ใครที่ต้องการเงินด่วน แล้วมีอสังหาริมทรัพย์ครอบครองอยู่กับตัว ขายฝากหรือการจำนองเป็นการกู้ยืมเงินแบบหนึ่ง ซึ่งแบบไหนดีกว่ากัน? เราเหมาะกับแบบไหน? รับประกันได้เลยว่าอ่านจบแล้วสามารถตัดสินใจได้ทันที
"เงินใช้ไม่พอ จะลงทุนก็ไม่มีเงินก้อน "ขายฝาก"กับ "จำนอง" คืออีกทางออกของคนอยากมีเงิน"
การขายฝากอสังหาริมทรัพย์ คือการทำนิติกรรมการซึ้อขายทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้รูปแบบหนึ่งทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งกรรมสิทธิ์จะตกเป็นของคนซื้อทันที แต่มีข้อตกลงหรือเปิดโอกาสให้คนขายสามารถไถ่ถอนทรัพย์สินนั่นๆ คืนภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาขายฝากนั้นๆ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 10 ปี ส่วนของผู้ซื้อก็มีสิทธิจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการขายฝากสูงสุดถึง 15% ต่อปี หรือ 1.25 % ต่อเดือน ที่สำคัญผู้ซื้อจะได้รับเงินจากการขายฝากคืนทันทีหากมีการไถ่ถอนเกิดขึ้น
สรุปคือ การขายฝากคือการที่เรากู้เงินโดยนำอสังหาริมทรัพย์ของเราที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้าน คอนโด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ เป็นต้น ไปฝากไว้กับผู้รับฝากหรือผู้ให้กู้เพื่อนำเงินมาใช้ โดยกรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้รับฝากหรือผู้ให้กู้ทันที่ที่ขาย แต่ก็เราสามารถซื้ออสังหาฯ คืนได้ในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งรวมแล้วต้องไม่เกิน 10 ปีนั่นเอง
สำหรับข้อดีของการขายฝาก ผมขอแบ่งเป็น 2 มุมก็คือ
หลายครั้งคนขายฝากมีอำนาจต่อรองน้อยกว่าผู้รับฝาก ภาครัฐจึงออกพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2562 ซึ่งบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่ 17 เมษายน 2562 เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ขายฝากและผู้รับฝาก โดยสรุปสาระสำคัญ 10 ข้อมาให้ดังนี้ครับ
หากใครอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ มาลองดูตัวอย่างของการขายฝากกันครับ จะได้เพิ่มเสริมความเข้าใจกันมากขึ้น
การทำสัญญาขายฝากจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ที่กรมที่ดิน สำหรับใครที่วางแผนจะทำสัญญาขายฝากกันอยู่ Baania นำตัวอย่างแบบฟอร์มสัญญามาให้ดาวน์โหลดฟรีกันครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกว่าเอกสารสัญญาขายฝาก เราสามารถไปเอาที่สำนักงานที่ดินได้เลยนะครับ
ในการขายฝากที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นจะต้องมีค่าใช้จ่าย โดยประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายดังนี้ครับ
การจำนอง คือการทำนิติกรรมรูปแบบหนึ่ง โดยเป็นการนำอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์บางประเภทที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วตามกฎหมายมาเป็นหลักประกันการชำระหนี้แก่ผู้รับจำนอง จนกว่าจะไปไถ่คืนตามระยะเวลาที่กำหนด โดยทรัพย์สินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับจำนองโดยทันที สำหรับการทำเรื่องนั้นจะต้องมีการทำสัญญาต่อหน้าเจ้าพนักงาน ณ กรมที่ดินเช่นเดียวกับการขายฝาก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702
วรรคแรก บัญญัติว่า "อันว่าจำนองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกบุคคลหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนองเป็นการประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง"
และวรรคสอง ได้บัญญัติไว้ว่า "ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้ว หรือหาไม่"
สรุปให้เข้าใจง่ายๆ การจำนองคือการกู้เงิน โดยเอาอสังหาริมทรัพย์ของเราไปค้ำประกันหนี้เอาไว้นั่นเองครับ โดยกรรมสิทธิ์ของอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ จะยังเป็นของเราอยู่ หากสามารถชำระเงินได้ครบตามกำหนดก็จะไถ่ถอนอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ คืนได้ แต่หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเจ้าหนี้ก็จะต้องไปฟ้องร้องตามกฎหมายครับ
ในส่วนของอายุความต้องบอกว่า ไม่มีอายุความครับ แต่จะมีการระบุระยะเวลาการชำระหนี้ไว้ และหากมีการผิดชำระหนี้ เจ้าหนี้จะต้องไปทำการฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ที่ค้างตามกฎหมาย พร้อมดอกเบี้ยที่ค้าง และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นตามระยะเวลาที่ผิดนัด แต่หากลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้อีก จะมีการบังคับจำนอง เพื่อนำทรัพย์นั้นๆ ไปขายทอดตลาด แล้วนำเงินมาชดใช้เจ้าหนี้ครับ
เพื่อความเข้าใจเรื่องการจำนองที่มากขึ้น มาดูตัวอย่างกันครับ
การทำสัญญาจำนองที่ดินจะต้องทำเป็นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร สำหรับใครที่วางแผนจะทำสัญญาจำนองที่ดินกันอยู่ Baania นำตัวอย่างแบบฟอร์มสัญญามาให้ดาวน์โหลดฟรีกันครับ
ในการจำนองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นจะต้องมีค่าใช้จ่าย โดยประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายดังนี้ครับ
ไม่ว่าจะเป็นการขายฝากหรือการจำนองต่างก็ต้องมีการทำสัญญาขึ้นมาระหว่างกัน เพื่อใช้ในทางกฎหมาย โดยจะต้องไปทำสัญญาต่อหน้าเจ้าพนักงาน ณ กรมที่ดินเช่นเดียวกัน
การขายฝากนั้นทรัพย์สินจะตกเป็นของผู้รับฝากตั้งแต่เริ่มทำสัญญาขายฝากทันที และจะเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ก็ต้องเมื่อผู้ขายฝากไม่สามารถนำหนี้มาชำระได้ตามกำหนด แต่การจำนอง ทรัพย์สินจะยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับจำนองเมื่อทำสัญญาจำนอง แต่จะยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้จำนองเหมือนเดิม
การขายฝาก หากผู้ขายไม่สามารถไถ่ถอนได้ในระยะเวลาที่กำหนด ผู้รับฝากจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์นั้นโดยสมบูรณ์ แต่ในส่วนของจำนองหากลูกหนี้ไม่สามารถไถ่ถอนได้ในระยะเวลาที่กำหนด เจ้าหนี้หรือผู้รับจำนองจะต้องไปฟ้องร้องให้กองบังคับคดีประมูลขายทรัพย์สินเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ ซึ่งระหว่างที่โดนฟ้อง ทรัพย์สินนั้นจะไม่สามารถนำมาขายได้
การขายฝากอสังหาริมทรัพย์นั้นมีระยะเวลากำหนดสัญญาได้ตามตกลง ซึ่งจะขยายเวลาในสัญญากี่ครั้งก็ได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 10 ปี สำหรับจำนองไม่มีการกำหนดอายุความ แต่มีการกำหนดระยะเวลาในการชำระ ซึ่งหากครบสัญญาแล้ว ลูกหนี้สามารถจ่ายดอกเบี้ยเพื่อขอต่อเวลาได้อีกไม่เกิน 5 ปี
การขายฝากจะต้องเสียค่าธรรมเนียมหลักๆ ได้แก่ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนขายฝาก 2% ของราคาประเมินทุนทรัพย์ และต้องชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรด้วย ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจำนองที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายหลักๆ คือเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนอง 1% ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำนอง สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท แต่หากให้จำนองเพื่อการเกษตรของสถาบันการเงินที่รัฐมนตรีกำหนดจะเสียค่าธรรมเนียม 0.5% สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท นอกจากนี้การจำนองจะไม่ต้องชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามประมวลรัษฎากร ส่วนอากรแสตมป์นั้น พนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บต่อเมื่อสัญญาจำนองนั้นเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงิน โดยผู้ให้กู้จะต้องเป็นคนจ่ายครับ
การขายฝากนั้นมักจะได้วงเงินสูงกว่าการจำนอง โดยส่วนใหญ่การจำนองจะได้วงเงินน้อยกว่า 30% ของราคาประเมิน ส่วนการขายฝากจะได้วงเงินประมาณ 40-70% ของราคาประเมินครับ
การขายฝากเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินก้อนมาใช้ที่อนุมัติเร็ว กระบวนการน้อย เพราะไม่มีการตรวจสอบแบล็กลิสต์หรือสเตจเม้นท์ และได้วงเงินสูง ที่สำคัญต้องพร้อมให้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวตกเป็นของผู้รับฝากทันที ซึ่งสามารถขายฝากให้กับกลุ่มนายทุนหรือบริษัทผู้ให้บริการต่างๆ
ส่วนการจำนองเหมาะกับคนที่ต้องการกู้เงิน เอาเงินมาใช้ แต่ไม่ต้องการขายบ้าน ที่ดิน ซึ่งปกติแล้วจะจำนองได้ทั้งกับสถาบันการเงินและกลุ่มนายทุนครับ
การขายฝากและการจำนองเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการกู้ยืม ซึ่งจะต้องมีการไถ่ถอนหรือใช้เงิน โดยทั้งสองรูปแบบมีความแตกต่างกันอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของกรรมสิทธิ์ ฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกแบบไหน จะต้องพิจารณาความจำเป็นของตัวเองให้ดีเสียก่อน รวมถึงต้องศึกษาทั้งเรื่องกรรมสิทธิ์ ข้อตกลง ข้อบังคับ ค่าใช้จ่าย การไถ่ถอนอสังหาริมทรัพย์ การผิดสัญญา และรายละเอียดต่างๆ อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน ที่สำคัญต้องคุยกับผู้ให้กู้เพื่อตกลงร่วมกัน และอ่านสัญญาทุกตัวอักษร ทุกบรรทัดก่อนลงลายมือชื่อในสัญญานะครับ
หากลงลายมือชื่อไปแล้วเท่ากับเป็นการยอมรับข้อตกลงทั้งสองฝ่าย ฉะนั้นเมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาสัญญาที่ลงลายมือชื่อร่วมกันไว้จะกลายเป็นเครื่องมือทางกฎหมายชิ้นสำคัญในการดำเนินหรือต่างๆ ใครที่วางแผนว่าจะทำนิติกรรมเหล่านี้ เพราะต้องการเงินด่วน อยากขอให้ใจเย็น แล้วคิดอย่างรอบคอบที่จะเอาอสังหาริมทรัพย์ของเราไปเป็นหลักประกันหรือให้เขาถือกรรมสิทธิ์แทนนะครับ