เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ชูวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็น Lifescape Developer เพื่อพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตในทุกบริบทให้ครอบคลุม เดินหน้าลุยตลาดอสังหาฯ ต่อเนื่อง เปิด 5 โครงการ มูลค่า 11,300 ล้านบาท ผุดแบรนด์เรือธง Malton Gates บ้านเดี่ยวระดับลักซูรี ด้วยแนวคิดใหม่ที่ตอบโจทย์สุขภาพแบบองค์รวม อีกทั้งตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Pet-Friendly Residences วางเป้ายอดขาย 7,500 ล้านบาท และเป้ารายได้ 8,000 ล้านบาท พร้อมปักหมุด 5 ปี ปรับพอร์ต 20% สู่ธุรกิจใหม่ รองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คาดนำร่องธุรกิจด้านสุขภาพ และด้านเทคโนโลยี ปลายปี 2564
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซูรี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 22 ปีที่ก่อตั้งมา บริษัทต้องเผชิญวิกฤตทางเศรษฐกิจอยู่หลายครั้ง รวมถึงวิกฤตใหญ่ที่กระทบทุกอุตสาหกรรมอย่าง COVID-19 ในปีที่ผ่านมา ทว่าบริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจให้ก้าวผ่านอุปสรรคได้อย่างมั่นคงจึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าตลาดลักซูรียังคงแข็งแกร่งเสมอแม้ในยามวิกฤต บริษัทจึงนำประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้ในช่วงเวลาดังกล่าว ผสานเข้ากับวิสัยทัศน์ใหม่ที่จะไม่เป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Developer) แต่มุ่งสู่การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต หรือ Lifescape Developer เพื่อให้บริษัทเติบโตได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม พร้อมสรรสร้างนวัตกรรมใหม่ที่ยกระดับทุกมิติการใช้ชีวิตของผู้บริโภค
“ด้วย Warrior Mindset ที่เราปลูกฝังกับทีมงานทุกคน ทำให้เรายังคงยืนหยัดในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับลักซูรี แม้ต้องเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ วันนี้เราจึงตั้งใจที่จะเดินหน้าจากการเป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต โดยไม่ทิ้ง Passion และ DNA ของบริษัทที่มุ่งพัฒนาทุกโครงการของเราให้เป็น Best in Class
ทั้งด้านสินค้าและบริการ” นางสาวเพชรลดา กล่าว
สำหรับวิสัยทัศน์ Lifescape Developer จะขับเคลื่อนด้านธุรกิจที่อยู่อาศัยด้วยความเชื่อมั่นในแนวคิด Crafting Lifescape to Excellence ทั้ง 5 แกนหลัก ได้แก่
1. Attention to Details ทุกรายละเอียดมีความหมาย ด้วยการใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อสะท้อนความเป็นลักซูรีในทุกเซ็กเมนต์
2. Understanding Lifestyle เข้าใจการใช้ชีวิตที่แตกต่าง ด้วยการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกบริบท
3. Top-Notch Quality เรื่องคุณภาพสำคัญเป็นที่หนึ่ง ด้วยการจัดการด้านคุณภาพแบบครบวงจรตั้งแต่ก่อนการก่อสร้าง ไปจนกระทั่งหลังการส่งมอบโครงการ
4. Best Caring Service บริการด้วยหัวใจ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับลูกบ้าน
5. Enduring Purpose คิดทุกมิติเพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะขับเคลื่อนให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ทั้งสิ้น 7,500 ล้านบาท และสร้างรายได้รวม 8,000 ล้านบาท โดยมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นปี 2563 ทั้งหมด 6,400 ล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยให้รายได้มีโอกาสเป็นไปตามเป้า ประกอบกับภายในปีนี้บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,300 ล้านบาท นำร่องด้วยบ้านเดี่ยวระดับเรือธง Malton Gates กรุงเทพกรีฑามูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ภายใต้แนวคิดที่ตอบโจทย์สุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งร่วมพัฒนากับสถาบันชั้นนำด้านสุขภาพ (Wellness Institution) ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดของโครงการในเร็วๆ นี้
นอกจากนั้น ยังยกระดับความเป็นผู้นำด้านคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly Residences) ให้ตอบโจทย์คนรักสัตว์มากยิ่งขึ้น ด้วย Major Petscape ที่ครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ได้แก่ ข้อปฏิบัติเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกัน (Petscape Guide), การออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Petscape Design), สิทธิพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง (Petscape Privilege) และการสร้างชุมชนคนรักสัตว์ (Petscape Community) ร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ อาทิ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ บ้านและสวน Pets และทิพยประกันภัย รวมถึงการพัฒนาช่องทางการให้บริการเพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า ผ่าน Major Contact Center, Major Exclusive Club และ Lifescape Application ทั้งนี้ยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยทีมบริหารงานนิติบุคคลแบบครบวงจรผ่าน บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด หรือ MDPC อีกด้วย
นางสาวเพชรลดา กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองหาโอกาสสร้างรากฐานความแข็งแกร่งเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม จึงตั้งเป้าหมายการปรับตัวระยะ 5 ปี (2564-2568) ในหลากหลายมิติ ได้แก่
1. เพิ่มพอร์ตสินค้าแนวราบ ปรับสัดส่วนการพัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบให้กลายเป็น 75:25
2. กระจายพอร์ตธุรกิจ (Business Diversification) ทยอยกระจายรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Business) และธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ (Non-Real Estate Business) ให้มีสัดส่วน 80:20 ในปี 2568 โดยสัดส่วนดังกล่าว เน้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับภูมิทัศน์การใช้ชีวิต (Lifescape) ของผู้บริโภคคาดว่าในช่วงปลายปีนี้จะเริ่มบุกธุรกิจใหม่ในด้านสุขภาพ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย และด้านเทคโนโลยี นำร่องด้วยเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (PropTech), ด้านสุขภาพ (HealthTech) และด้านการเงิน (FinTech) คาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดของธุรกิจอย่างชัดเจนได้ในช่วงไตรมาส 4/2564
“การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขายยังคงเป็นธุรกิจหลักของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในระยะยาว แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการจะเป็น Lifescape Developer ที่ดูแลครอบคลุมทุกมิติในการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เราจะพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องให้เป็น Future-Proof Company เป็นองค์กรที่มีพลวัต เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงพร้อมกับธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค” นางสาวเพชรลดา กล่าว
สำหรับ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรี มีธุรกิจหลักในเครืออยู่ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
1.กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย
2.กลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น ออฟฟิศและโรงแรม
3.กลุ่มธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ มีวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างโครงการระดับลักซูรี
ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค