ของแสนสิริ เพื่อให้ครอบคลุมในทุกมิติของการใช้ชีวิตภายในแอพพลิเคชั่นเดียว และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าของแสนสิริแน่นอน”
นิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิตอล โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในเมือง แอลจีจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับแสนสิริในการนำเสนอสมาร์ทโฮมโซลูชั่นด้วยเทคโนโลยี Smart ThinQTM รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ล้ำสมัย เช่น การสั่งงานทีวีด้วยเสียง การสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพียงแค่ปลายนิ้ว ผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน เป็นต้น
การแข่งขันด้วยเทคโนโลยี่ไม่ว่าจะเป็น smart home smart city หรือ proptech อื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหากดูจากตัวเลขคนอายุ 30 ปี ลงมาซึ่งปัจจุบันเป็นดีมานด์หลักในตลาด ให้ความสำคัญกับเรื่องของเทคโนโลยี่ smart home และมีส่วนต่อการตัดสินใจซื้อถึง 90% เป็นอะไรที่มองข้ามต่อไปไม่ได้แล้ว
Baania มี Line แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวอสังหาริมทรัพย์แบบอินเทรนด์ ได้ทุกวันผ่าน Line ID @baania