ศูนย์กลางของความรักคือบ้าน บ้านเป็นศูนย์กลางของความรัก ซึ่งทุกชีวิต ปรารถนาที่จะมีบ้านเมื่อเริ่มสร้างชีวิตครอบครัว ถ้าการที่จะได้ครอบครองบ้านสักหลัง ต้องหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ด้วยการสะสมเงิน ซึ่งการสะสมเงิน ก็อาจไม่เพียงพอที่จะซื้อบ้านซึ่งมีราคาสูงกว่ารายได้หลายเท่าตัวได้ ดังนั้นเงินที่จะได้มาเพื่อให้ได้ครอบครองบ้านก็ต้องมาจากการกู้ยืมเงิน ซึ่งแน่นอนเงินจำนวนมากขนาดนี้ ส่วนใหญ่ก็ต้องไปขอกู้เงินจากสถาบัน
ความจำเป็นของการกู้เงินซื้อบ้าน ไม่ว่าความจำเป็นในการซื้อบ้านจะมาจากสาเหตุใด คำถามต่อไปคือเมื่อไหร่เราควรกู้ซื้อบ้าน แต่ก่อนอื่น คุณต้องตอบคำถามตัวเองว่าคุณอยู่ในสถานะใด ดังต่อไปนี้
1.สถานะทางการเงิน
#มีเงินพอ สำหรับท่านที่มีเงินสะสม หรือมีมรดกตกทอดมาเพียงพอที่จะซื้อบ้าน ความจำเป็นต้องกู้ก็อาจไม่จำเป็น แต่ถ้าท่านที่ทำธุรกิจ ย่อมรู้ว่าบางเวลาก็จำเป็นที่จะต้องมีเงินใช้หมุนเวียนในธุรกิจ หรือสำหรับขยายกิจการต่อเนื่องหรือบุกเบิกธุรกิจใหม่ ๆ การมีเงินเก็บไว้ใช้ในแต่ละเหตุการณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น การกู้เงินสำหรับซื้อบ้านซึ่งเป็นการใช้เงินทุนระยะยาวก็จะเป็นการดีกว่าใช้เงินที่สะสมไว้จนหมด หรือในบุคคลธรรมดาสำหรับคนที่ต้องการเก็บสะสมเงินเก่าไว้จะใช้การกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านเป็นการควบคุมการใช้จ่ายเงินเพื่อชำระหนี้คืนแทนการใช้เงินสะสมจนหมด เป็นต้น
#มีเงินไม่พอ สำหรับท่านที่มีเงินสะสมไม่พอในการซื้อบ้าน แต่ท่านพอจะมีการหยิบยืมจากเพื่อน บิดามารดาญาติพี่น้องได้ ก็จะเป็นการดี แต่ถ้าไม่ต้องการ ท่านก็สามารถไปขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งมีอยู่มากที่ต้องการให้กู้ เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ที่ท่านเป็นสมาชิกอยู่ บริษัทประกันชีวิต ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน ธนาคารพาณิชย์ ฯลฯ ซึ่งโดยทั่วไปสถาบันการเงิน จะเช็คสอบว่าท่านมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้คืนได้ โดยควรมีรายได้มากกว่าสามเท่าของภาระหนี้ผ่อนชำระรายเดือน และท่านไม่มีประวัติการค้างชำระหนี้แก่สถาบันการเงินใด
2. สถานการณ์เร่งรัดจากมาตรการรัฐ ในบางภาวะการณ์ รัฐจะมีมาตรการเพื่อกระตุ้นธุกิจอสังหาริมทรัพย์ มีช่วงเวลา ผู้กู้ก็ควรศึกษาและใช้สิทธิที่รัฐให้ในมาตรการดังนี้
#เงื่อนไขสินเชื่อพิเศษ สำหรับเงินกู้โดยธนาคารของรัฐ เช่นธนาคารอาคารสงเคราะห์ ให้สิทธิแก่ผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย ในการผ่อนชำระได้มากกว่าเกณฑ์ปกติ มากถึง 50% ของรายได้ต่ออัตราผ่อน หรือกู้ได้วงเงินมากกว่าปกติ ซึ่งธนาคารพาณิชย์หลายแห่งก็มีมาตรการให้เงื่อนไขพิเศษได้เช่นกัน
#ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำเงินที่ซื้อบ้านในวงเงินไม่เกินที่กำหนด(3ล้านบาท) นำมาลดหย่อนภาษีเงินได้ ภายใน 5 ปี ปีละไม่เกิน 120,000 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากมาตรการลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ 100,000บาทต่อปีตามปกติ
#ลดหย่อนค่าโอนและค่าจดจำนอง ลดเหลือ 0.1% ในการโอนและจดจำนองทรัพย์ที่กู้ภายในวันที่ 30 เมษายน 2559
3. ภาวะเศรษฐกิจ ในภาวะเศรษฐกิจที่ดี ราคาอสังหาริมทรัพย์ย่อมเพิ่มขึ้นตามภาวะ ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ราคาอสังหาริมทรัพย์อาจอยู่คงที่ และมีทรัพย์ให้เลือกมากขึ้น โดยมีบ้านมือสอง บ้านหลุดจากธนาคารจะมีให้เลือกมากกขึ้น
ผู้เขียน : อนุชา กุลวิสุทธิ์
กูรูด้านการเงินและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ที่ปรึกษาอิสระ วิทยากรและอาจารย์พิเศษ
มีพ็อกเก็ตบุ๊คด้านการเงิน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์