ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่จะขับเคลื่อนด้วยวิธีการทำตลาดรูปแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกต่อไป เมื่อเทคโนโลยี และข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค สะท้อนไปถึงความต้องการในทุกมิติทั้งด้านกายภาพ อารมณ์ ความรู้สึก การนำข้อมูลดิจิทัลมาวิเคราะห์เชิงลึกด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมองข้ามไปไม่ได้ ขณะเดียวกัน ก็ได้สร้างความคึกคักให้กับผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบต่างด้วยเช่นกัน
รศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในงานเปิดตัวโครงการ Chula-Home Dot Tech ซึ่งร่วมกับ บริษัท โฮมบายเออร์ กรุ๊ป ว่า โลกในยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก จากอดีตระบบเศรษฐกิจเป็นระบบที่พึ่งพาปัจจัยการผลิตไม่ว่าจะเป็นที่ดิน โรงงาน หรือแรงงาน แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาปัจจัยการผลิตเพียงอย่างเดียวมาสู่ระบบเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาในเรื่องของนวัตกรรมและองค์ความรู้ด้วย โดยผู้ที่เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตจะได้รับผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้หากรู้จักปรับตัวไปกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น
ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน ปัจจุบันบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นผู้ถือครองปัจจัยการผลิตอยู่ เพียงแต่การจะเข้าไปหาลูกค้าได้มากขึ้นได้อย่างไรนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะต้องแข่งขันกัน โดยเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence:AI) การเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) รวมถึงการนำข้อมูลขนาดใหญ่ ( Big data) มาใช้จะมีความสำคัญกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นนับจากนี้ไป
ทั้งนี้ การนำองค์ความรู้ นวัตกรรมในเชิง DeepTech ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี Data Science และ Machine Learning มาประยุกต์ใช้และสร้างเครื่องมือใหม่ๆ จะช่วยให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์สามารถพัฒนาโครงการที่สอดคล้องกับความต้องการซื้อได้มากขึ้นในรูปแบบของ tailor-made ขณะที่ผู้ซื้อจะได้ประโยชน์จากการค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายและถูกต้องมากขึ้น และหวังว่าการนำนวัตกรรมเหล่านี้มาใช้จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพของบ้านให้ดีขึ้นในอนาคต
สำหรับโครงการ Chula-Home Dot Tech ซึ่งเป็นโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์หรือ Prop Tech ด้วยการนำเทคโนโลยี Data Science และ Machine Learning โดยผู้เชี่ยวชาญจากภาคการศึกษา มาประยุกต์กับข้อมูลจริงในตลาดจากภาคธุรกิจ และสร้างเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อประโยชน์แก่ทั้งผู้บริโภคและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ขณะที่ รศ.ดร.อติวงศ์ สุชาโต และดร.เอกพล ช่วงสุวนิช จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า Data Science คือการนำข้อมูลมาตอบโจทย์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขณะที่ Machine Learning เป็นศาสตร์ที่แยกมากจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI โดยเป็นการนำข้อมูลที่เกิดขึ้นมาให้คอมพิวเตอร์ได้เรียนรู้ และใช้คอมพิวเตอร์นั้นไปตอบโจทย์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ถ้าจะให้มองเห็นภาพในเรื่องของ Machine Learning ง่ายขึ้นให้นึกถึงคอมพิวเตอร์ที่เล่นหมากรุก หมากล้อมแข่งกับคน ซึ่งคอมพิวเตอร์จะจดจำรูปแบบการเล่นจากการเรียนรู้ข้อมูลการเล่นของมนุษย์ จนสามารถเอาชนะมนุษย์ได้ในที่สุด หรือเมื่อเร็วๆ นี้ Machine Learning สามารถแปลภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาจีนได้ดีเท่ากับล่ามที่เป็นมนุษย์ หรือ การใช้ Machine Learning ช่วยในการสังเคราะห์สารเคมี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก
ในส่วนของการนำมาใช้ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ถูกนำมาใช้กับธุรกิจอสังหาฯยุคปัจจุบัน อย่างเช่นเรื่อง Internet of Things (IoT) รวมไปถึงเทคโนโลยีโลกเสมือนทั้งในเรื่องของ Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) ที่ได้นำ AI เข้ามาช่วย เช่น การเข้าชมบ้านตัวอย่างเสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยี VR การตกแต่งบ้านที่สามารถสร้างแบบจำลองตามการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าได้
ขณะเดียวกัน IoT ได้ถูกนำมาที่มาใช้ในเรื่องของ Smart Home ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สามารถเชื่อมโยง เรียนรู้และจดจำการทำงานได้ ซึ่ง IoT ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันทำให้ Data Science มีบทบาทขึ้นมาก เพราะ IoT ทำให้เกิดข้อมูลจำนวนมากโดยไม่ต้องมีคนมานั่งเก็บและเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของคนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์โดยการใช้ Data Science ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะช่วยทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยได้อย่างถูกต้อง แม่นยำยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในปัจจุบัน บุคลากรในด้านของ Data Science และ Machine Learning ในประเทศไทยแม้จะยังมีไม่มากนัก แต่ในภาคการศึกษาก็ได้เริ่มตื่นตัวมากขึ้น สังเกตได้จากวิชาเรียนที่เกี่ยวข้องกับ Data Science และ Machine Learning จะมีนักศึกษาให้ความสนใจเรียนเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของภาคธุรกิจที่ต่อไปจะมีบุคคลากรที่เชี่ยวชาญมาช่วยพัฒนาตลาดด้วยข้อมูลที่มีอยู่ได้ดียิ่งขึ้น
จากมุมมองของนักวิชาการ และผู้เชียวชาญในด้านของ Data Science และ Machine Learning แล้วจะเห็นว่า ความสำคัญของข้อมูลที่ถูกนำมาพัฒนาด้วยเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาสินค้า และบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ตรงจุดจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ขณะที่ตลาดภาคบริการด้านเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัล ก็เริ่มคึกคักเป็นลำดับ จากการหลายบริษัทได้ปรับตัวเข้ามาสู่การให้บริการเทคโนโลยีด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ซึ่งท้ายที่สุดจะช่วยพัฒนาและยกระดับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
Baania มี Line แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวอสังหาริมทรัพย์แบบอินเทรนด์ ได้ทุกวันผ่าน Line ID @baania