ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมาเยือน และสิ่งใหม่ๆก็จะเกิดขึ้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชีวิตใหม่ หน้าที่การงานใหม่ รถยนต์คันใหม่ หรือบ้านใหม่ สิ่งใหม่ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ครั้งนี้เราจะมาพูดถึงเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปัจจุบัน
ในด้านเศรษฐกิจของไทยไม่นับรวมในส่วนของการท่องเที่ยวนั้นที่เป็นเสมือนหัวใจเศรษฐกิจของไทยถือว่ามีทิศทางไปในทางที่ดีขึ้นมาก ทั้งในด้านการส่งออกการลงทุนต่างๆ สามารถทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น โดยในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมานั้นค่อนข้างเงียบเหงาด้วยปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน ซึ่งจากผลสำรวจของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า ภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีแรกมีการชะลอตัวของจำนวนยูนิตทั้งในด้านอุปทานและอุปสงค์ แต่ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่มีจำนวนและมูลค่า รวมถึงราคาเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น กลุ่มผู้ซื้อที่มีรายได้น้อยมีศักยภาพในการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับต่ำ
แต่พอหลังจากผ่านพ้นช่วงครึ่งปีแรกแล้ว ก็เริ่มเห็นแนวโน้มของผู้ประกอบการที่เริ่มคิดโครงการใหม่ โปรเจ็คใหม่มากขึ้น และในยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันมากขึ้น บรรดาตึกสูงแนวตั้งอย่างคอนโดมิเนียมที่มีผุดขึ้นมาอย่างมากเหมือนดอกเห็ด โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า แนวรถไฟฟ้าถือเป็นทำเลยอดฮิต เนื่องด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ต้องการความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น ดังนั้นทำเลที่ขนาบกับแนวรถไฟฟ้าจึงถือเป็นทำเลเงินทำเลทองของผู้ประกอบการหลายๆแห่งที่คอยชิงทำเลเหล่านี้เพื่อดึงดูดผู้บริโภค
ในส่วนของปัจจัยที่ทำให้แวดวงของอสังหาริมทรัพย์ครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็มีอยู่หลายๆปัจจัย อาทิ
โครงการลงทุนด้านคมนาคมของรัฐบาลในปี 2560 ที่มีมากถึง 43 โครงการ ด้วยเงินลงทุนกว่า 1.77 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในแผนการลงทุนเดิมปี 2560 จำนวน 36 โครงการ ด้วยงบประมาณ 8.96 แสนล้าน และโครงการที่ขยายระยะเวลาจากปี 2559 อีก 7 โครงการ งบประมาณ 8.74 แสนล้านบาท
ด้วยโครงการเหล่านี้ซึ่งเป็นเมกะโปรเจ็คของรัฐบาล จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายๆ แห่งค่อยๆ เปิดตัวโครงการใหม่ขนาบเส้นทางรถไฟฟ้าไม่ว่าจะสายใดก็ตาม
ถึงแม้ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีปัจจัยบวกที่เอื้อต่อธุรกิจ แต่ในมุมกลับกันก็ยังมีปัจจัยลบที่ต้องมาขบคิดพิจารณาด้วย ทั้งในแง่ของซัพพลายที่นับวันจะทวีมากขึ้นจนล้นตลาด ซึ่งตัวซัพพลายที่มากขึ้นนั้นน่าจะส่งผลต่อนักลงทุนที่ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อเก็งกำไร เพราะเมื่อซัพพลายมีมากขึ้น น่าจะเป็นการยากที่จะปรับราคาขึ้น หรือน่าจะทำให้ขายได้ยากขึ้น
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์
โดย นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2560 ไว้ว่า
"ช่วงปลายปีนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นเปิดโครงการมากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเริ่มเตรียมทำแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 นอกจากนี้เราจะเห็นผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าและมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม สำหรับในช่วงสองเดือนสุดท้ายนี้ เชื่อว่าจะไม่มีปัจจัยอะไรที่จะมาช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งการเปิดโครงการจำเป็นต้องมีการทำการตลาดก่อนล่วงหน้า 2 เดือน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมอาจจะไม่เห็นการเปิดตัวโครงการ ในส่วนของโครงการแนวราบมองว่าน่าจะยังมีการเปิดตัวโครงการใหม่ให้ได้เห็นกัน" นางสาวเกษรา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีนี้จะเห็นผู้ประกอบการทำการตลาดมากกว่าการเปิดตัวโครงการ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายของแต่ละบริษัทให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 เชื่อว่าจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม โดยจะเห็นมีการพัฒนาโครงการที่จะนำเอาความแปลกใหม่ในแบบ 2 มิติ เข้ามาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาโครงการ ซึ่งมิติแรกจะเห็นการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ ทำให้เกิดความแปลกใหม่ ซึ่งในปีนี้ก็เห็นผู้ประกอบการหลายเจ้านำเทคโนโลยีมาเป็นจุดขายกันเยอะ และในปีหน้าก็เชื่อว่าจะมีนำมาใช้เพื่อเป็นจุดเด่นของแต่ละโครงการเช่นกัน เป็นเทรนด์ที่มีแนวโน้มที่ใหม่และมีแต่จะใหม่ขึ้นเรื่อยๆ
และมิติที่สอง จะเป็นเทรนด์การนำนวัตกรรมต่างประเทศเข้ามาใช้ การร่วมทุนกับต่างชาติ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่มีการร่วมทุนกับต่างชาติประมาณ 7 บริษัท โดยประเทศที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความทันสมัย มีดีไซน์ที่ดี ปัจจัยในปีหน้าที่ต้องระวังคือ กำลังซื้อ ต้นทุนการก่อสร้าง ราคาที่ดิน สภาวะการแข่งขันที่สูง ที่ทำให้เกิดความเปราะบางทั้งในส่วนของผู้ซื้อและผู้ประกอบการ ส่วนทำเลเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ยังคงเชื่อว่าจะเป็นทำเลที่เกาะแนวรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายหลายๆ โครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ทางด้าน นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ ได้ให้ความเห็นไว้ว่า "ในปีหน้าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ที่จะช่วยผลักดันให้ภาคอสังหาฯ เติบโตตามไปด้วย รวมถึงหนี้ภาคครัวเรือนในกลุ่มของลูกค้าระดับกลาง ระดับล่าง ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลง จะเป็นปัจจัยเสริมให้ปีหน้าเกิดกำลังการซื้อที่อยู่อาศัย และเกิดการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น"
ในส่วนของภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เป็นช่วงที่ไม่ค่อยครึกครื้นมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาคนไทยยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ซึ่งเป็นความโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
ส่วนการคาดการตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า มีแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจน ด้วยปัจจัยทั้งในเรื่องของการเมืองที่ได้มีกำหมดเลือกตั้งออกมาเป็นที่เรียบร้อย ประกอบกับปัจจัยในด้านอื่นด้วย ทั้งในด้านการส่งออก หรือไม่ว่าจะเป็นโปรเจ็ครถไฟฟ้าสายต่างที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตามแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ ปี 2661 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ด้วยปัจจัยบวกหลายๆอย่าง จะทำให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น