หากคุณจะเสริมความแข็งแรงให้กับผนังที่บ้านต้องมี “ทับหลัง” อันเป็นอุปกรณ์ในการก่อสร้างที่ควรมี เพราะจะช่วยให้ผนังบ้านของคุณมีความแข็งแรงทนทาน สามารถรับน้ำหนักจากผนังและวัสดุอื่น ๆ ได้ อีกทั้งยังทำให้การก่อสร้างบ้านของคุณสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงพร้อมกับวัสดุที่มีคุณภาพ หมดปัญหาผนังร้าวมีน้ำรั่วซึม มีสภาพทรุดโทรมก่อนระยะเวลาอันควร
ทับหลังมีลักษณะและหน้าที่ที่คล้ายกับเสาเอ็น แต่ทับหลังนั้นจะอยู่ในแนวนอน โดยทำหน้าที่รับน้ำหนักของผนังทั้งหมดที่อยู่ถัดไปจากประตู และวงกบของประตู โดยจะมีการพยุงน้ำหนักของเสานี้ไปยังอีกเสาที่อยู่ใกล้กัน บางคนคิดว่าทับหลังทำหน้าที่เดียวกับคานซึ่งจะรับน้ำหนักของกำแพง โดยจะใช้ร่วมกับเสาเอ็นในพื้นที่ 5-6 ตารางเมตร เพื่อเสริมความแข็งแรงของผนังบ้าน จึงสามารถทำให้ผนังคงรูปไม่เกิดรอยร้าวและเกิดการแตกหักขณะทำงาน โดยที่มีการวางของเสาในแนวนอนแล้วจึงจะมีการวางคานทับลงไปอีกชั้นหนึ่ง
ทับหลังมีความสำคัญต่อการก่ออิฐสร้างผนังเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยรับน้ำหนักให้กับผนังที่ก่อ รวมไปจนถึงประตู หน้าต่าง วงกบ ซึ่งจะช่วยยึดเหนี่ยวและเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนัง เพื่อให้สามารถทนต่อการเจาะผนัง เวลาทำสิ่งต่าง ๆ ก็จะช่วยไม่ให้ผนังพังทลายลงมาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นทับหลังจึงมีความสำคัญต่อบ้านของคุณอย่างมาก
มาตรฐานของทับหลังหลัก ๆ เลยก็จะต้องมีขนาด 10 เซนติเมตรขึ้นไป หรือหากวัดจากขนาดของทับหลัง ก็ควรจะต้องมีขนาดใหญ่และกว้างกว่าอิฐหรือคอนกรีต ส่วนวัสดุของสิ่งนี้ ควรจะใช้วัสดุประเภทหินที่มีขนาดเล็ก เพราะจะง่ายต่อการเทคอนกรีตตอนหล่อ
โดยมีอัตราส่วนผสมที่แน่นอนก็คือ ปูน 1 ส่วน : ทราย 3 ส่วน : หิน 4 ส่วน หรือเทียบเป็นสูตรอัตราส่วนในการผสมคือ 1:3:4 นั่นเอง
ถ้าหากการสร้างบ้านของคุณไม่มีการทำทับหลัง ก็อาจจะทำให้ผนังบ้านเกิดรอยร้าวแตกหักในแนวเฉียงของผนังได้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่าง บานประตู หรือบริเวณวงกบ และอาจจะทำให้วงกบบานประตูเกิดการบิดงอ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ประตูบ้านของคุณปิดไม่สนิท แล้วเมื่อคุณพยายามที่จะปิดประตูหรือหน้าต่างด้วยความแรง ก็จะทำให้เกิดแรงกระแทกตรงผนัง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมได้
นอกจากจะทำให้ผนังเป็นรอยร้าวแล้ว ปัญหาที่จะตามมาในหน้าฝนคือปัญหาน้ำรั่วซึมตามร่องและผนัง อาจเป็นปัญหาให้คุณปวดหัวและต้องมานั่งเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอีกด้วย ดังนั้น คุณจึงควรทำทับหลังให้กับอิฐเพื่อการใช้งานในอนาคต
หากคุณทำคานทับหลังที่ไม่ได้มาตรฐาน ปัญหาที่จะเกิดตามมาก็คือ คานทับหลังมีการแตกหัก หรือมีลักษณะที่ไม่ตรงและไม่เหมาะกับขนาดของบ้าน จะทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักได้เต็มประสิทธิภาพ ถ้าหากใช้วิธีการหล่อทับหลังหน้างาน จะทำให้งานก่อสร้างของคุณเป็นไปได้อย่างล่าช้า จึงแนะนำให้ใช้ทับหลังสำเร็จรูปดีกว่า
คุณมีวิธีสังเกตการเททับหลังง่าย ๆ โดยที่คุณจะต้องสังเกตเลยว่าในการก่ออิฐบริเวณนั้นในพื้นที่ 5-6 ตารางเมตร จะต้องมีการเททับหลังทุกครั้งเพื่อทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวผนังที่ก่อด้วยอิฐให้มั่นคง และมีความแข็งแรง การเททับหลังจะต้องมีพิมพ์ในการเทเพื่อให้การเทมีขนาดที่พอดีและเหมาะสม อีกทั้งยังมีลักษณะที่เรียบไม่ขรุขระไปกับอิฐที่ก่อไว้
แต่อย่างไรก็ตามคุณควรทำคาน“ทับหลัง”เพื่อที่จะช่วยรับน้ำหนักจากผนังให้สามารถอยู่คงรูป ไม่เกิดรอยร้าวและการแตกหัก ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและรับแรงกระแทกได้มากกว่าอิฐเปล่า อีกทั้งการทำสิ่งนี้จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการก่อสร้างได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ช่วยแก้ปัญหาผนังบ้านมีรอยร้าว มีน้ำรั่วซึมจากผนังในฤดูฝน ผนังแตกเมื่อถูกเจาะ ให้หายไปโดยที่คุณจะไม่ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม