ที่ประชุมผู้ถือหุ้น ORI เคาะจ่ายปันผลงวด 3 เดือนสุดท้ายปี 2563 เป็นเงินสด อัตรา 0.39 บาทต่อหุ้น รวมกว่า 956 ล้านบาท จ่อขึ้น XD 7 พ.ค. และกำหนดจ่ายปันผล 18 พ.ค.นี้ รวมทั้งปี 2563 จ่าย 44.88% ของกำไรสุทธิ สูงกว่านโยบายขั้นต่ำ ด้านผู้บริหารจับตาสถานการณ์ COVID-19 ช่วง Q2/64 ใกล้ชิด พร้อมรักษาเสถียรภาพการดำเนินงานต่อเนื่อง แย้มยอดขาย เม.ย.ยังอยู่ในระดับประทับใจ
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานงวด 3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 และกำไรสะสมเป็นเงินสด แก่ผู้ถือหุ้นอัตรา 0.39 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 956,616,356.67 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 7 พ.ค.2564 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 10 พ.ค.2564 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 18 พฤษภาคม 2564
สำหรับในปี 2563 บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2563 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 เป็นเงินสด ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 245,285,955.30 บาท ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2563 บริษัทจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 1,201,902,311.97 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 44.88% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ สูงกว่ากำหนดขั้นต่ำของนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทที่ 40%
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 2/2564 นั้น ยังคงต้องเฝ้าจับตาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 3 การจัดหาและกระจายวัคซีนของภาครัฐ ตลอดจนมาตรการของทั้งภาครัฐและหน่วยงานท้องถิ่นที่อาจประกาศออกมาเพิ่มเติม เพราะถือเป็น 3 ตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และระยะเวลาที่ผู้คนจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ยอดขายของบริษัทในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ยังอยู่ในระดับที่ดี ไม่ได้แตกต่างจากสถิติการขายในช่วงเดือน เม.ย.มากนัก ทั้งที่เป็นเดือนที่มีวันหยุดค่อนข้างมากและผู้คนเริ่มกลับมา Work From Home อีกครั้ง สะท้อนว่าผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในฐานะปัจจัย 4 แม้จะเป็นช่วง Low Season และเป็นช่วงที่ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก
“ตั้งแต่ปีที่แล้ว ผู้ประกอบการทุกรายต่างก็เรียนรู้และปรับตัวให้พร้อมรับมือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างต่อเนื่อง สำหรับออริจิ้นเอง เราเชื่อมโยงทุกประสบการณ์ของผู้บริโภคทั้งการหาข้อมูล การจอง การทำสัญญา การตรวจห้อง การโอนกรรมสิทธิ์ ให้มาทำผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อให้ผู้บริโภคทำธุรกรรมกับเราได้สะดวกขึ้น สิ่งที่เราจะทำต่อจากนี้ คือการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่อรักษาเสถียรภาพการดำเนินงานของเราควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการคุณภาพเพื่อผู้บริโภค” นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 83 โครงการ เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 129,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร