หากคุณรู้จัก เลือกขนาดแอร์ ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องก็จะสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้มาก ในบทความนี้เรามีข้อแนะนำเรื่อง การเลือกขนาดแอร์ ให้เหมาะสมกับห้อง และหลักการคำนวณขนาดแอร์ เพื่อที่คุณจะได้เลือกแอร์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมประเทศไทยปัจจุบันมีสภาพอากาศที่ร้อนมากขึ้นทุกวัน ทำให้แทบทุกครอบครัวต้องหันมาพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ เพื่อระบายความร้อนภายในที่พักอาศัย ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่าแอร์ขายดีมากในปัจจุบัน ถึงแม้จะต้องแลกกับค่าไฟฟ้าที่แพงมากขึ้นแต่หลายคนก็เลือกที่จะยอมจ่าย
แอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ 5 ประเภท ตามความนิยมในปัจจุบัน ดังนี้
แอร์ชนิดนี้เป็นที่นิยม และเราสามารถพบเห็นได้มากที่สุด หลายครอบครัวเลือกที่จะใช้แอร์ติดผนังด้วยวัตถุประสงค์หลัก ๆ คือ ติดตั้งง่าย ขนาดพอเหมาะ ราคาไม่แพง ซ่อมบำรุงง่าย รูปทรงทันสมัย และประหยัดไฟฟ้า เหมาะกับการใช้งานในห้องนอน หรือห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แอร์ติดผนังมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบแอร์อินเวอร์เตอร์ (Dual Inverter Compressor) และแบบประหยัดพลังงานทั่วไป แอร์ติดผนังส่วนใหญ่จะมีขนาดอยู่ระหว่าง 9,000-20,000 BTU ขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง
หากคุณมีพื้นที่ห้องขนาดใหญ่กว้างขวาง ควรเลือกใช้แอร์ตั้งพื้น เนื่องจากกระจายความเย็นได้ทั่วถึง ทำความเย็นได้มากกว่า ติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการติดตั้งมากมาย การบำรุงรักษา สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะกับการใช้งานในห้องโถง ห้องประชุมที่มีขนาดกว้าง แต่เพดานไม่สูงมาก อย่างไรก็ตาม แอร์ตั้งพื้นจะต้องวางอยู่ที่พื้น เพราะฉะนั้น ห้องที่ใช้แอร์ชนิดนี้ต้องมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอ และต้องไม่วางสิ่งของกีดขวางทางแอร์
แอร์แบบแขวน เป็นแอร์ที่สามารถเห็นได้ตามห้องประชุม ร้านอาหาร ที่มีพื้นที่กว้างขวาง แอร์ชนิดนี้จะมีแรงลมที่ไกลมากกว่า กระจายความเย็นได้รวดเร็วทั่วถึง ทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว มี BTU สูง การติดตั้ง จะใช้วิธีแขวนแอร์ด้วยขาตั้งแอร์ แต่มีข้อเสียคือ มีเสียงลมแอร์ดังมากกว่าแอร์ติดผนัง และใช้พลังงานที่มากกว่าแอร์ชนิดอื่น ๆ แน่นอนว่าทำให้เปลืองค่าไฟฟ้า
แอร์แบบฝัง สวยงาม ทำความเย็นได้เร็ว ประหยัดพื้นที่ได้แน่นอนเพราะฝังอยู่ใต้ฝ้า แอร์ชนิดนี้ มักพบได้ตามโรงแรมมากกว่าสถานที่อื่น ๆ ส่วนการติดตั้งนั้น จะต้องใช้ช่างที่ชำนาญในการเดินท่อแอร์ เพื่อป้องกันการเกิดท่อแอร์รั่ว แอร์ประเภทนี้มักมีราคาสูง รวมถึงค่าติดตั้งก็สูงด้วยเช่นกัน
แอร์เคลื่อนที่ เน้นความสะดวกสบายเพราะไม่ต้องติดตั้งแอร์ที่ผนัง สามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายเพราะมีล้อ การใช้งานนั้นง่ายมาก เพียงแค่เสียบปลั๊กเท่านั้น เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก ห้องพัก ที่ไม่สามารถเจาะผนังได้ เปลี่ยนสถานที่พักบ่อยอย่างไรก็ตาม แอร์เคลื่อนยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำความเย็น ซึ่งจะเย็นน้อยกว่าแอร์ประเภทอื่น ๆ และไม่เหมาะกับการใช้งานหนักต่อเนื่องนาน ๆ
BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยวัดความเย็นของเครื่องปรับอากาศ 1 ตันความเย็น = 12,000 BTU ซึ่งจะเป็นตัวบอกค่าความเย็นของเครื่องปรับอากาศนั้น หากมีตัวเลขที่มาก หมายความว่าเครื่องปรับอากาศเครื่องนั้นจะสามารถทำความเย็นได้มาก ตัวอย่างค่า BTU ที่เหมาะสมกับห้อง อาทิเช่น
ขนาด BTU |
ขนาดห้องปกติ |
ขนาดห้องที่โดนแดด |
9, 000 BTU |
10-15 ตารางเมตร |
9-14 ตารางเมตร |
12, 000 BTU |
16-21 ตารางเมตร |
14-18 ตารางเมตร |
15, 000 BTU |
22-27 ตารางเมตร |
20-26 ตารางเมตร |
18, 000 BTU |
28-35 ตารางเมตร |
24-32 ตารางเมตร |
24, 000 BTU |
32-40 ตารางเมตร |
28-36 ตารางเมตร |
28, 000 BTU |
40-45 ตารางเมตร |
35-45 ตารางเมตร |
33, 000 BTU |
44-59 ตารางเมตร |
41-45 ตารางเมตร |
42, 000 BTU |
59-65 ตารางเมตร |
55-61 ตารางเมตร |
การเลือกขนาดแอร์ที่เหมาะสม จะช่วยประหยัดพลังงานและค่าไฟฟ้าได้มาก นอกจากนี้ยังช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้น ก่อนการเลือกซื้อแอร์ จึงควรรู้หลักการคำนวณขนาด BTU ที่เหมาะสมก่อน ซึ่งสามารถใช้สูตรการคำนวณ ดังนี้
การเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับห้องนั้น คุณจะต้องวัดขนาดของห้อง ความกว้าง ความยาว รวมถึงปัจจัยเสริมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางการโดนแสงแดด อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในห้อง เพื่อนำมาคำนวณขนาด BTU ที่เหมาะสมกับห้องนั้น ๆ เนื่องจาก BTU ที่มีความเหมาะสมจะช่วยประหยัดพลังงาน และช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แอร์มีหลายประเภท ทั้งแบบติดผนัง แบบตั้งพื้น แบบแขวน หรือแอร์แบบเคลื่อนที่ ดังนั้น เมื่อคุณคำนวณขนาดของห้องและขนาด BTU ได้แล้ว จึงมาพิจารณาการเลือกประเภทของแอร์ตามความเหมาะสม เช่น แอร์ติดผนังเหมาะกับการติดในห้องนอน แอร์แบบแขวนเหมาะกับห้องประชุม ร้านอาหาร แอร์แบบตั้งพื้นเหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้าง หรือแอร์แบบเคลื่อนที่เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดเล็ก เช่น บ้านพัก หอพัก ที่ไม่สามารถเจาะผนังห้องได้ เป็นต้น
การเลือกซื้อแอร์ ควรเลือกแบบที่ได้มาตรฐาน มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะคุ้มค่าและสามารถประหยัดพลังงานได้มากที่สุด นอกจากนี้ หากต้องการประหยัดพลังงานให้เลือกแอร์อินเวอร์เตอร์ ซึ่งมีความเย็นที่สม่ำเสมอ ทำงานเงียบและประหยัดพลังงานได้ดี
ในปัจจุบันเครื่องปรับอากาศมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น การตั้งเวลาเปิด-ปิด สามารถฟอกอากาศ กรองฝุ่น หรือฆ่าเชื้อโรคได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การเลือกขนาดแอร์ ให้เหมาะสมกับห้องจะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ขนาดของห้อง ทิศทางของแสงแดด ฉนวนกันความร้อนในห้อง จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องที่ก่อให้เกิดความร้อน ล้วนแต่ต้องพิจารณาร่วมกันไป เพื่อความเหมาะสมและเลือกแอร์ที่ดีที่สุดสำหรับห้องของคุณ