ผงาดขึ้นมาเป็นเมืองการค้าชายแดน เมืองท่องเที่ยว เมืองมหาวิทยาลัย และเป็นประตูการค้าสำคัญในกลุ่ม 6 ประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS)
เชียงราย วันนี้เข้าสู่โหมดการเปลี่ยนแปลงชัดเจนทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ที่ยังมีการลงทุนคึกคักจากกลุ่มทุนท้องถิ่น และทุนจากส่วนกลางพาเหรดเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งค่ายแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, แสนสิริ, กัลปพฤกษ์ และคิวเฮ้าส์
ในส่วนของทุนท้องถิ่นมีเจ้าตลาดอยู่ 4-5 ราย หนึ่งในนั้นคือกลุ่ม "The Absolute"ของตระกูล "เตชะธีราวัฒน์" ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเมืองพ่อขุนเม็งรายในเวลานี้
กลุ่ม ดิ แอบโซลูต (The Absolute) แม้ว่าจะเพิ่งเข้าสู่ธุรกิจอสังหาฯเต็มตัวเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ถือว่าเป็นบิ๊กเพลเยอร์ที่มาแรง เพราะมีจำนวนโครงการมากถึง 21 โครงการ มีโปรดักต์ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ โฮมออฟฟิศ และคอมมิวนิตี้มอลล์ มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 1,800 ล้านบาท
นาทีนี้ ดิ แอบโซลูต เป็นกลุ่มทุนที่เนื้อหอมมาก มีสถาบันการเงินให้การสนับสนุนสินเชื่อ 6 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนชาต กรุงศรีอยุธยา ซีไอเอ็มบี ไทย เกียรตินาคิน ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รวมทั้งได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาด ย่อม (บสย.) อีกด้วย
"เสรี เตชะธีราวัฒน์" กรรมการผู้จัดการบริษัท เซ็นทรัล แลนด์แอนด์เฮ้าส์ คอมเพล็กซ์ จำกัด แม่ทัพใหญ่ของกลุ่ม The Absolute บอกว่า ครอบครัวทำธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์และลีสซิ่งมาเกือบ 20 ปี ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยแฮปปี้กับการไปไล่ยึดรถใคร และเป็นจังหวะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย จึงเปลี่ยนมาทำอสังหาฯเต็มตัวตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา
"จริง ๆ เราก็ไม่คิดว่าจะลงทุนเยอะขนาดนี้ พอดีไปเปิดตัวคอนโดฯโปรเจ็กต์แรกที่ห้างเซ็นทรัลเชียงราย ขายหมดภายใน 2 วัน"
เขาอธิบายถึงเหตุผลที่ไม่ทำบ้านจัดสรรแนวราบ แต่บุกลงทุนคอนโดมิเนียมก่อน เพราะตลาดไม่ยอมรับบ้านราคาสูง เมื่อก่อนราคาบ้านเดี่ยวหลังละ 9 แสนบาท ทาวน์โฮมหลังละ 6-7 แสนบาท โดนมาร์กกิ้งราคาไว้หมด จึงไม่ได้เน้นเรื่องคุณภาพ แต่เน้นไพรซิ่ง (Priceing) เป็นหลัก แต่คอนโดฯเปิดตัวที่ระดับราคาล้านต้นๆ ตลาดตอบรับดีเกินคาด
แต่ถึงเวลานี้ ดิ แอบโซลูตก็จะลงมาเล่นตลาดแนวราบแล้ว หลังจากที่รายใหญ่ (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) ได้เข้ามานำร่องทำตลาดบ้านเดี่ยว ราคาตั้งแต่ 3-10 ล้านบาท โดยในปีนี้จะเริ่มลงทุนโครงการบ้านเดี่ยว "เดอะฟรอนเต้" จำนวน 300 ยูนิต บนพื้นที่ 66 ไร่ ปักฐานทำเลเส้นทางมอเตอร์เวย์เชียงราย-เชียงใหม่ รองรับตลาดในระดับราคา 2-4 ล้านบาท
สำหรับพอร์ตการลงทุนแนวดิ่ง และอาคารพาณิชย์รวมทั้งหมด 21 โครงการ 1,200 ยูนิตนั้น กลุ่มดิ แอบโซลูต ยึดหัวหาดทำเลทองในโซนตอนเหนือของเมืองเชียงรายไว้เกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ในโซน "ตำบลบ้านดู่" อำเภอเมือง ซึ่งขณะนี้ได้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจใหม่ตลอดแนวถนนพหลโยธินมุ่งหน้าสู่เมืองการค้าชายแดน แม่สาย
ที่นี่กำลังกลายเป็นย่านการค้าพาณิชย์ บริการ และย่านการศึกษา โดยมีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ถึง 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มีนักศึกษาและบุคลากรทางการศึกษามากว่า 5 หมื่นคน กำลังซื้อจำนวนมหาศาลจึงอยู่ในย่านนี้เกือบทั้งหมด
นอกจากนั้น ในเมืองเชียงรายยังมีวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยพะเยา หากรวมทั้งหมดแล้วจะมีนักศึกษาเกือบแสนคน
ฉะนั้น จังหวะก้าวการลงทุนที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียม จึงตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในกลุ่มนี้ได้ตรงจุดที่สุด ทำให้กลุ่มดิ แอบโซลูต สามารถแจ้งเกิดในธุรกิจอสังหาฯ เชียงรายในเวลาอันรวดเร็ว
ขณะที่ยักษ์คอนโดฯจากกรุงเทพฯก็ไม่พลาดโอกาส "แสนสิริ" รุกเข้าไปชิงตลาดแนวดิ่งเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ทำยอดได้ไม่หวือหวานัก เพราะตลาดเชียงรายไม่ค่อยมีนักลงทุน แต่เป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่จริง นี่คือข้อได้เปรียบของผู้ประกอบการท้องถิ่น
"เสรี" บอกว่า ปัจจุบันคอนโดฯโครงการที่ 1-5 ลูกค้าเข้าอยู่แล้ว ส่วนโครงการที่ 6-18 จะทยอยสร้างและโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าภายในสิ้นปีนี้ สำหรับโครงการที่ 19 The AEC Avenue1 พะเยา (อาคารพาณิชย์), โครงการที่ 20 The AEC Avenue2 บ้านดู่ และโครงการที่ 21 เดอะเทอร์มินอลคอนโดมิเนียม คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จไตรมาสแรกปี 2558 ถ้าขายหมดทั้ง 21 โครงการจะมีรายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท
"กลุ่มลูกค้าของเราส่วนใหญ่ เป็นคนในพื้นที่ประมาณ 60% กลุ่มคนที่เดินทางค้าขาย/มหาวิทยาลัย 40% มีต่างชาติเพียง 10% เราไม่ค่อยได้ขายให้นักลงทุน แต่ขายให้คนที่อยู่จริง ราคา 4 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ห้องขนาดพื้นที่ 30 ตรม. ราคาล้านต้น ๆ ขึ้นอยู่กับโลเกชั่นด้วย"
แม่ทัพ ดิ แอบโซลูต ย้ำว่า ตลาดที่พักอาศัยของเชียงรายไม่ได้มากอย่างที่คิด
ที่นี่ไม่ใช่หัวหิน ภูเก็ต ต้องขายให้คนอยู่จริงเท่านั้น ดีมานด์ในช่วงเวลานี้ไม่น่าจะเกิน 3,000 ยูนิต แต่หลังจากเปิดเออีซีปี 2558 ไปแล้วตลาดจะขยายตัวอีกครั้ง ในอีก 2 ปีข้างหน้าเชียงรายจะเปลี่ยนไปแน่นอน
ส่วนราคาที่ดินก็ปรับขึ้นยกแผงจากแรงหนุนกระแสเออีซี การเปิดใช้สะพานข้ามโขงเชียงของ และการก่อสร้างถนนบายพาส หากเทียบกับปี 2555-56 ถึงปัจจุบัน ราคาที่ดินปรับขึ้นเกือบ 200% เช่น ที่ดินติดถนนสายหลักบริเวณบ้านดู่ ไร่ละ 5-6 ล้านบาท ตอนนี้ราคาขึ้นมาถึง 15 ล้านบาท/ไร่ แนวโน้มราคาที่ดินยังขึ้นได้อีก แต่จะเริ่มต้นแล้ว จากนี้ไปจนถึงเปิดเออีซีจะเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 20%
แม้จะมีการปูพรมลงทุนอสังหาฯแนวราบ-แนวดิ่งมากถึง 21 โครงการแล้ว กลุ่มดิ แอบโซลูต เชียงรายยังมีที่ดินในพอร์ตที่รอการพัฒนาอีกราว 300-400 ไร่ ซึ่งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพทั้งสิ้น โดยมีมูลค่าที่ดินไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาท
จังหวะก้าวทางธุรกิจของกลุ่มดิ แอบโซลูต
นับว่าแข็งแกร่งไม่น้อย ..!
ที่มา : prachachat