ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของการลงทุนในบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ก็คือเวลาขายมักทำได้ยากมาก หลายคนถือครองบ้านแล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรขายดี และควรต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้ขายบ้านได้และได้ราคาดี
จริงๆ แล้วต้นเหตุแท้จริงที่ทำให้บ้านขายยาก ไม่ได้ราคาและไม่มีสภาพคล่อง ส่วนใหญ่มักไม่ได้มาจาก ข้อบกพร่องในเรื่องเทคนิคการขายแต่อย่างใด แต่มักเกิดหรือมาจากความรู้ความเข้าใจที่ผิดพลาดของผู้ลงทุนในเรื่อง “แนวคิดในการขายบ้าน” เป็นสำคัญ
ด้วยเหตุผลนี้เองความสำเร็จในการลงทุนจึงขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจในเรื่องแนวคิดการขายอย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วย ทั้งนี้ในแวดวงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์พบว่าความล้มเหลวในการขายบ้านส่วนใหญ่มักมาจากเข้าใจผิดพลาดเกี่ยวกับหลักคิดการขายบ้านในประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
1.ลืมนึกไปว่าการขายจริงๆ ก็คือขั้นตอนในการรับรู้กำไร หากยังไม่มีการขายเกิดขึ้นนั่นหมายถึงบ้านยังไม่มีผลตอบแทนจากการเพิ่มค่า (Appreciation) เกิดขึ้นแต่อย่างใด หรือพูดง่ายๆ ก็คือยังไม่มีกำไรนั่นเอง
2.มักคิดว่าการไม่ขายบ้านช่วงที่มีคนเสนอซื้อมาหลายๆ รายเป็นการกระทำที่ถูกต้อง แต่นั่นผิดถนัด เพราะการไม่ขายหลายๆ ครั้งกลับกลายเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของผู้ลงทุนต่างหาก เนื่องจากต่อไปตลาดอาจไม่คึกคักเหมือนเดิม และอาจไม่เอื้ออำนวยให้คนหลายคนอยากซื้อก็เป็นได้
3.เชื่อว่าการขายบ้านเป็นเรื่องที่ควรทำเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วการขายควรเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องคิดอยู่เสมอและตลอดเวลาตั้งแต่ก่อนซื้อบ้าน เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกจังหวะขายได้อย่างเหมาะสมและชาญฉลาด ปกติการขายเมื่อมีปัญหาทางการเงินผลร้ายที่ตามมาก็คือทำให้ต้องรีบขาย ขายยากและไม่ได้ราคา
4.ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการขายก็คือช่วงเวลาที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด หรืออยู่ในระดับใกล้เคียงจุดสูงสุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่จะขายง่ายและได้ราคาดีที่สุด ช่วงนี้จึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่ควรซื้อเหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่คิดกัน
5.กรณีที่มีอสังหาริมทรัพย์อยู่หลายชิ้นแต่ต้องการทยอยขายทำกำไร กลยุทธ์ที่เหมาะที่สุดก็คือเลือกชิ้นที่มีความสำคัญกับเป้าหมายในการลงทุนน้อยที่สุดก่อน หรือเลือกขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่อยู่ในกลยุทธ์ลงทุนโดยรวมของเราก่อน
6.อย่าด่วนปฏิเสธข้อเสนอซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีเข้ามาอย่างเด็ดขาด เพราะในทางปฏิบัติแล้วแม้จะไม่มีความประสงค์หรือมีความจำเป็นที่จะต้องขายในขณะนี้ แต่ข้อเสนอเหล่านี้ต่อไปอาจกลายเป็นข้อเสนอที่ดีเมื่อถึงเวลาที่ต้องขายก็ได้
7.ถ้าไม่ได้ราคาเสนอซื้อตามที่ต้องการก็ควรถึงเวลาที่จำเป็นต้องลดราคาลงมาบ้าง การยอมถอยหลังแต่เพียงเล็กน้อยอาจส่งผลดี คือช่วยให้การขายประสบความสำเร็จหรือมีความเป็นไปได้สูงขึ้นได้
8.การขายมีงานปลีกย่อยที่ต้องดำเนินการอยู่มากมายหลายอย่างด้วยกัน เช่น การโฆษณา การเปิดบ้าน การต่อรองราคา การทำสัญญา การขอกู้แบงก์ ฯลฯ ตัวช่วยที่ดีที่สุดคือควรมอบหมายหน้าที่นี้ให้นายหน้าเป็นผู้ดำเนินการแทน เพราะค่าใช้จ่ายไม่แพง เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญและมีข้อมูลเกี่ยวกับตลาดที่ดีกว่า จะช่วยให้ขายได้ง่ายขึ้น
แต่แนวคิดนี้ไม่ถือเป็นหลักเกณฑ์ตายตัวแต่อย่างใด เจ้าของอาจเลือกที่จะขายเอง (For Sale by Owner: FSBO) ก็ได้ หากคิดว่าตัวเองมีเวลามากพอและอยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการในสิ่งจำเป็นเหล่านี้ได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่านายหน้าได้ทางหนึ่ง
9.โอกาสการขายมีอยู่ตลอดเวลา ขายคนหนึ่งไม่สำเร็จก็อาจขายคนอื่นได้เช่นกัน และการขายยังมีช่องทางให้เลือกอยู่มากมาย ขอเพียงให้ระลึกไว้เสมอว่ายิ่งมีช่องทางเข้าถึง หรือทำให้ผู้ที่คาดหวังว่าจะเป็นผู้ซื้อรับทราบได้มากทั่วถึงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การขายมีโอกาสประสบความสำเร็จง่ายมากขึ้นเพียงนั้น
10.การจัดแต่งบ้านเพื่อขาย (Staging) เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้การขายบ้านเกิดขึ้นได้เร็วและง่ายขึ้น ทั้งนี้ต้องไม่ลืมจัดแต่งบ้านภายนอกด้วย เพราะเป็นจุดสนใจจุดแรกที่จะทำให้ผู้ซื้ออยากเข้ามาดูภายในบ้าน