นายแจ็ค หม่า (Jack Ma) ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอาลีบาบา และคณะผู้บริหารได้เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล ได้เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พล.อ.นาวิน ดำริห์กาญ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และนายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ให้การตอนรับในโอกาสเยือนประเทศไทย ณ ห้องนารี 2 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ในการทักทายและแสดงความมั่นใจระหว่างนายสมคิดกับนายแจ็ค หม่า ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
จากนั้นนายแจ็ค หม่า เดินเท้าพร้อมกับนายสมคิดขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ณ ห้องสีม่วง ภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลเพื่อได้เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ท่ามกลางผู้สื่อข่าวและช่างภาพทั้งไทยและต่างประเทศที่มาร่วมรายงานข่าว ทั้งนี้ นายแจ็ค หม่า ใช้เวลาหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ ประมาณ 30 นาที ก่อนจะเดินทางด้วยรถยนต์ไปยังโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์ค เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้าน Smart Digital Hub and Digital Transformation Strategic Partnership ประกอบไปด้วย MOU 4 ฉบับ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในระหว่างเวลา 12.30-15.00 น.
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า รัฐบาลต้องการให้เกิดความร่วมมือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรด้วยเทคโนโลยีซึ่งสอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0
เขามองว่าอาเซียนกำลังมีบทบาทนำและประเทศไทยมีศักยภาพ ประกอบกับสถานการณ์โลกวันนี้ ทั้งเรื่องการค้าและเศรษฐกิจพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงดิจิทัล
“รัฐบาลไทยต้องการให้ยกระดับสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน เกษตรแปลงใหญ่และโลจิสติกส์เพื่อพัฒนาการขนส่งสินค้าให้ได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเขาพร้อมให้บริการ เป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ อย่าไปคิดว่าเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายแจ็คหม่าจะลงทุนเรื่องใดบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะมีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกันเพื่อส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว ดิจิทัลและการพัฒนาคน อย่างไรก็ตามประเทศไทยก็ต้องพัฒนาในส่วนของภายในประเทศของเราไปด้วยคู่ขนานกันเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว
นอกจากนี้จะมีการลงทุนเรื่องเมืองอัจฉริยะ (Smart city) และ Digital Hub ในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อเชื่อมโยงทั้งหมด
“วันนี้จึงเป็นการตกลงร่วมมือกันในเรื่องใดได้บ้าง รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันให้ได้ภายในปี 2562 ซึ่งเขาไม่ได้มุ่งหวังผลตอบแทนทางธุรกิจอย่างเดียว”
ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยต้องการให้ขยายความร่วมมือไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วย ตามนโยบายไทยแลนด์+1 โดยเฉพาะสินค้าเกษตรจำนวนมาก โดยเฉพาะข้าว ยางพาราและปาล์ม ซึ่งข้าวคุณภาพดีของไทยก็จะนำไปวางจำหน่ายบนเว็ปไซด์ด้วย
นอกจากสินค้าเกษตรแล้ว ยังมีความร่วมมือกันพัฒนาคน โรงเรียนสอนธุรกิจใหม่ การค้าของผู้ประกอบการรายย่อย SMEs และการค้าขายออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ เพื่อผลักดันสู่สังคมไร้เงินสด
“เป็นความร่วมมือที่ได้รับประโยชน์ร่วมกัน ไม่หวังผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเป็นรูปแบบการทำธุรกิจเพื่อสังคม โดยมุ่งเน้นผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรมากขึ้น เพื่อพัฒนาให้แข่งขันได้และก้าวไปสู่การค้าในรูปแบบอีคอมเมิร์ซ”
เว็ปไซด์ รัฐบาลไทย ROYAL THAI GOVERNMENT ได้เผยแพร่การเข้าหารือระหว่างนายแจ็คหม่ากับรองนายกรัฐมนตรีไทย ว่า รองนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอาลีบาบาต่างยินดีที่ได้มาหารือกันอีกครั้ง และยินดีที่การมาเยือนไทยครั้งนี้ของอาลีบาบานับเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือและการลงทุนที่เป็นรูปธรรมระหว่างไทยกับกลุ่มบริษัทอาลีบาบาที่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวางแผนลงทุนก่อตั้ง Smart Digital Hub ในพื้นที่ EEC การส่งเสริม SMEs ไทยให้เข้าสู่ระบบ E-commerce ของอาลีบาบาอย่างครบวงจร ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอาลีบาบายังกล่าวชื่นชมในศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีการพัฒนาอย่างมาก จึงหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันมากขึ้นในอนาคต
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเข้ามาลงทุนในไทยของอาลีบาบา นอกจากจะช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับ E-commerce การพัฒนาระบบการชำระเงินออนไลน์ และส่งเสริมศักยภาพให้แก่ SMEs ในประเทศไทยแล้ว ในอนาคต เมื่อการเชื่อมโยงระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านสมบูรณ์มากขึ้น อาลีบาบาจะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านของไทยได้อีกด้วย ซึ่งประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอาลีบาบายินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาดังกล่าว
ที่มาและภาพประกอบ : prachachat