บิ๊กอสังหาฯชี้คอนโดฯล้นเชียงใหม่ แห่ผุดกว่า 100 แห่ง เบนเข็มลุยธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ต รองรับนักท่องเที่ยวแห่เข้าไทย นายวัชระ ตันตรานนท์ ประธานกลุ่ม บริษัทวีกรุ๊ป คอนสตรัคชั่น จำกัด นักพัฒนาที่ดินรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า แนวโน้มการพัฒนาที่ดินในปีนี้ จะเน้นไปทางโครงการโรงแรม รีสอร์ต มากกว่า เพราะมองว่าธุรกิจตัวนี้ยังมีอนาคตอยู่ เราจะเห็นว่ารัฐบาลที่ผ่านมาธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นรายได้อันดับ 1 ของประเทศแล้วตอนนี้ สนามบินเชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวบริหารในปี 2559 มีถึง 9.5 ล้านคน และมีโครงการที่จะขยายอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติมในระยะ 2 ปีต่อจากนี้ โดยใช้งบประมาณ 6,500 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 18-20 ล้านคน/ปี ยอดจองห้องพักในเชียงใหม่ 80-90% ตลอดทั้งปี
“การสร้างโรงแรมมี 2 แนวทาง ทั้งพัฒนาที่ดินและเปิดบริการเองและสร้างมาเพื่อขายด้วย คาดว่าอย่างช้าปลายปีนี้คงจะลงมือ อีก 1-2 แห่ง เพราะมองแล้วว่าอย่างน้อยเป็นธุรกิจที่มีอนาคต นักลงทุนส่วนหนึ่งจะให้ความสนใจซื้อกิจการโรงแรมที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งผังเมืองเชียงใหม่มีข้อจำกัดพอสมควร เช่นอยู่ในเขตกำแพงเมือง ก็สร้างสูงได้แค่ 12 เมตร และพื้นที่ไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร ส่วนเขตอื่นๆห้ามสร้างสูงเกิน 23 เมตร หรือสูงประมาณ 8 ชั้น ซึ่งไม่คุ้มกับมูลค่าที่ดินในปัจจุบัน”
นายวัชระ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ขยายตัวอย่างแน่นอน และเติบโตแบบกระจายไปทุกจุด จะเห็นว่าถนนสายสันกำแพง สายหางดง สายแม่ริม สายแม่โจ้ ก็ขยายตัวกระจายไปทั่วเมืองเชียงใหม่ โดยนักธุรกิจท้องถิ่นค่อนข้างจะเสียเปรียบแล้วในการหาแหล่งเงินทุน ขณะที่นักธุรกิจจากส่วนกลางซึ่งส่วนใหญ่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์สามารถระดมทุนในการดำเนินงานบริหารดูแลได้ง่ายกว่า
“ส่วนแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์คงเป็นที่อยู่อาศัยประเภทบ้านจัดสรร และอาจจะเป็นคอมมิวนิตีมอลล์ ที่กระจายออกไปตามรอบนอก เป็นอาคารพาณิชย์ เป็นที่อยู่อาศัยด้วย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ทำเลที่ตั้ง การถ้าทำอะไรอยู่ในทำเลดีขึ้นมาคนก็แย่งซื้อด้วยซ้ำ”
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ใน ส่วนคอนโดมิเนียมเชียงใหม่ล้นแล้ว ไม่ควรจะทำในตอนนี้ถึงแม้ว่าทำเลจะดีอย่างไรก็ตามต้องหยุดไว้ก่อน เพราะว่าโอเวอร์ซัพพลายแล้ว แล้วอำนาจการซื้อของคนท้องถิ่นเกือบไม่มีแล้ว แม้ว่าจะเป็นคนที่อื่นมาซื้อก็ยังยาก รอชาวต่างชาติมาซื้อ ก็ติดปัญหา ถ้าหากว่ารัฐบาลแก้ไข ให้คนต่างชาติซื้อได้มากกว่า 49% ก็จะเป็นอนาคตอันหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจนี้เติบโตได้
“ปัจจุบัน คอนโดมิเนียมในเชียงใหม่ตอนนี้มีมากว่า 100 แท่งขึ้นไป และบางแห่งขายได้น้อยมาก และที่เหลือก็มีมาก คนที่ขายได้ก็คือขายได้ ส่วนคนที่ขายไม่ได้ก็คือขายไม่ได้เลย ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะว่าเงินจำนวนมากหลายพันล้านบาที่เอาไปจมในสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ แทนที่จะเป็นเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของจังหวัด”
นายวัชระ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสร้างคอนโดมิเนียมเพื่อรองรับชาวต่างชาตินั้น จะต้องพิจารณานโยบายส่งเสริมการลงทุนของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนด้วย บางประเทศให้สิทธิการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นานถึง 90 ปี ผู้สูงอายุอยู่ได้ถึงนาน 10 ปี แต่สำหรับประเทศอนุญาตให้แค่ 5 ปี แต่ก็ยังต้องมีเงินฝาก 3 ล้านบาทขึ้นไป อย่างกัมพูชา ก็มีโครงการจะสร้างศูนย์การค้าใหญ่และสูงที่สุดในโลก และอาจเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในที่สุด
ที่มา : thansettakij