ข่าวใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เวลานี้คงหนีไม่พ้นการเข้าเทคโอเวอร์บริษัทแกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือจีแลนด์ โดยกลุ่มเซ็นทรัล ได้ซื้อหุ้น 50.43 % ของจีแลนด์ ด้วยเม็ดเงิน 1 หมื่นล้านบาท และมีแผนจะซื้อหุ้นในส่วนที่เหลือโดยการทำ Tender Offer อีก 9,900 ล้านบาท เป็นสเต็ปต่อไป เป็นอันว่า อาณาจักรของจีแลนด์ บริเวณหัวมุมถนนพระราม 9 ตัดกับรัชดาภิเษก เนื้อที่ 73 ไร่ ที่ว่ากันว่าจะยกระดับเป็นศูนย์กลางของซีบีดีแห่งใหม่ด้วยการก่อสร้างอาคารที่สูงที่สุดในไทยอย่าง เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ ด้วยความสูง 125 ชั้น และโครงการแวดล้อมต่างๆ ภายใต้ชื่อ โครงการ เดอะ แกรนด์ พระราม 9 มีมูลค่าโครงการรวมๆ กันนับแสนล้านบาท บัดนี้ได้กลายเป็นอาณาจักรใหม่ของเซ็นทรัลไปแล้วโดยปริยาย
ขณะเดียวกัน เซ็นทรัล ยังจะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่ดินบนถนนพหลโยธิน ฝั่งตรงข้ามแดนเนรมิตเดิม เนื้อที่ 48 ไร่ ติดถนน 2 ฝั่ง ทั้งพหลโยธิน และ วิภาวดี ผ่านบริษัท เบย์วอเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างจีแลนด์ กับ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในสัดส่วน 50:50 ซึ่งการพัฒนาโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่สามารถเชื่อมโยงกับห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งพื้นที่นี้ก็จะกลายเป็นอาณาจักรใหม่อีกแห่งของเซ็นทรัล ลาดพร้าว ในวันที่สัญญาเช่าที่ดินบริเวณเซ็นทรัล ลาดพร้าวในปัจจุบันกับการรถไฟแห่งประเทศไทย หมดอายุลง เรียกว่า งานนี้ เซ็นทรัล ยิงปืนนัดเดียวได้นกไปหลายตัวเลยทีเดียว
ย้อนมาที่ปฏิบัติการเข้าเทคโอเวอร์ จีแลนด์ ในเบื้องต้น เซ็นทรัล ได้ซื้อหุ้นจีแลนด์ รวม 3,278,132,406 หุ้น ซึ่งหุ้นทั้งหมดเป็นของคนในตระกูลบุญดีเจริญด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้นจาก บริษัท เจริญกฤษ เอ็นเตอร์ไพร้ส์ ซึ่งเป็นบริษัทของตระกูลบุญดีเจริญ โดยมี โยธิน บุญดีเจริญ เป็นหัวเรือใหญ่ จำนวน 781,967,706 หุ้น บริษัท เบ็ล พาร์ค เรสซิเดนซ์ 290,560,306 หุ้น และบรรดาลูกๆ ของนายโยธิน ประกอบด้วย นายเจตรศิริ บุญดีเจริญ 769,449,520 หุ้น นางสาวรมณี บุญดีเจริญ 718,077,437 หุ้น นายเจตรมงคล บุญดีเจริญ 718,077,437 หุ้น เรียกได้ว่าเป็นการถอนยวงออกมาจากจีแลนด์ของตระกูลบุญดีเจริญก็ไม่ผิดนัก
อย่างไรก็ตาม หากกลับไปที่จุดเริ่มต้นของบริษัทจีแลนด์ หรือชื่อเต็มว่า บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) เกิดขึ้นจากการเข้าเทกโอเวอร์บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ ของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ผู้บริหารช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ ของนายกฤตย์ รัตนรักษ์ แล้วไปดึงนายโยธิน เข้ามาร่วมถือหุ้น เพื่อแปลงสภาพมีเดีย ออฟ มีเดียส์ จากธุรกิจสื่อสารไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ หรือจีแลนด์ จนถึงปัจจุบัน
การจะเทคโอเวอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบต้องสามารถซื้อหุ้นในส่วนที่เหลือได้หมด ซึ่งรวมถึงหุ้นของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ของนายกฤตย์ ที่มีอยู่ 1,082,882,838 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.20% ซึ่งต้องใช้เงินซื้อหุ้นในส่วนของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ กว่า 3,000 ล้านบาท เรื่องเงินคงไม่ใช่ปัญหาของเซ็นทรัล แต่เรื่องที่ใหญ่กว่าคือนายกฤตย์ จะยอมขายหรือไม่ เพราะสำหรับคนๆ นี้ เรื่องเงินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เช่นกัน แต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์และความพึงพอใจเสียมากกว่า ก็คงต้องจับตาดูในขั้นตอนของการทำ Tender Offer กันต่อไปว่าจะจบแบบดราม่า หรือ แฮปปี้ เอนดิ้ง กันแน่
และสิ่งที่น่าจับตายิ่งกว่าก็คือ แผนของเซ็นทรัล หลังได้ จีแลนด์ ไปครอบครองแล้วจะเดินต่ออย่างไร เพราะนอกจากเงินที่ต้องใช้ซื้อหุ้นทั้งหมดเกือบ 2 หมื่นล้านบาท (ในกรณีที่ซื้อได้หมด) จะยังต้องใส่กับการลงทุนกับโครงการที่ใหญ่สุดอย่างโครงการ เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ ซึ่งวันที่ประกาศเปิดโครงการนายโยธินเคยบอกว่าจะต้องใช้เงินลงทุนกับโครงการนี้ประมาณ 18,000 ล้านบาท ถึงวันนี้เป็นเวลา 4 ปี ตัวเลขเงินลงทุนคงเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา และไหนจะเงินลงทุนขยายธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัลโดยเฉพาะโครงการใหญ่บริเวณสถานทูตอังกฤษ และอื่นๆ จึงทำให้ความไม่แน่นอนอาจจะเกิดขึ้นได้กับโครงการ เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์
Baania มี Line แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวอสังหาริมทรัพย์แบบอินเทรนด์ ได้ทุกวันผ่าน Line ID @baania