ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่มีการเติบโตของภาคการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก โดยมีการเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการจากส่วนกลางเข้ามาเปิดตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจทางด้านบริการ โรงแรม รีสอร์ต คอมมูนิตี้มอลล์ เกิดขึ้นอย่างหนาแน่น ล่าสุดมีกลุ่มทุนจีน เตรียมเข้ามาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูง ขณะที่ในด้านการท่องเที่ยว พบว่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศเลือกที่จะเข้าไปพักผ่อน โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีแผนเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารในสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีคนเดินทางเพิ่มเป็น 17 ล้านคนต่อปี ในอนาคต
จังหวัดเชียงใหม่ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 20,107 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีประชากร 1,728,242 คน มากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ ในจำนวนนี้เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองและชานเมือง 960,906 คน โดยจังหวัดเชียงใหม่ทิศเหนือติดต่อกับรัฐฉานของเมียนมา
ทั้งนี้ ตามข้อมูลที่ยืนยันโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุ ตลาดที่อยู่อาศัยของจังหวัดเชียงใหม่ในปี 2559 นั้น คล้ายกับหัวเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศ ที่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงขายได้และมีการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยตลาดบ้านจัดสรรของจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีความน่ากังวลใดๆ และน่าจะดีกว่าเมื่อเปรียบกับพื้นที่อื่นๆ เพราะโครงการส่วนใหญ่ถึง 88% เป็นของผู้ประกอบการท้องถิ่น ทำให้สามารถกำหนดทิศทางตลาดได้และมีความเสี่ยงน้อย เนื่องจากบ้านสามารถรอสร้างได้เมื่อมีการซื้อ
ขณะที่ในส่วนของโครงการอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม ในช่วง 2-3 ปีมานี้ การลงทุนเปิดโครงการใหม่ชะลอตัวลงมากเมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่แล้ว โดยปัจจุบันมีหน่วยที่อยู่ระหว่างการขาย 7,000-10,000 กว่าหน่วย และยังมีการลงทุนโครงการใหม่เข้ามาเพิ่ม แต่อาจจะไม่มากเท่าช่วงก่อนหน้านี้
"เครือศิริปันนา"สร้างความต่างโครงการ'เอกลักษณ์ สันทราย'
สำหรับนักพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ ที่กำลังเติบโตและมีผลงานออกสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น ก็ต้องพุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง "ศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์" หรือ "คุณเอก" บุตรชายคนโตของ ของ ประทีป กิจจาพิพัฒน์ เจ้าพ่อโลจิสติกส์เมืองไทยแห่งบริษัททีปพิพัฒน์กรุ๊ป ที่ดำเนินธุรกิจนี้มากกว่า 38 ปี มีลูกค้าสำคัญรายใหญ่ เช่น การขนส่งคอนกรีตให้เครือซิเมนต์ไทย ,ขนส่งให้กับเอสแอนด์พี,โออิชิ กรุ๊ป จากจำนวนรถใหญ่ไปจนถึงรถเล็กที่มีให้บริการอยู่กว่า 1,500 คัน
...แต่สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่กำลังปลุกปั้นให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน กำลังเป็นโจทย์ที่ท้าทาย ภายใต้การเคลื่อนเข้ามาของบิ๊กแลนด์ลอร์ดขนาดใหญ่จากส่วนกลางและต่างชาติ!
คุณเอก เล่าถึงการตัดสินใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบระดับหรูภายใต้ชื่อ"เอกลักษณ์ สันทราย" โดยส่วนตัวมองเมื่อปี 2558 ที่คาดว่าปลายปี 2559 ตลาดคอนโดมิเนียมในจังหวัดเชียงใหม่น่าจะดีขึ้น แต่ดูแล้วแนวโน้มน่าจะไปเริ่มดีในปี 2560 เหตุคอนโดมิเนียมยังโอเวอร์ซัปพลายมีหลายหมื่นยูนิต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หันมาทำโครงการบ้านเดี่ยวระดับหรู ซึ่งผมจะมองตลาดไม่เหมือนคนอื่น เพราะตลาดอื่นจะแข่งขันด้วยราคา ถ้าผมลงไปเล่นตลาดล่าง ก็ต้องแข่งราคา แต่อยากแข่งขันเรื่องคุณภาพ
"เราลงไปสู้ยักษ์ใหญ่ไม่ไหว ต้นทุนที่ดินก็ผิดกันแล้ว แลนด์ลอร์ดเจ้าใหญ่ๆมีต้นทุนที่ดินเมื่อ10 ปีที่แล้วมาเทียบกับผมก็ไม่ได้ สมมุติ ผมซื้อหลัก3หมื่นบาทต่อตารางวา เค้ายังซื้อหลักพัน แล้วผมจะเอาอะไรไปสู้ ผมจะไปเล่นแมส (Mass) ผมก็หมดสิทธิ์แล้ว ดังนั้น เราต้องต่าง หาโลเกชั่น หาโปรดักต์ที่ตอบโจทย์ออกมา ซึ่งโครงการเอกลักษณ์ สันทราย เป็นโปรเจกต์ 3 ที่เราลงมาเล่น โดยมีแรงบันดาลใจที่อยากจะสร้างบ้านที่ตอบโจทย์ลูกค้า ต้องใช้ประโยชน์ภายในบ้านให้มากที่สุด โปรดักต์และดีไซน์ที่ออกมาจึงเป็นรูปแบบบ้านเดี่ยว 3 ชั้น 4 แบบ สไตล์โมเดิร์น รายแรกในจังหวัดเชียงใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าชาวเชียงใหม่ 30% และอีก 70% คนกรุงเทพฯหรือชาวต่างชาติที่มาทำธุรกิจในเชียงใหม่"
โครงการพัฒนาโดยบริษัท มิตร เอสเตทส์ จำกัด ตั้งอยู่ถ.สันทราย-แม่โจ้ ตำบลหนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พัฒนาบนเนื้อที่ 13-3-44.2 ไร่ แบ่งพัฒนาเป็น 5 เฟส จำนวน 42 หลัง มูลค่าโครงการกว่า 700 ล้านบาท แบ่งเป็น Type M พื้นที่ใช้สอย 250 ตารางเมตร(ตร.ม.) มีจำนวน 11 หลัง ราคาช่วงพรีเซลส์ 9.89 ล้านบาท Type L1 พื้นที่ใช้สอย 331 ตร.ม. Type L2 พื้นที่ใช้สอย 340 ตร.ม. จำนวน 20 หลัง ราคา 15.95 ล้านบาท และ Type XL พื้นที่ใช้สอย 455 ตร.ม. มีจำนวน 11 หลัง ราคา 24 ล้านบาท โดยลักษณะพิเศษของโครงการจะใช้ระบบสายไฟฟ้าลงดิน ระบบการทำงานภายในบ้านสามารถใช้การสั่งงานจากมือถือได้ ทั้งนี้ โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณไตรมาส2 ปี 2561 และทยอยโอนให้ลูกค้าได้ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 6 หลัง หรือกว่า 10% ของทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในวันเปิดแนะนำโครงการช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งวัน มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาชมโครงการ โดยเฉพาะ Type XL ที่เป็นบ้านเดี่ยวตัวอย่างได้รับความสนใจ(ราคาพร้อมตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ประมาณ 35 ล้านบาท) ซึ่งในวันนั้น มีบุคคลสำคัญทางด้านแวดวงการเงิน ได้เข้ามาชมโครงการ โดยระบุว่า เป็นโครงการที่ดี ดีไซน์ที่ฉีกแนว สวย และใช้แหล่งสินเชื่อพัฒนาโครงการจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ซึ่งข้อมูลที่ได้รับ พาลูกและหลาน เข้ามาชมโครงการ 2-3 ครั้ง รวมทั้งลูกค้าชาวต่างชาติที่มีภรรยาเป็นคนไทยได้จองบ้านในโครงการ
"ผมว่าดีมานด์มี ลูกค้าสนใจ แต่มาหลายรอบมาก เพราะเป็นโปรดักต์ที่ต่าง ราคาสูง คนเชียงใหม่ยังอึ้งกับราคา"
แต่เท่าที่สังเกต หลังเข้าชมบ้านตัวอย่าง พบว่า ทุกหลัง จะมีห้องสำหรับจัดโต๊ะหมู่บูชา เพราะคุณเอก ท่านยึดมั่นในธรรมะ และที่น่าสนใจ... “ ก่อนทำโครงการ ได้นิมนต์พระอาจารย์มาดู ท่านกล่าวว่า ผืนนี้มีมังกรอยู่ 2 ตัว” เลยเป็นที่มาของการทำกราฟิกที่มีมังกร 2 ตัว บินรอบโครงการ
สนใจบุกกรุงเทพฯทำโครงการ
นอกจากนี้ ทางเครือศิริปันนา มีการลงทุนทำโครงการโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ภายใต้ชื่อ ศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา วิลลาที่มีต้นไม้ถึง 20,000 ต้น ให้ความร่มรื่นกับผู้พักอาศัย บนเนื้อที่โครงการ 12 ไร่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพาราโน่ คอนโด แอท เชียงใหม่ เหลือขายต่ำกว่า 10 ยูนิต จากทั้งหมด 185 ยูนิต และโครงการแกรนด์ พาราโน่ เหลือเพียง 3 ยูนิต จาก 55 ยูนิต รวม 2 โครงการมีมูลค่า 560 ล้านบาท
สำหรับทิศทางการลงทุนนั้น เรากำลังหาโมเดลการลงทุนในรูปแบบใหม่ เป็นการลงทุนโดยตรงมากกว่าที่จะร่วมทุนกับใคร ซึ่งในใจก็อยากทำโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ และยังสนใจลงทุนในหัวเมืองเศรษฐกิจที่มีดีมานด์เยอะๆ เช่น ในพัทยา กรุงเทพฯ และกระบี่ โดยกรุงเทพฯหากเข้ามาลงทุน จะเน้นโครงการที่ไม่ใหญ่ เน้นสร้างเร็วขายเร็ว
"ปีนี้ เศรษฐกิจยังคลุมเครือ ตัวเลขหลายๆอย่างยังไม่ชัดเจน แต่เราก็พร้อมลงทุน ถ้ามีอะไรชัดเจน ในแง่ของผู้ประกอบการก็จะทำ ยิ่งในตอนนี้ ประชาชนระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย"
ที่มา : manager.co.th