นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าจังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และเทศบาลนครเชียงใหม่ร่วมผลักดันโครงการการพัฒนาและฟื้นฟูเมืองเก่าตามแนวทาง Historic Urban Landscape แต่ทั้งนี้ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนชาวเชียงใหม่ เพื่อร่วมผลักดันให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองมรดกโลกเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม
ในอดีตพบว่าหลายโครงหลายไม่สามารถทำได้ ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลานาทีทองในการบังคับใช้กฎหมายให้โครงการเหล่านั้นเกิดผลสำหรับการนำเมืองเชียงใหม่สู่การเป็นเมืองมรดกโลกนั้นจะต้องเริ่มจากด้านในคูเมืองก่อนขยายพื้นที่มากขึ้นเพื่อให้เชียงใหม่เป็น 1 ใน 3 เมืองของไทยที่เป็นเมืองมรดกโลก
การเสนอเมืองเชียงใหม่สู่มรดกโลกจะเป็นรูปแบบของกลุ่มโบราณสถานที่ไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน โดยในเขตเมืองใหม่ก็ยังคงดำเนินการพัฒนาได้ต่อเนื่องซึ่งลักษณะเด่นของเชียงใหม่คือเป็นเมืองเก่าอยู่ได้อย่างกลมกลืนกับเมืองใหม่การมีโบราณสถานที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมทั้งนี้เชียงใหม่มีความพร้อมสู่การเป็นเมืองมรดโลกอย่างเต็มที่อีกทั้งเป็นเมืองที่มีคุณค่า โดดเด่นตามที่ยูเนสโกกำหนดคือ ภูมิปัญญาการสร้างเมืองสิ่งก่อสร้างร่วมสมัยที่แทรกไว้ด้วยภูมิปัญญาของบรรพชน
ทั้งนี้การจดทะเบียนการเป็นเมืองมรดโลกนั้นจะต้องมีเมืองมารับรอง 4-5 เมือง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ปีอาจจะได้เห็นเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองมรดกโลก หากเป็นไปตามที่คาดไว้จะทำให้ทั่วโลกรู้จักเชียงใหม่มากยิ่งขึ้นและยังส่งผลดีกับการท่องเที่ยวเชิงประวัตศาสตร์วัฒนธรรม จะทำให้เศรษฐกิจของเชียงใหม่เติบโตอย่างมหาศาลและสร้างรายได้ให้กับชาวเชียงใหม่อย่างมากมาย
อย่างไรก็ตามการดำเนินการของเทศบาลนครเชียงใหม่ได้มีการผ่านร่างสภาเทศบัญญัติในเขตเมืองเก่ามีการควบคุมผังเมืองเก่าที่คุมให้ตึกสูงไม่เกิน 12 เมตร รวมถึงอาคารที่สร้างใหม่จะต้องเป็นอาคารทรงล้านนาและสีของอาคารจะต้องออกเป็นแนวสีขาวสีครีมและสีน้ำตาล ขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้จังหวัดอนุมัติก่อนเสนอไปส่วนกลางเพื่อประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาต่อไป