ห้องครัวบ้านๆ แบบไหนเหมาะกับบ้านเรา

การออกแบบครัวที่ดี เหมาะกับบ้านเรานั้น เราจะต้องดูที่ความต้องการของผู้ใช้เป็นหลักว่าปกติแล้วใช้ครัวมากน้อยแค่ไหน หรือทำอาอาหารประเภทได้บ้าง เพื่อให้ห้องครัวที่บ้านของเรานั้นตอบโจทย์ตรงใจ ใช้งานได้อย่างครบถ้วนทุกฟังก์ชัน ที่สำคัญจะได้เสียเงินในการสร้างห้องครัวอย่างคุ้มค่ามากที่สุด Baania จึงได้นำไอเดียการออกแบบห้องครัวบ้านๆ ไม่หรูหรามาก เน้นใช้งานจริง พร้อมบอกว่าห้องครัวแบบนี้เหมาะกับใครบ้างมาแนะนำกัน

1. แบบห้องครัวบ้านๆ เน้นประหยัดพื้นที่ ชอบทำอาหารเบาๆ

ห้องครัวบ้านๆ แบบนี้เหมาะกับคนที่ไม่นิยมทำอาหารหนักๆ เป็นจริงเป็นจัง ที่สำคัญเหมาะกับห้องหรือบ้านที่มีพื้นที่แคบ อย่างบ้านหลังเล็กหรือคอนโด ซึ่งลักษณะการจัดวางนั้นจะวางอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ผนังด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อให้อีกฝั่งสามารถเดินได้ซึ่งฝั่งทางเดินนั้นควรจะมีพื้นที่กว้าง 90 เซนติเมตรขึ้นไป และเคาน์เตอร์ครัวต่างๆ นั้นควรมีความลึกประมาณ 60 เซนติเมตร เพื่อความสะดวกในการประกอบอาหาร ขณะเดียวกันก็ประหยัดพื้นที่ได้เป็นอย่างดี 

2. ห้องครัวบ้านๆ เน้นความเรียบร้อย ไม่นิยมทำอาหารบ่อย

ห้องครัวบ้านๆ แบบที่ 2 นี้ จะเห็นได้ว่าใช้พื้นที่มากกว่าแบบที่ 1 แต่ก็ยังเป็นลักษณะห้องครัวแบบ One Wall Kitchen เช่นเดิมคือการจัดวางนั้นจะวางอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวที่ผนังด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อให้อีกฝั่งสามารถเดินได้อย่างสะดวก โดยในห้องครัวแบบนี้มีการเพิ่มโต๊ะรับประทานอาหารเข้ามาจัดวางเพิ่มขึ้นด้วย และเพิ่มช่องรับแสงบริเวณโต๊ะรับประเทานอาหาร เพื่อให้ห้องครัวดูโปร่งโล่ง ถือเป็นแบบห้องครัวที่จัดวางได้ง่าย ใช้งานได้สะดวก อีกทั้งยังประหยัดพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

3. ห้องครัวบ้านๆ เน้นความสะดวกในการใช้งาน

ห้องครัวแบบนี้จะเป็นห้องครัวรูปตัว L เหมาะกับห้องครัวที่มีพื้นที่ขนาดกลางขึ้นไป โดยจะจัดวางเคาน์เตอร์ครัว และอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวต่างๆ เข้ามุมเรียบไปตามผนังห้อง และเว้นตรงกลางให้โล่ง และอาจนำโต๊ะรับประทานอาหารมาเติมตรงกลาง เพื่อเป็นโซนรับประทานอาหารได้ ใครที่ชอบความเป็นระเบียบ ครัวแบบนี้ตอบโจทย์มากๆ เพราะทั้งเป้นระเบียบ ยังสะดวกกับการใช้งานมาๆ ด้วย 

4. ห้องครัวเล็ก เน้นเรียบง่ายใช้ได้จริง 

ใครที่มีพื้นที่เล็ก แต่ไม่ชอบห้องครัวแบบ One Wall Kitchen การปรับให้เป็นห้องครัวแบบตัว L ก็พอทำได้ ซึ่งจะเป็นการจัดวางเคาน์เตอร์ครัว และอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวต่างๆ เข้ามุมเรียบไปตามผนังห้อง  แต่ห้องครัวแบบตัว L นี้ ขนาดห้องควรมีความกว้างไม่ต่ำกว่า 2 x 2.5 เมตร นะครับ เพื่อให้สาามรถประกอบอาหารได้ ที่สำคัญถ้าห้องครัวแล้วแล้วทำเป็นตัว L จะไม่เหมาะกับการประกอบอาหารแบบจัดหนักจัดเต็ม เพราะอาจทำได้ไม่สะดวกนะครับ แต่ถ้าเน้นทำอาหารประทานเองเล็กๆ แล้วละก็สะดวกมากๆ แถมประหยัดพื้นที่ได้ดีครับ

5. ห้องครัวบ้านๆ ใช้งานได้จริง แต่ก็เก๋ด้วย

อีกห้องครัวรูปตัว L ที่มีพื้นที่กว้าง ด้วยการจัดวางเคาน์เตอร์ครัว และอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวต่างๆ เข้ามุมเรียบไปตามผนังห้อง แล้วเว้นตรงกลางให้โล่ง เพื่อโต๊ะรับประทานอาหารมาเติมตรงกลางจัดเป็นโซนรับประทานอาหาร  ห้องครัวแบบนี้จะสามารถใช้งานได้สะดวก ทำความสะอาดง่าย แต่ถ้าเรียบๆ จะน่าเบื่อเกินไป ถ้าครัวใครที่พอมีพื้นที่เหลือ เราอาจเพิ่มลูกเล่นให้เคาน์เตอร์ครัวด้วยสีสันอื่นๆ และเลเยอร์ชั้นเก็บของ พื่อเพิ่มมิติให้ห้องครัวไม่น่าเบื่อจนเกินไป ครัวที่มีพื้นที่กว้างแบบในรูปสามารถประกอบอาหารได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้นด้วยนะครับ

6. ห้องครัวบ้านๆ สไตล์วินเทจ ทำอาหารง่าย 

ห้องครัวบ้านๆ รูปตัว L ที่มีพื้นที่กว้างขนาดกลาง โดยมีการจัดวางเคาน์เตอร์ครัว และอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวต่างๆ เข้ามุมเรียบไปตามผนังห้อง เพิ่มความสว่างและการถ่ายเทอากาศให้ห้องครัวด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่บริเวณซิงค์ล้างจาน พร้อมตกแต่งห้องครัวในสไตล์วินเทจด้วยโทนสีเบจตัดเส้นด้วยน้ำตาลเข้ม และผนังฝั่งชั้นวางของใช้วอลเปเปอร์ลายดอกไม้ ห้องครัวแบบนี้ทำความสะอาดง่าย เห็นแล้วดูอบอุ่น สบายตา

7. ห้องครัวกว้างสำหรับผู้รักการทำอาหาร

หากชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ และขนาดห้องครัวที่มีมีความกว้างในระดับหนึ่ง ห้องครัวแบบตัว U ดูท่าทางจะเข้ากับคาวมต้องการ โดยห้องครัวบ้านๆ แบบตัว U นี้ ควรจะมีความกว้าง 2.5 x 3 เมตรขึ้นไป ลักษณะการจัดวางเคาน์เตอร์ และอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ จะมีลักษณะคล้ายตัว U คนที่ทำอาหารจะถูกล้อมรอบไปด้วยข้าวของเครื่องครัว ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็สามารถหยิบจับอุปกรณ์เครื่องครัวได้อย่างใจต้องการ ที่สำคัญครัวแบบนี้มักจะมีที่เก็บของให้จำนวนมาก และถ้าไม่อยากให้ห้องดูคับแคบหรืออึดอัดเวลาที่อยู่ในห้องครัวจนเกินไป แนะนำว่าให้ทำหน้าต่างบริเวณซิงค์ล้างจาน เพื่อเพิ่มทัศนียภาพงามๆ ตอนประกอบอาหาร และช่วยให้ห้องดูกว้างอีกด้วย

8.  ห้องครัวพื้นที่น้อย แต่ใจรักการทำอาหาร 

ชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ แต่ขนาดห้องไม่เอื้ออำนวยเท่าไร ห้องครัวแบบตัว U นั่นแท้จริงอาจไม่เหมาะเท่าไรเพราะควรจะมีความกว้าง 2.5 x 3 เมตรขึ้นไป แต่ถ้าใจต้องการก็สามารถทำได้ โดยให้วางเคาน์เตอร์ และอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ จะมีลักษณะคล้ายตัว U คนที่ทำอาหารจะถูกล้อมรอบไปด้วยข้าวของเครื่องครัว โดยห้องครัวในภาพนี้จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะหันไปทางซ้ายขวาหรือตรงกลางก็จะพบกับเครื่องไม้เครื่องมือที่จะโชว์สกิลการทำอาหารได้ และเพื่อการประหยัดพื้นที่ให้ทำชั้นเก็บเครื่องครัวต่างๆ เป็นแนวสูงขึ้นหรือดิ่งลงมา เพื่อให้เก็บอุปกรณ์ครัวที่เราชอบใช้ได้อย่างครบถ้วนและเป็นระเบียบ ที่สำคัญอย่าลืมทำหน้าต่าง เพื่อให้แสงเข้า และหลอกตาให้ห้องครัวดูกว้างขึ้นได้

9. ห้องครัวทรงลึก ต้องทำครัวแบบ Galley Kitchen

ใครที่มีห้องครัวทรงลึกและยาว แนะนำว่าควรจะทำห้องครัวแบบ Galley Kitchen หรือห้องครัวคู่ขนาน ที่มีการวางเคาน์เตอร์ครัวให้ชิดติดผนังทั้ง 2 ข้าง ส่วนตรงกลางเป็นพื้นที่โลกสำหรับการเดิน โดยทางเดินอย่างน้อยควรจะมีความกว้าง 1.2 เมตรขึ้นไป ถึงจะประกอบอาหารได้อย่างสะดวก ซึ่งแนะนำว่าห้องครัวแบบนี้ควรจะทำหน้าต่าง ช่องให้แสงเข้า หรือติดไฟที่สว่าง ไม่เช่นงั้นห้องครัวอาจดูมืดทึบ และอึดอัดได้นะครับ

10. ห้องครัวใหญ่ จัดปาร์ตี้ก็ได้ ทำอาหารกินเองก็เวิร์ก 

เมื่อขนาดห้องครัวบ้านๆ ไม่เป็นอุปสรรคกับเรา การออกแบบห้องครัวแบบ Island น่าจะตอบโจทย์ โดยเป็นการนำรูปแบบห้องครัวแบบตัว L หรือห้องครัวแบบตัว U มาประยุกต์รวมกับโต๊ะเกาะกลาง โดยเจ้าโต๊ะเกาะกลางนี้จะไว้ใช้สำหรับเตรียมอาหาร ล้างจาน หรือแม่กระทั่งรับประทานอาหารก็ได้ ห้องครัวแบบนี้เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องทำอาหารหนักๆ ทั้งอาหารคาวและหวาน หรือจัดเตรียมอาหารจำนวนมากๆ เป็นต้น

การนำแบบครัวไปประยุกต์ใช้

แบบห้องครัวที่ดีนั้นยังมีอีกมากมาย โดยห้องครัวที่เรานำมาเป็นตัวอย่างให้ดูนั้น ยังสามารถนำการจัดวางองค์ประกอบของห้องครัวไปใช้กับครัวไทยหลังบ้าน หรือครัวไทยแบบเปิดโล่ง หรือห้องครัวที่ต่อเติมแล้วใช้ไม้ระแนงก็ได้ทั้งนั้นนะครับ 

    ท้ายสุดแล้วจะแบบห้องครัวบ้านๆ หรือห้องครัวสุดหรู ห้องครัวแบบไหนกันแน่ที่เหมาะกับบ้านเรามากที่สุด ซึ่งคำตอบก็ต้องมาจากความต้องการใช้งานของคนอยู่อาศัยและลักษณะรูปแบบของห้องครัวนั่นเองครับ