ในสภาวะที่ความไม่แน่นอนมีสูงจากหลายปัจจัย ทั้งในและนอกประเทศทำให้ผู้ประกอบการต้องติดตามสถานการณ์และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติออกมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กำหนดเพดานสินเชื่อตามมูลค่าหลักประกัน (Loan to Value : LTV) แนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ย ไปจนถึงการเลือกตั้งภายในประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคเริ่มชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยลง
การปรับตัวในแบบมองหาที่ดินแปลงเล็ก พัฒนาเพื่อขายในจำนวนยูนิตไม่มากนัก เน้นดีไซน์โปรดักต์ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้าง ทำการตลาด ขาย แล้วเปิดโครงการในเวลาที่ไม่นาน เป็นหนึ่งแนววางบริหารเสี่ยงของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางถึงเล็กในเวลานี้
ดี เวล แกรนด์ แอสเสท หนึ่งในผู้ประกอบการที่เดินกลยุทธ์นี้ โดยวางคอนเซ็ปต์การเป็น บูทีค ดีเวลลอปเปอร์ ที่ได้ทำผลงานไว้ เช่น “ดี 65” สุขุมวิท 65, “ดี 25 ทองหล่อ 25”, “ดีเมโมเรีย” พหลโยธิน ซอย 8, “ดีมูระ” พหลฯ-เกษตร
นายถวนันท์ ธเนศเดชสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เวล แกรนด์ แอสเสท จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังคงยึดกลยุทธ์พัฒนาโครงการ ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว รองรับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์และชอบความแตกต่างไม่ซ้ำแบบใคร โดยแผนการพัฒนาจะครอบคลุมทั้งบ้านแนวราบ ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนบ้านแนวสูง ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร
ARNA EKAMAI เป็นอีกโครงการที่เน้นการพัฒนาที่สเกลไม่ใหญ่บนขนาดพื้นที่เกือบ 2 ไร่ ในทำเลกลางเมือง สามารถเดินทางเข้า-ออกหลายทาง ทั้งสุขุมวิท-เอกมัย-ทองหล่อ รวมถึงโครงข่ายทางด่วนและรถไฟฟ้า โดยวางจุดขายไว้เป็นบ้านเดี่ยว 3-4 ชั้น ระดับ ราคาขายอยู่ที่ 32-55 ล้านบาท ในจำนวน 11 ยูนิต ปัจจุบันปิดการขายไปแล้ว 7 ยูนิต และเหลือขายเพียง 4 ยูนิต
ขณะที่แผนเปิดโครงการในในปีนี้ ประกอบด้วย AIRES Rama 9, AIRES Ratchada 19, AIRES Ramkhamhaeng, โครงการย่านบางนา มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท
ด้วยการที่เน้นการทำงานในสเกลไม่ใหญ่การหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการก็มีความสำคัญ ทำเลที่ตั้งโครงการกระจายในหลายทำเล การเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก เช่น โครงการบนเส้นบางนาที่จะเปิดตัวในปีนี้ อยู่ไม่ห่างจากสนามบิน ขณะเดียวกันก็เดินทางเข้าเมืองได้ง่าย
แผนการทำงานที่เน้นกระจายความเสี่ยง ทั้งพัฒนาในสเกลที่ไม่ใหญ่ ยูนิตน้อย และเลือกทำลที่หลากหลายพื้นที่แล้ว การร่วมลงทุนก็เป็นอีกแนวทางที่ บริษัท ดีเวลฯ สนใจ โดยได้ร่วมกับกลุ่มเศรษฐีวรรณที่ถือในสัดส่วน 60% และดีเวล แกรนด์ แอสเสท 40% พัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ IRES ที่เตรียมเปิดขายภายในปีนี้
ที่สำคัญ นายถวนันท์ กล่าวว่า “ต้องไม่ลงทุนเกินตัว ต้องรู้กำลังตัวเอง และเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด และทำการบ้านให้ดีก่อนจะพัฒนาโปรดักส์ โดยในแต่ละปีวางงบซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการไว้เพียง 300 ล้านบาท”