นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 มิ.ย.60 จะมีการลงนามสัญญารถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร วงเงิน 45,764 ล้านบาท และสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.5 กิโลเมตร วงเงิน 43,104 ล้านบาท ระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และกิจการร่วมค้าบีอาร์ที (บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)) ที่โรงแรมเซนทรา แกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งในวันนั้นยังมีการลงนามสัญญากับซัพพายเออร์ด้านระบบและสถาบันการเงินที่สนับสนุนโครงการอีกด้วย
"วันนั้นจะเป็นการเซ็นสัญญาครั้งสำคัญในรอบ 25 ปี หลังจากรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เราลงทุนทั้งโครงการให้กรุงเทพมหานครหรือกทม. ก็ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่อนุมัติโครงการ"
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ได้ นอกจากเส้นทางหลักที่กำหนดแล้ว บริษัทยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมเป็นซองที่ 3 เพื่อให้โครงการสมบูรณ์ ไม่ขาดช่วงเหมือนสายสีม่วง (เตาปูน-คลองบางไผ่)
ด้วยการเสนอขยายเส้นทางสายสีชมพูเข้าไปในศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร มี 2 สถานี สถานีแรกอยู่บริเวณอาคารอิมแพคชาเลนเจอร์ สถานีที่ 2 อยู่บริเวณทะเลสาบ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการกว่า 10 ล้านคน
ส่วนสายสีเหลือง เสนอขยายตามถนนรัชดาภิเษกอีก 2.6 กิโลเมตร สิ้นสุดแยกรัชโยธิน เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียวบริเวณปากซอยพหลโยธิน 24 มี 2 สถานี
"บริษัทจะลงทุนทั้งงานโยธาและงานระบบเดินรถ ทั้ง 2 ช่วงนี้ วงเงิน 6,000 ล้านบาท หลังจากนี้จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีเศษนี้ ทั้งการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เพื่อบรรจุในแผนแม่บทรถไฟฟ้าในกรุงเทพและปริมณฑล รวมทั้งขอการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีผ่านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)" นายคีรีกล่าวและว่า
ส่วนขบวนรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายอยู่ระหว่างการพิจารณาของบอมบาดิเอร์กับจีน จะจัดซื้อทั้งหมด 288 ตู้ แบ่งเป็นสายสีเหลือง 120 ตู้ สายสีชมพู 168 ตู้ วงเงินประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท
ทั้งนี้คาดว่าหลังเปิดให้บริการในปีแรกจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองอยู่ที่ 120,000 เที่ยวคน/วัน/เส้นทาง คิดอัตราค่าโดยสาร 14-42 บาท
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบมจ.ซิโน-ไทยฯ กล่าวว่า บริษัทจะเป็นผู้รับเหมาบริษัทแรกก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล 2 สายของประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในปี 2560 ขณะนี้ได้สำรวจพื้นที่แนวเส้นทางเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างออกแบบงานโยธาและระบบ
เนื่องจากจะใช้วิธีการออกแบบไปพร้อมกับการก่อสร้าง ทั้งนี้มั่นใจว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเวลา 3 ปี 3 เดือน เนื่องจากจะหล่อชิ้นส่วนโครงสร้างจากข้างนอกแล้วมาประกอบที่ไซต์ก่อสร้างจะช่วยลดเวลาและบรรเทารถติดได้
ที่มา : prachachat