เปลี่ยนหลอดไฟที่บ้าน ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งช่าง
การเปลี่ยนหลอดไฟเป็นงานช่างง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ เพียงแค่รู้จักประเภทของหลอดไฟและวิธีเปลี่ยน นอกจากนี้ การเลือกหลอดไฟให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละจุดของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปทรง ทิศทาง กำลังของแสง บริบทของพื้นที่ การติดตั้ง และการให้แสงสว่างของหลอดไฟแต่ละประเภทล้วนเป็นข้อมูลที่สำคัญ มาศึกษารายละเอียดข้อควรรู้ต่าง ๆ ด้วยกันตรงนี้ได้เลย
ประเภทของหลอดไฟ
สิ่งแรกที่ผู้อยู่อาศัยควรทำความเข้าใจคือ คำจำกัดความของสีและชื่อเรียกของหลอดไฟในบ้านเรือนทั่วไป โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
1. หลอดไฟ Warm White
มีค่าความสว่างระดับ 2500 ถึง 3300K จะให้สีเหลืองเข้ม เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการแสงแบบนวลตา สบาย ๆ
2. หลอดไฟ Cool White
มีค่าความสว่างระดับ 4000K จะให้สีเหลืองขาว เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่าง เน้นความชัดเจนมาก ๆ เช่น เวทีการแสดง แต่ไม่นิยมใช้ภายในบ้านมากนัก
3. หลอดไฟ Day light
ค่าความสว่างระดับ 6,000K ขึ้นไป ซึ่งจะให้ลักษณะของสีที่ขาวจัด ให้ความสว่างมาก เหมาะกับการใช้งานในบ้าน
ในปัจจุบันหลอดไฟมีหลายชนิด มีให้เลือกกับการใช้งานในพื้นที่แต่ละส่วนของบ้านตามความต้องการที่แตกต่างกันออกไป สำหรับปัจจุบันมีหลอดไฟที่นิยมใช้กันอยู่ ดังนี้
- หลอดไส้
- หลอดฟลูออเรสเซนต์
- หลอดฮาโลเจน
- หลอดเมทัลฮาไลด์
- หลอดแสงจันทร์
- หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์
- หลอด LED
วิธีการเลือกหลอดไฟให้เหมาะกับบ้าน
ผู้อยู่อาศัยควรศึกษาความแตกต่างของหลอดในแต่ละประเภท เช็คความต้องการแสงสว่างแต่ละพื้นที่ใช้งานของคนในบ้าน จุดติดตั้งที่ช่วยกระจายแสงสว่างที่เหมาะสมที่ให้ทั้งความสวยงามและสามารถซ่อมบำรุงได้สะดวกในยามที่หลอดไฟได้รับความเสียหาย ตัวอย่างวิธีการเลือกมีดังนี้
- การเลือกหลอดไฟสำหรับห้องนอน เน้นระดับความสว่างที่เหมาะสม กำลังของแสงไม่แรงจนเกินไป อาจจะใช้เป็นหลอดไฟในโทนสีเหลือง หรือสีขาวนวล
- การเลือกหลอดไฟสำหรับห้องครัวและห้องน้ำ ควรเลือกหลอดไฟที่มีความสว่างมากกว่าห้องนอนและให้เลือกใช้หลอดไฟในโทนสีขาว เพราะจะช่วยให้มองเห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- การเลือกหลอดไฟในห้องนั่งเล่น ควรเน้นสีของไฟที่อบอุ่น เป็นมิตรต่อสายตา และเหมาะกับการพักผ่อน
ในกรณีที่ผู้อยู่อาศัยไม่มีความชำนาญในการติดตั้งหลอดไฟ ควรเลือกใช้บริการช่างผู้ชำนาญการในการติดตั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เพราะหากมีปัญหาติดขัดหรือไม่เข้าใจประการใดก็สามารถปรึกษาผู้รู้และหาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงที หรือหากผู้อยู่อาศัยอยากลองติดตั้งเองก็สามารถค้นหาข้อมูลการติดตั้งได้ง่าย ๆ ตามสื่อออนไลน์หรืออ่านจากข้อมูลการติดตั้งที่มาพร้อมกับหลอดไฟก็ได้เช่นกัน
วิธีการเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเอง
- ปิดสวิตช์ไฟในบริเวณที่จะเปลี่ยนให้เรียบร้อย
- เตรียมอุปกรณ์เสริมเพื่อให้สามารถเปลี่ยนได้ง่ายและสะดวก เช่น บันได หรือเก้าอี้ที่มีความแข็งแรงหากไม่มีบันไดสำหรับปีน
- ใส่ถุงมือผ้าหรือถุงมือยางเพื่อป้องกันไฟดูด ในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าจะมีกระแสไฟรั่วหรือไม่
- ดูลักษณะของหลอดไฟค่อย ๆ หมุนออกมา หากเป็นหลอดไฟที่มีลักษณะขาเป็นสปริงให้ดันไปด้านใดด้านหนึ่งแล้วค่อยดึงลงมาช้า ๆ ในการใส่กลับเข้าไป ให้ดันเข้าไปข้างใดข้างหนึ่งก่อน แล้วค่อยขยับอีกข้างเข้าไป
- หากเป็นแบบเกลียวหรือเขี้ยวล็อค แนะนำให้ค่อย ๆ หมุนออกมาแล้วนำหลอดใหม่ใส่เข้าไปในลักษณะเดียวกัน
- สำหรับการเปลี่ยนบัลลาสต์ไฟ จะต้องไขน็อตที่ยึดตัวบัลลาสต์ออกมาก่อน จากนั้นให้ถอดขั้วสายไฟออก ก่อนที่จะนำบัลลาสต์ตัวใหม่ใส่กลับเข้าไปแบบเดิม
- การเปลี่ยนสตาร์ทเตอร์ให้หมุนตัวสตาร์ทเตอร์ออกมาจากล็อค หลังจากนั้นให้นำตัวใหม่ใส่กลับเข้าไปแบบเดิม หากเป็นหลอดไฟรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน จะไม่มีตัวบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ ดังนั้นการเปลี่ยนด้วยตัวเองก็จะง่ายขึ้น
การเปลี่ยนหลอดไฟ หลายคนที่ยังไม่คุ้นเคย อาจมองเป็นเรื่องจุกจิกและมีรายละเอียดมาก และด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย อาจส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยมักจะเลือกใช้บริการช่างผู้ชำนาญการมาดำเนินการติดตั้งและซ่อมแซมให้เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี หากลองศึกษาวิธีการเปลี่ยนหลอดไฟอย่างรอบด้านแล้วก็จะพบว่าทุกคนสามารถทำการติดตั้งหลอดไฟเองได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน นอกจากจะได้แสงสว่างตามจุดต่างๆ ที่ต้องการแล้ว ยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งได้มากเลยทีเดียว