วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟ เลือกแบบไหนถึงถูกต้องและเหมาะสม
ใครที่อยากเปิดร้านกาแฟหรือทำกิจการร้านคาเฟ่ หัวใจของการเปิดร้านกาแฟที่ดีคือรสชาติของกาแฟที่อร่อยถูกปากทำให้ลูกค้าพูดถึงปากต่อปาก และกลับมาอุดหนุนอยู่เรื่อยๆ แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้กาแฟมีรสชาติที่ดีได้ ควรเรียนรู้ วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟ ที่ได้คุณภาพ เหมาะแก่การลงทุน ดังนั้น ต้องมีหลักที่ดีในการพิจารณาเลือกซื้อ เพื่อรสชาติที่ดีที่สุดของกาแฟที่ลูกค้าจะชื่นชอบ และเทใจให้ร้านของคุณเป็นอันดับหนึ่ง
ประเภทของเครื่องชงกาแฟ
เทคโนโลยีเครื่องผลิตกาแฟที่สมัยนี้ใคร ๆ ก็สามารถทำได้เองที่บ้านด้วยเครื่องชงกาแฟหลากหลายประเภท โดยแต่ละแบบจะเหมาะกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป มาทำความรู้จักประเภทของเครื่องชงกาแฟว่ามีแบบไหนที่ตอบโจทย์ลักษณะการชงกาแฟที่ท่านชื่นชอบได้มากที่สุด
เครื่องชงแบบนีโอโพลิแทน ดริป พอต
เป็นเครื่องชงกาแฟแบบกาหยด มีวิธีการที่ไม่ซับซ้อน หาซื้อได้ง่าย และราคาเป็นกันเอง ลักษณะจะคล้ายเครื่องชงแบบหยด เพียงแต่ต่างกันตรงที่ผ่านการบด และใส่ถ้วยกรองเป็นการชงแบบง่าย ๆ ที่รสชาติไม่เข้มมากนัก เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทางกาแฟ
เครื่องชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ
ถือเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากได้รสชาติกาแฟที่เข้มข้นด้วยกระบวนการกลั่น มักใช้ในร้านค้าขนาดเล็กไปถึงขนาดกลาง โดยใช้แรงดันจากไอน้ำในการกลั่นกาแฟ จะได้ความเข้มข้นสูง เพราะใช้น้ำค่อนข้างน้อย ทำให้รสชาติดี และหอมกว่าแบบทั่วไป
เครื่องชงกาแฟแบบเฟรนซ์เพรส
เป็นเครื่องชงแบบฝรั่งเศส โดยหลักการทำงานมีส่วนที่กักเก็บน้ำเอาไว้ จากนั้นตัวเครื่องจะทำให้น้ำเดือด และถูกส่งไปด้านบนที่มีฟิลเตอร์สำหรับเติมกาแฟบด ซึ่งน้ำจะหยดลงบนกากกาแฟลงมาในแก้วน้ำที่รองรับอยู่ แต่จะไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไหร่นัก เพราะใช้เวลาการชงสั้น ๆ
เครื่องชงกาแฟแบบสุญญากาศ
ง่ายต่อการใช้งาน มีลักษณะเป็นแก้วใสทำให้เห็นกระบวนการชงกาแฟทั้งหมดคล้ายการทดลองวิทยาศาสตร์ โดยจะใช้แรงดันน้ำในการดึงความเข้มข้นของกาแฟ ด้านล่างจะเป็นกาเติมน้ำทรงกลม ส่วนด้านบนจะมีฟิลเตอร์ไว้ใส่ผงกาแฟคั่วบดซึ่งต้มด้วยตะเกียงแอลกอฮอล์ เมื่อเดือดแล้วไอน้ำจะพุ่งตัวไปด้านบนกากกาแฟ เมื่อต้องการดื่ม ให้เทผ่านกากกาแฟอีกครั้งเพื่อความเข้มข้น แต่การชงแบบนี้ใช้เวลานาน และได้ปริมาณที่น้อย
เครื่องชงกาแฟแบบมอคคาพอต
กระบวนการทำงานคล้ายกับแบบเอสเปรสโซ มีฟิลเตอร์สำหรับใส่ผงกาแฟคั่วบดอยู่ด้านบน ด้านล่างจะมีไว้สำหรับเติมน้ำเดือด จากนั้นไอน้ำจะลอยไปกระทบกาแฟ ได้เป็นกาแฟที่เข้มข้น
เครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติ
ในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยการทำงานที่ง่าย เพียงกดปุ่มเดียวสักพักก็จะได้กาแฟที่เข้มข้นออกมาแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือ หมั่นเติมน้ำ และผงกาแฟคั่วบดเป็นครั้งคราวเท่านั้น เป็นเครื่องขนาดเล็กที่สามารถใช้ในบ้าน หรือตามออฟฟิศได้เช่นกัน
วิธีการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟ
ด้วยเครื่องชงกาแฟ ไม่ได้เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มักซื้อกันบ่อยครั้ง การเลือกตัดสินใจซื้อในแต่ละครั้งควรทำการบ้าน ศึกษาการทำงานของเครื่องชงกาแฟแต่ละแบบให้ดี เพื่อการลงทุนที่คุ้มค่า และตอบโจทย์ความต้องการของคอกาแฟได้มากที่สุด สำหรับผู้ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟอย่างไร ที่นี่มีคำตอบให้อย่างแน่นอน
- ยี่ห้อเครื่องชงกาแฟ มีแหล่งผลิตมาจากหลากหลายประเทศ แต่ถ้าถามว่าประเทศไหนดีที่สุดคงต้องตอบว่าอิตาลีซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจเพราะเป็นประเทศที่ไม่สามารถปลูกกาแฟได้แต่มีนวัตกรรมในการผลิตเครื่องชงกาแฟคุณภาพได้มาตรฐานที่ดี รองจากนั้นจะเป็น สเปน สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส
- ลักษณะการทำงานของเครื่องชงกาแฟ ที่จริงแล้ว ลักษณะการทำงานไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งสำคัญคือการใช้แรงดันส่งผ่านน้ำร้อนมาที่หัวชง และการควบคุมแรงดันที่สม่ำเสมอ ที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ การควบคุมอุณหภูมิของน้ำนั่นเอง เพราะมีผลต่อรสชาติในการชงกาแฟเป็นอย่างมาก
- มีการรับประกันสินค้า เครื่องชงกาแฟแต่ละยี่ห้อจะมีการรับประกันสินค้าที่ต่างกันออกไป โดยเครื่องชงขนาดเล็กจะไม่มีช่างไปซ่อมให้นอกพื้นที่ แต่ถ้าเป็นเครื่องชงขนาดใหญ่จะมีบริการซ่อมแซมตามมาตรฐานอยู่แล้ว
- เครื่องขนาดใหญ่มักทนทานกว่าเสมอ หากตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่จะเหมาะสำหรับการนำมาใช้ในร้านค้าโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะใช้งานหนักแค่ไหน ก็จะไม่พังง่ายเหมือนเครื่องชงขนาดเล็ก
- การบริการหลังการขายของตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ ควรเลือกซื้อสินค้ากับตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ มีหน้าร้าน และดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลานาน เพื่อให้มั่นใจได้ทั้งคุณภาพของสินค้า และบริการหลังการขายที่มีช่างซ่อม มีอะไหล่ซ่อม และมีการสำรองเครื่อง เป็นต้น
วิธีการดูแลรักษาเครื่องชงกาแฟ
สิ่งสำคัญหลังจากใช้งานเครื่องกาแฟมาอย่างหนัก และเป็นระยะเวลานาน สิ่งที่ควรตระหนักถึงคือ ขั้นตอนการดูแลรักษาเครื่องชงกาแฟให้มีอายุการใช้งานที่ยืนยาว ใช้งานได้คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนซื้อไป เพราะเครื่องมีราคาที่สูง ดังนั้น หมั่นตรวจสอบดูแลอย่างสม่ำเสมอเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
- หลังการใช้งานเสร็จแล้วทุกครั้งให้กดปุ่มปล่อยน้ำออกจากหัวกรุ๊ป (Group Head) จนให้แน่ใจว่าน้ำที่ไหลออกมาไม่มีสีของกาแฟปนอยู่ด้วย
- เคาะผงกาแฟออกจากถ้วยกรอง หรือฟิลเตอร์ และล้างผงกาแฟให้สะอาด
- ถอดถ้วยกรองกาแฟออก และล้างผงที่ติดอยู่ด้านในให้เกลี้ยง
- เปลี่ยนถ้วยกรองของก้านชงเป็นถ้วย (Black Flush) สำหรับล้างเครื่องชงกาแฟ
- ใส่ก้านชงเข้าที่หัวกรุ๊ป (Group Head) จากนั้นกดปุ่มปล่อยน้ำนาน 5 นาที แล้วกดที่ปุ่มเดิมหยุดการปล่อยน้ำโดยเปิด และปิดประมาณ 10 ครั้งเพื่อความสะอาด
- ถอดก้านชงออก และเทน้ำทิ้งจากนั้นทำข้อ 5 ซ้ำอีกหนึ่งครั้ง
- เปลี่ยนถ้วยกรองแบบเดิมแล้วล้างทำความสะอาดถ้วย (Black Flush) จากนั้นเช็ดให้แห้งสนิท และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
- เปิดก้านเป่าฟองนมไว้จนไล่ไอน้ำหมด
- เช็ดทำความสะอาดหัวเป่าฟองนม (Steam Wand) ในกรณีที่มีคราบนมสะสมอยู่มากให้แช่หัวเป่าในน้ำร้อนทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วนำมาเช็ดให้สะอาด
- ปิดเครื่องชงกาแฟหลังใช้งานเสร็จ
- ปล่อยให้เครื่องเย็นลง แล้วนำผ้าสะอาดมาเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วทั้งเครื่องป้องกันการสะสมของคราบกาแฟ
- ถอดตะแกรง และถาดรองน้ำออกมาทำความสะอาดพร้อมกับเช็ดให้แห้งสนิท
สิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจร้านกาแฟคือ วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟที่ในปัจจุบันมีหลากหลายประเภท ควรเลือกให้เหมาะสม และมีคุณภาพในการผลิตเพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่ดีที่สุด นอกจากนั้นการหมั่นดูแลทำความสะอาดจะช่วยยืดอายุการใช้งานเพิ่มความคุ้มค่า และประสิทธิภาพในการชงกาแฟที่ดี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะร้านที่ลูกค้าต่างก็ติดใจ
ที่มาภาพประกอบ :