เรียนรู้วิธีการต่อสายไฟในบ้านง่ายๆ ด้วยตัวคุณ

การเริ่มต้นสร้างบ้านหลังใหม่ หรือหากต้องการติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้านใหม่อีกรอบ จำเป็นต้องศึกษาวิธีการต่อสายไฟแบบต่าง ๆ ภายในบ้าน ก่อนทำการติดตั้งเพื่อให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้านมีความปลอดภัยสูงสุด และไม่เกิดปัญหาความขัดข้องในภายหลัง แต่เนื่องจากไฟฟ้าถือว่าเป็นสิ่งที่มีความอันตรายมาก หากไม่ระมัดระวังในช่วงที่ลงมือทำ อาจจะส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้ วันนี้ทาง Bannia จึงมีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิธีการต่อสายไฟแบบต่าง ๆ ในบ้านมาแนะนำ

ประเภทของสายไฟในบ้าน

การต่อสายไฟภายในบ้าน มีสายไฟหลายประเภทให้เลือกใช้งาน แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย เพราะวัสดุของสายไฟแต่ละประเภทมีความทนทานและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงราคาก็แตกต่างกันตามเกรดของวัสดุที่นำมาใช้ทำสายไฟ หากจะเลือกมาเพื่อต่อสายไฟภายในบ้าน ก็ควรดูให้ถี่ถ้วนก่อน เพื่อให้นำไปใช้งานได้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ โดยในปัจจุบัน สายไฟภายในบ้านที่นิยมใช้กัน จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้

• สายไฟ THW

สายไฟประเภทนี้ ด้านในเป็นสายทองแดงเพียงเส้นเดียว ด้านนอกมีพลาสติก PVC หุ้มฉนวนอยู่ เนื่องจากวัสดุชนิดนี้ ไม่ทนทานต่อความชื้น จึงควรเดินสายลอยภายในตัวบ้านเท่านั้น ไม่ควรนำสายไฟชนิดนี้มาลงดิน 

• สายไฟ VAF

ด้านในของสายไฟประเภทนี้เป็นสายทองแดงเพียงแค่เส้นเดียว แต่ด้านนอกจะหุ้มฉนวนกว่า 2 ชั้น สายไฟประเภทนี้เหมาะกับการเดินสายไฟภายในตัวบ้านเช่นเดียวกัน

• สายไฟ VCT

ด้านในของสายไฟจะเป็นสายทองแดงเพียงเส้นเดียว แต่จะเป็นสายแบบฝอย มีวัสดุยางพาราหุ้มฉนวนอยู่ ทนความร้อนและทนความชื้นได้ดี จึงสามารถเดินสายไฟภายนอกตัวอาคารได้

วิธีการต่อสายไฟแบบต่าง ๆ

ก่อนเริ่มลงมือติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้าน จะต้องทราบก่อนว่า การเดินสายไฟแบบไหนมีความเหมาะสมกับตัวบ้านมากที่สุด เพราะมีค่าใช่จ่ายและการซ่อมบำรุงที่แตกต่างกัน โดยการต่อสายไฟภายในบ้าน มี 2 วิธี คือ การต่อสายไฟแบบเดินลอย และการต่อสายไฟแบบฝังผนัง ซึ่งหากเลือกต่อสายไฟตามวิธีไหน ก็สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม แต่เพื่อความปลอดภัย ก็ควรให้ช่างไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาเป็นผู้ทำการต่อสายไฟให้จนเสร็จเรียบร้อย

• การต่อสายไฟแบบเดินลอย

ก่อนเดินสายไฟเพื่อเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ จะต้องทำการเดินสายไฟฟ้าให้ติดไปกับฝาผนังหรือตามเสาของบ้าน ซึ่งการเดินสายไฟแบบนี้ จะทำให้ในอนาคตสามารถแก้ไขซ่อมแซมได้ค่อนข้างง่าย แต่ถ้าภายในบ้านมีสายไฟเป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้บ้านดูรก จึงควรจัดเก็บสายไฟต่าง ๆ ให้เข้าที่เข้าทางด้วย เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว บ้านเรือนทั่วไปมักจะใช้การต่อสายไฟแบบเดินลอย เพราะมีความสะดวกมากกว่า ราคาถูกและซ่อมบำรุงง่าย

• การต่อสายไฟแบบฝังผนัง

การเดินสายไฟวิธีนี้จะค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อยและไม่รกสายตา อีกทั้งยังมีความปลอดภัยที่สูงกว่า เพราะเป็นการใช้สายไฟร้อยผ่านทางท่อสายไฟซึ่งฝังอยู่ในผนัง แต่จะเกิดความยุ่งยากเป็นอย่างมากหากสายไฟที่ฝังเข้าไปในผนังเกิดการชำรุด บางครั้งอาจจะต้องทุบผนังเพื่อทำการซ่อมแซม การซ่อมแซมจึงจะทำได้ยากกว่าการต่อสายไฟแบบเดินลอย โดยมีค่าใช้จ่ายสูงทั้งการติดตั้งและการซ่อมแซม จึงควรพิจารณาก่อนว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะเลือกต่อสายไฟด้วยวิธีนี้

อุปกรณ์ที่ใช้ในการต่อสายไฟ

การต่อสายไฟจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์หลากหลายชนิดมาช่วยในการลงมือทำ ดังนั้น ก่อนจะลงมือปฏิบัติ จะต้องเตรียมความพร้อม โดยการจัดหาอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ให้พร้อมก่อน เพราะเมื่อลงมือปฏิบัติแล้ว การทำงานจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ล้วนแล้วมีความจำเป็นในการใช้งาน โดยอุปกรณ์บางอย่างเป็นสิ่งที่บางท่านอาจจะมีอยู่แล้วใกล้ ๆ ตัว หรืออุปกรณ์บางอย่างอาจจะต้องซื้อเพิ่ม ก็สามารถเลือกซื้อได้ตามความเหมาะสม ซึ่งทางเราก็ได้รวบรวมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นในการใช้งานมาแนะนำ ดังต่อไปนี้

• สว่านไฟฟ้า ควรเลือกใช้สว่านที่สามารถเลือกปรับได้ ในการใช้สำหรับการเจาะรูทั่วไป เช่น การเจาะผนังคอนกรีต การเจาะเหล็ก และการเจาะไม้
• ค้อน เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ เพราะต้องใช้สำหรับการตอกตะปูในจุดต่าง ๆ ในระหว่างการเดินสายไฟ  
• ตลับเมตร เป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับการวัดระยะห่าง และความยาวในจุดต่าง ๆ สามารถใช้เพื่อทำให้การทำงานมีความสะดวกและมีความแม่นยำมากขึ้น
• ไขควง จะต้องเป็นไขควงแบบพิเศษที่ใช้สำหรับงานไฟฟ้าเท่านั้น และไขควงวัดไฟที่ใช้ในการตรวจสอบกระแสไฟฟ้า  ด้ามจับหุ้มฉนวนอย่างมิดชิด เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน 
• มีดหรือคัตเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่หาได้ง่าย และอยู่ใกล้ตัวมากที่สุด โดยมีดหรือคัตเตอร์จะต้องนำมาใช้ในการปอกฉนวนของสายไฟ โดยให้ปอกแบบเฉียง ทำมุมเพียงแค่ 60 องศาเท่านั้น จะทำให้ตัวนำของสายไฟไม่ขาด
• คีม จะถูกแบ่งออกเป็นหลายชนิด แต่ละชนิดมีการใช้งานที่ต่างกัน โดยหลัก ๆ แล้ว การต่อสายไฟจะต้องใช้คีมอยู่ 3 ชนิด คือ คีมรวม คีมปากยาว และคีมตัด ซึ่งจะนำมาใช้สำหรับการดัดสายไฟ ตัดลวดเหล็ก หรือการใช้คีมเพื่อจับวัสดุต่าง ๆ ที่มีความอันตราย จะช่วยเซฟในเรื่องของความปลอดภัยได้ 
• บักเต้า เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการตีแนวเส้น เพื่อจะทำให้ได้แนวสายที่มีความตรง 
• เลื่อย การเดินสายไฟอาจจะต้องใช้เลื่อย เพื่อตัดวัสดุบางชนิด จึงควรเตรียมไว้ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติ
• เหล็กนำศูนย์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินสายบนผนังคอนกรีต
• อุปกรณ์อื่น ๆ นอกจากอุปกรณ์หลักที่ใช้งานแล้ว ยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีความสำคัญอีก เช่น เหล็กส่ง สกัด บิดเหล่า ตะปู และเข็มขัดรัดสาย ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นจะต้องนำมาใช้งานร่วมด้วยในการติดตั้ง

ข้อควรระวังในการต่อสายไฟ

ก่อนจะต่อสายไฟ ควรทำการศึกษาถึงข้อควรระวังในการต่อสายไฟอย่างถี่ถ้วนก่อน เนื่องจากการต่อสายไฟฟ้ามีความอันตรายสูงมาก ทั้งการต่อสายไฟฟ้าภายบ้าน การต่อสายไฟเมน หรือการต่อสายไฟในแบบอื่น ๆ จึงควรลงมือปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังอย่างสูง โดยมีข้อควรระวังหลายอย่างที่จะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดความผิดพลาด และความสูญเสียที่อาจจะตามมาได้ โดยมีข้อควรระวังดังต่อไปนี้

• ควรเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีความเหมาะสม มีความทนทาน และที่สำคัญจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานที่สามารถเชื่อถือได้ เพราะหากใช้วัสดุเกรดต่ำอาจจะส่งผลให้เกิดความขัดข้องต่อระบบไฟฟ้าในภายหลังหรือการเกิดอันตรายต่อการใช้งานได้ ซึ่งจะเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และจะต้องเสียเงินในการซ่อมบำรุงกันอีกรอบ
• ความปลอดภัย ถือเป็นสิ่งแรกที่จะต้องคำนึงถึง ในการต่อสายไฟฟ้า หากเจ้าของบ้านไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านไฟฟ้า ก็ควรที่จะจ้างให้ช่างไฟฟ้าซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการเดินไฟ มาช่วยเดินสายไฟภายในบ้านให้
• ไฟฟ้า อาจจะส่งผลอันตรายถึงชีวิตหากไม่ระวัง ในช่วงที่มีการต่อสายไฟ หรือการซ่อมแซมสายไฟ จึงต้องตัดกระแสไฟฟ้าก่อน เพื่อให้สามารถทำงานโดยมีความปลอดภัยสูงสุด
• ในระหว่างที่มีการต่อสายไฟภายในบ้าน ผู้ใหญ่ควรนำเด็กออกจากพื้นที่ เนื่องจากเด็กมีความซุกซน เพื่อความปลอดภัย จึงขอแนะนำ ให้ผู้ใหญ่กันเด็กออกจากพื้นที่ในระหว่างการต่อสายไฟจะดีที่สุด

ดังนั้นเมื่อท่านคิดที่จะลงทุนในการติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้านใหม่ทั้งหมดแล้ว ก็จำเป็นอย่างที่ควรจะศึกษาวิธีการต่อสายไฟที่มีความเหมาะสมกับตัวบ้านการต่อสายไฟภายในบ้านจะต้องทำอย่างถูกต้อง ถูกวิธี และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมากที่สุด เพราะเราจำเป็นจะต้องอาศัยอยู่ภายในบ้านไปอีกหลายต่อหลายปี หรือบางครั้ง ตัวบ้านอาจส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ระบบไฟฟ้า จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักสำคัญของบ้าน เพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยของการอาศัยอยู่ในชีวิตประจำวัน