การรักษาฐานที่มั่นในตลาดทาวน์เฮาส์ พร้อมกับขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ นั่นคือ เป้าหมายของ พฤกษา โฮลดิ้ง Baania มีโอกาสพูดคุยกับ ธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ในฐานะแม่ทัพใหญ่ ในเซ็กเมนต์ทาวเฮาส์ ถึงแนวทางการรุกไปในตลาดต่างจังหวัด และโครงการใหม่ล่าสุดที่เชียงใหม่
ธีรเดช มองว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในหลายๆ จังหวัดยังมีขนาดตลาดที่เล็ก แต่ก็ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกในอนาคต โดยถ้าดูที่อัตราการเติบโตของยอดขายจะพบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลโดยรวมในครึ่งปีแรก โต 17% ส่วนตลาดทาวน์เฮาส์มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 14% ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดเฉพาะหัวเมืองหลัก อัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีก่อน พบว่า แต่ละจังหวัดยังคงมีการเติบโตที่ดี
"อย่างที่เชียงใหม่ในครึ่งปีแรกเติบโต 2% ขอนแก่นโต 18% ส่วนที่ระยองค่อนข้างร้อนแรงโตถึง 35% ชลบุรี โต 61% ภูเก็ตโต 17% ส่วนจังหวัดรองลงมาไม่ว่าจะเป็นนครราชสีมา ฉะเชิงเทรา ก็ยังมีอัตราการเติบโต จะมีแค่อยุธยา และสระบุรีที่ชะลอตัวลงบ้าง ส่วนตลาดทาวน์เฮาส์ก็มีอัตราการเติบโตในภาพเดียวกับตลาดรวม และในครึ่งปีหลังนี้จะยิ่งขยายตัวอีกมาก เพราะส่วนใหญ่การทำตลาดจะเน้นหนักกันในครึ่งปีหลัง"
สำหรับในปี 2561 พฤกษา ตั้งเป้ายอดขายทาวน์เฮาส์ในต่างจังหวัดอยู่ที่ 3,302 ล้านบาท จาก 15 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 14% ของยอดขายทาวน์เฮาส์ทั้งหมดของพฤกษา ส่วนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งเป้ายอดขาย 19,5861 ล้านบาท จาก 102 โครงการ มีสัดส่วน 86% รวมยอดขายทาวน์เฮาส์ในปีนี้อยู่ที่ 22,888 ล้านบาท โดยมีโครงการเปิดใหม่รวม 44 โครงการ เป็นโครงการในกทม.และปริมณฑล 34 โครงการ และต่างจังหวัด 10 โครงการ เฉพาะครึ่งปีหลังจะมีโครงการเปิดใหม่ 25 โครงการ
กลยุทธ์ในการบุกตลาดต่างจังหวัดของพฤกษาในช่วง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2563 จะมีการลงทุนต่อเนื่องใน 20 จังหวัดภูมิภาค โดยภาพรวมในปีนี้ตลาดต่างจังหวัดจะเน้นหนักไปที่ 3 จังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งมีมูลค่ารวมของตลาดมากกว่า 60,000 ล้านบาท และเมื่อโครงการต่างๆ เห็นผลเป็นรูปธรรม เชื่อว่าขนาดตลาดของ 3 จังหวัดในอีอีซี จะเติบโตไปเกือบๆ หลัก 100,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า
"ส่วนพื้นที่ที่จะโฟกัสในปีหน้า คือ จังหวัดในภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น อุดรธานี และอุบุลราชธานี เรียกง่ายๆ ว่า ปีหน้าพฤกษา จะบุกตลาดอีกสานเป็นหลัก และอีกตลาดที่จะเข้าไปคือตลาดรอบๆ กรุงเทพฯและปริมณฑล ไม่ว่าจะเป็น สระบุรี อยุธยา นครปฐม ส่วนในปี 2563 จะไปที่ ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ที่อาจจะช้าหน่อยคือ เชียงราย และพิษณุโลก"
ทั้งนี้การลงทุนของพฤกษาจะเข้าไปในตลาดที่มีมูลค่าตลาดเกิน 5,000 ล้านบาทก่อน ที่ไปลงทุนแล้ว เช่น ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ ระยอง ฉะเชิงเทรา ขอนแก่น สงขลา และอยุธยา โดยในปีนี้ ที่ชลบุรี ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในต่างจังหวัดมีมูลค่า 45,000 ล้านบาท บริษัทจะมีโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการจากที่มีอยู่แล้ว 7 โครงการ
ส่วนที่ภูเก็ตในปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่อีก 2 โครงการจากที่มีเดิม 5 โครงการ เชียงใหม่จะเปิดเพิ่มอีก 1 โครงการ จากที่มีอยู่แล้ว 2 โครงการ ที่ระยอง จะเป็นโครงการใหม่ล้วนๆ 3 โครงการ ที่ฉะเชิงเทราจะมีโครงการเปิดใหม่ 1 โครงการ ส่วนที่อยุธยาไม่มีโครงการใหม่ แต่ของเดิมมีอยู่แล้ว 1 โครงการ และขอนแก่นจะมีโครงการเปิดใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2562 และที่สงขลาในปี 2563
ในส่วนของจังหวัดรองๆ ลงมา บริษัทก็มีแผนจะเข้าไปลงทุนในอนาคตด้วยเช่นกัน อย่างที่นครราชสีมา มูลค่าตลาดอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท มีแผนจะไปเปิดโครงการใหม่ ไตรมาส 2 ปีหน้า ที่อุดรธานี มูลค่าตลาดรวม 2,000 ล้านบาท จะไปไตรมาสที่ 4 ปีหน้า อุบลราชธานี มีแผนจะไปลงทุนในไตรมาสแรกของปี 2563
"ทำไมตลาดที่มีขนาดตลาดเล็กๆ บริษัทยังมีแผนที่จะไปลงทุน นั่นเป็นเพราะว่า แม้จะมีตลาดที่เล็กแต่ก็มีกำลังซื้ออยู่ เมื่อเราลงไปแล้ว ตลาดอาจจะได้รับการตอบรับที่ดีก็ได้ อย่างเช่นที่ภูเก็ตเมื่อก่อนมีแต่บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ไม่มีซัพพลาย พอพฤกษาไปลงตลาดก็ขยายตัวขึ้นอยู่ในระดับ 2,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่า ตลาดทาวน์เฮาส์ที่เราเห็นเล็กๆ ในต่างจังหวัด จริงๆ อาจเกิดจากการที่ยังไม่มีใครลงไปทำตลาดจริงจัง"
ปัจจุบันตลาดในต่างจังหวัดที่ได้รับการตอบรับดีที่สุดคือ ที่ชลบุรี เนื่องจาก มีขนาดตลาดใหญ่ที่สุด ทั้งตลาดรวม 45,000 ล้านบาท โดยทาวน์เฮาส์มีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ในปี 2560 โดยมีข้อสังเกตว่า จังหวัดที่ทาวน์เฮาส์ได้รับการตอบรับที่ดีจะเป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม อย่างที่ชลบุรีมีทั้งท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม ส่วนจังหวัดที่รองลงมาคือภูเก็ต มีขนาดตลาดรองลงมาอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท ตลาดทาวน์เฮาส์มีมูลค่าอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท อีกจังหวัดที่ได้รับการตอบรับที่ดีคือที่เชียงใหม่ มีขนาดตลาดรวมอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โดยตลาดทาวน์เฮาส์ปีที่แล้วมีมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท
สำหรับที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาพตลาดรวมโต 2% แต่เมื่อดูระหว่างไตรมาสแรกเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้ โตถึง 18% ในส่วนของทาวน์เฮาส์ก็มีอัตราการเติบโตเช่นเดียวกัน โดยในครึ่งปีแรก โต 9% ไตรมาส 1 เทียบกับ ไตรมาส 2 โตถึง 114% แม้จะยังมีขนาดตลาดทาวน์เฮาส์ที่เล็ก แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก เพราะเชียงใหม่เป็นหัวเมืองหลักในภาคเหนือ และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เรื่องของเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ค่อนข้างสดใส แต่อาจจะไม่ได้ร้อนแรงเหมือนชลบุรี หรือระยอง ที่มีทั้งภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม
"ตลาดเชียงใหม่มีลักษณะคล้ายกับภูเก็ต จึงยังมีโอกาสที่ขยายตัวได้อีกมาก นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็น สนามบินแห่งที่ 2 รถไฟฟ้ารางเบา รวมไปถึงรถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะช่วยเพิ่มความต้องการที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น โดยเชื่อว่า ภายใน 5 ปีขึ้นไปตลาดที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่จะโตแบบก้าวกระโดดแน่นอน"
สำหรับในเชียงใหม่บริษัทมีการลงทุนทาวน์เฮาส์ไปแล้ว 2 โครงการ ล่าสุดในวันที่ 15 - 16 กันยายนนี้ จะเปิดขายโครงการใหม่ ได้แก่ พฤกษา วิลล์ เชียงใหม่-ม.พายัพ ซึ่งมีพื้นที่โครงการทั้งหมด 25 ไร่เศษ ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 1 ที่จอดรถขาย 2.5 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 2 ที่จอดรถ ขาย 2.9 ล้านบาท บ้านแฝด ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท และอาคารพาณิชย์ ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท รวม 244 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท ซี่งบริษัทได้ออกแบบโครงการให้สอดรับกับพฤติกรรมของคนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นการใช้สอยพื้นที่ของทาวน์เฮาส์ที่เหมือนบ้านเดี่ยว ร่วมทั้ง การออกแบบโครงการที่ใช้สถาปัตยกรรมร่วมสมัย เป็นล้านนาประยุกต์ทำให้คนเชียงใหม่มีความรู้สึกที่คุ้นเคย
"เรานำพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในต่างจังหวัดมาศึกษา เพื่อพัฒนาโปรดักต์ให้ตรงกับความต้องการ อย่างเช่น คนต่างจังหวัดมักชอบบ้านเดี่ยวมากกว่าทาวน์เฮาส์ เพราะต้องการบริเวณบ้าน แต่ปัจจุบันราคาที่ดินแพงขึ้นทาวน์เฮาส์จึงเป็นอีกทางเลือกในการอยู่อาศัย โดยการออกแบบให้ทาวน์เฮาส์มีฟังก์ชั่นที่เหมือนบ้านเดี่ยว รวมทั้งการเอาสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเข้ามาผสมผสาน นอกจากนี้ ในเรื่องของพื้นที่ส่วนกลาง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการต่างๆ จะมีมาตรฐานแบบเดียวกับโครงการในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นคลับเฮาส์ หรือโคเวิร์กกิ้ง สเปซ เป็นต้น"
ธีรเดช ทิ้งท้ายว่า ด้วยมาตรฐานและแบรนด์ของพฤกษา เชื่อว่า จะมัดใจผู้บริโภคในต่างจังหวัดได้อย่างแน่นอน
Baania มี Line แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวอสังหาริมทรัพย์แบบอินเทรนด์ ได้ทุกวันผ่าน Line ID @baania