หนึ่งในความตั้งใจของวัยเริ่มต้นทำงานคือการมองหาบ้านหรือคอนโดมิเนียมสักห้องที่เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งงาน แต่เมื่อสถานการณ์การระบาดโควิด-19 เกิดขึ้นบทวิเคราะห์ รายงาน “Lockdown generation: COVID-19 ซ้ำเติมแรงงานคนรุ่นใหม่มากกว่าผู้ใหญ่รุ่นก่อน” จาก EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ สะท้อนให้เห็นกว่าภายใต้วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอะไรบ้างกับตลาดแรงงานคนรุ่นใหม่
ปิดเมือง-เศรษฐกิจชะงัก
การแพร่ระบาดของ โควิด-19ทำให้ภาครัฐต้องออกมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 รวมถึงมาตรการปิดเมือง (lockdown) ทำให้กิจกรรมหลายประเภทที่มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของโรคต้องปิดตัวลงชั่วคราว โดยมาตรการดังกล่าวส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักลงจนทำให้เศรษฐกิจโลกน่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2020
มาตรการปิดเมืองของหลายประเทศส่งผลกระทบต่อแรงงานเป็นวงกว้าง แต่คนรุ่นใหม่มีความเสี่ยงถูกเลิกจ้างสูงกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ
ผลกระทบต่อตลาดแรงงาน พบว่าแรงงานบางส่วนต้องถูกเลิกจ้างหรือถูกลดค่าแรงในช่วงเวลาวิกฤต โควิด-19 ซึ่งวิกฤติครั้งนี้ส่งต่อตลาดแรงงานเป็นวงกว้างและรุนแรงกว่าวิกฤติการเงินในปี2008
Generation Z คือใครบ้าง
กลุ่มคนรุ่นใหม่ (อายุ 15-24 ปี) หรือ Generation Z ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ไม่นานถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะถูกเลิกจ้างและหางานใหม่ได้ยากในช่วงวิกฤต
ผลกระทบดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในช่วงเวลาวิกฤตเท่านั้นแต่ยังส่งผลข้างเคียงต่อเนื่องไปถึงระยะยาวผ่านรายได้ที่ลดลงกว่าคนรุ่นก่อน โดยจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่ผ่าน ๆ มาแสดงให้เห็นว่าผู้ที่จบการศึกษาในช่วงเวลาวิกฤตอาจต้องประสบกับรายได้ที่ลดลงยาวนานสูงถึง 10 ปี1 ทำให้เกิดช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนรุ่นใหม่กับผู้ใหญ่รุ่นก่อนเพิ่มขึ้น ประกอบกับความท้าทายของตลาดแรงงานในระยะยาว เช่น การเปลี่ยนแปลงไปสู่เทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งจะเข้ามาทดแทนตำแหน่งงานที่มีอยู่เดิม ยิ่งซ้ำเติมแรงงานคนรุ่นใหม่ในอนาคตอีก
อิมแพ็คลูกใหญ่
วิกฤต โควิด-19 สร้างอุปสรรคให้คนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานยากกว่าเดิม โดยพบว่า อัตราการว่างงานของคนกลุ่มอายุ 15-24 ปีอยู่ที่ 13.6% เทียบกับอัตราการว่างงานของคนอายุ 25 ปีขึ้นไปอยู่ที่เพียง 4% จนกระทั่งเกิดวิกฤติ COVID-19 ได้เข้ามาซ้ำเติมผลกระทบของตลาดแรงงานของกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วโลก สะท้อนจากผลสำรวจแรงงานคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงาน (อายุ 18-29 ปี) ทั่วโลกของข้อมูลขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ที่สำรวจไว้เมื่อเดือนพฤษภาคมพบว่า 17.1% ของผู้ตอบแบบสำรวจถูกให้หยุดทำงานเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ โควิด-19
สิ่งที่แรงงานรุ่นใหม่ต้องเจอ
โดยวิกฤต โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อแรงงานคนรุ่นใหม่ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้
1. สร้างอุปสรรคในการเรียนรู้และการฝึกงาน มาตรการปิดเมืองทั่วโลกทำให้ต้องปิดสถาบันการศึกษาทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั่วคราว รวมถึงยกเลิกการเรียนรู้จากการทำงาน เช่น การฝึกงาน เป็นต้น แม้บางส่วนสามารถปรับตัวโดยเปลี่ยนไปใช้ระบบการเรียนรู้ออนไลน์ได้ แต่สำหรับประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ครอบคลุม
ในอีกด้านเกิดจากครัวเรือนที่มีรายได้น้อยทั้งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนามีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้ และแม้ว่าจะมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและอุปกรณ์การเรียนพร้อม แต่ผู้เรียนและผู้สอนบางส่วนยังขาดทักษะด้านดิจิทัล ปัจจัยเหล่านี้สร้างอุปสรรคต่อการเรียนรู้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้พบว่าในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ (low income) มีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถปรับตัวมาใช้รูปแบบการเรียนรู้ออนไลน์ได้สำเร็จ
ทั้งนี้ สัดส่วนอีกเกินครึ่งไม่ได้มีแผนสำรองสำหรับการเรียนรู้ในช่วงปิดสถาบันการศึกษา ทำให้ช่วงเวลาวิกฤต โควิด-19 ครั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในระบบการศึกษาส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถเข้าถึงการเรียนรู้แบบออนไลน์หรือระบบทางไกลอาจขาดทักษะและความรู้สำหรับตำแหน่งงานที่ดีในอนาคตได้
2. ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซานำไปสู่ความเสี่ยงถูกปลดออกจากงาน ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทและผู้ประกอบหลายรายโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) จำเป็นต้องลดเงินเดือนและสวัสดิการของพนักงาน หรืออาจถึงขั้นลดจำนวนพนักงานลง เพื่อรักษาสภาพคล่องและประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอด
โดยตำแหน่งงานระดับล่างซึ่งเป็นงานสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดแรงงานมีความเสี่ยงถูกเลิกจ้างสูงที่สุด ประกอบกับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบสูงจากวิกฤติ โควิด-19 ได้แก่ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก อุตสาหกรรมการผลิต อสังหาริมทรัพย์ และที่พักแรมและบริการด้านอาหาร มีจำนวนแรงงานที่เป็นคนรุ่นใหม่กระจุกตัวสูงถึง 41.7% ของแรงงานคนรุ่นใหม่ทั้งหมด ซึ่งสูงกว่ากลุ่มแรงงานกลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไปที่มีเพียง 35% ของทั้งหมด ทำให้คนรุ่นใหม่มีความเสี่ยงถูกปลดออกจากงานมากกว่าผู้ใหญ่รุ่นก่อนหน้า สะท้อนจากอัตราการว่างงานในปี 2020 ของหลายประเทศทั่วโลกในกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มผู้ใหญ่ เช่น สหรัฐฯ มีอัตราการว่างงานตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเมษายน 2020 ในกลุ่มผู้ใหญ่เพิ่มขึ้น 9 ppt ขณะที่กลุ่มคนอายุ 15-24 ปีเพิ่มสูงถึง 17.2 ppt
3. ตำแหน่งงานที่ลดลงเพิ่มอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดแรงงานหรือย้ายงานของคนรุ่นใหม่ หลังวิกฤติ โควิด-19 คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาในปี 2020 และกำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นเนื่องจากปริมาณงานโดยรวมลดลงจากช่วงวิกฤติ โดยคนรุ่นใหม่เสียเปรียบแรงงานกลุ่มอายุอื่น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานหรือมีประสบการณ์การทำงานต่ำ งานที่มีโอกาสทำได้จึงเป็นตำแหน่งระดับล่าง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะต้องแข่งขันกับผู้หางานทำที่มีประสบการณ์สูงกว่าที่ไม่สามารถหางานในระดับเดิมได้และยอมลดตำแหน่งมาทำในระดับที่ต่ำกว่า กดดันให้แรงงานกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานได้ยากมากขึ้น จนเกิดผลกระทบระยะยาว (scarring effect) กับแรงงานคนรุ่นใหม่ที่อาจได้งานที่มีรายได้น้อยและไม่สอดคล้องกับพื้นฐานการศึกษาของพวกเขา
นอกจากนี้ โควิด-19 ยังทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ที่มีอยู่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทั่วโลก เนื่องจากปกติแรงงานคนรุ่นใหม่อายุ 15-24 ปีมีรายได้ต่ำกว่าแรงงานผู้ใหญ่ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป และคนรุ่นใหม่ยังมีการออมที่ต่ำกว่าจึงมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงรายได้สูง
โดย ILO วิเคราะห์รายได้แรงงานของ 64 ประเทศ พบว่าแรงงานผู้ใหญ่มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มแรงงานคนรุ่นใหม่ถึง 71% และวิกฤติ โควิด-19 อาจทำให้ช่องว่างความแตกต่างของรายได้ระหว่าง generation ห่างออกไปอีก
ความท้าทายในระยะยาว
คนรุ่นใหม่ยังต้องเผชิญกับโอกาสและความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีขั้นสูงในระยะเวลาอันใกล้นอกจากผลกระทบระยะสั้นจากวิกฤติเศรษฐกิจแล้ว ในอนาคตอันใกล้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Automation AI Robotics จะเข้ามามีบทบาทต่อตลาดแรงงานมากขึ้น โดยจุดเด่นอยู่ที่ช่วยประสิทธิภาพในการทำงาน ต้นทุนในการผลิตและบริการที่ลดต่ำลง
อีกความเสี่ยงที่คนรุ่นใหม่ต้องเจอ นั่นคือตำแหน่งงานจะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงมากที่สุดจากเหตุผล2 ประการ
1. ตำแหน่งระดับล่างมีโอกาสถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยี เนื่องจากตำแหน่งงานระดับล่างส่วนใหญ่จะเป็นงานลักษณะที่ต้องทำซ้ำ ๆ (routine) มากกว่าตำแหน่งงานในระดับที่สูงขึ้นที่เนื้อหาของงานจะเปลี่ยนเป็นลักษณะของการแก้ไขปัญหา (problem-solving) หรือความคิดสร้างสรรค์
ขณะที่คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดแรงงานจำเป็นต้องเริ่มต้นงานจากงานตำแหน่งระดับล่างก่อน ทำให้งานของคนรุ่นใหม่มีโอกาสลดลงเนื่องจากเทคโนโลยีมากกว่างานในระดับที่สูงขึ้นของกลุ่มอายุที่สูงกว่า โดยเฉพาะแรงงานที่ใช้ทักษะต่ำ ทั้งในภาคการผลิต (เช่น พนักงานโรงงาน) และภาคบริการ (เช่น พนักงานเก็บเงิน พนักงานเสิร์ฟ)
2. ตำแหน่งงานที่เกิดขึ้นใหม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านเทคโนโลยีที่สูงขึ้น และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้น
วางแผนรับมือ
ในระยะสั้น ผู้กำหนดนโยบายจะต้องสนับสนุนภาคธุรกิจให้รักษาการจ้างงาน ขณะเดียวกันก็ขยายสิทธิประโยชน์ในกรณีว่างงานให้ครอบคลุมถึงคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในระบบและนอกระบบ
ระยะยาวผู้กำหนดนโยบายจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยแก่การปรับปรุงทักษะ (re-skill) และการเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning) เพื่อสร้างทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการตลาดแรงงานต่อไป
ผู้เขียน: ชินโชติ เถรปัญญาภรณ์
ข้อมูล
1Oreopoulos, Philip, Till von Wachter, and Andrew Heisz. 2012, The Short- and Long-Term Career Effects of Graduating in a Recession, https://www.aeaweb.org/articles?id=10.1257/app.4.1.1
2 Shelby Carvalho and Susannah Hares Follow (2020), More from Our Database on School Closures: New Education Policies May Be Increasing Educational Inequality, https://www.cgdev.org/blog/more-our-database-school-closures-new-education-policies-may-be-increasing-educational
ภาพ : pixels.com
ที่มา : International Labour Organization