โคราชประตูสู่ภาคอีสานกำลังจะเนรมิตร “อ่างห้วยยาง” ให้กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างจังหวัด โดยจะพลิกโฉม อ่างห้วยยาง ให้กลายเป็นหาดทรายน้ำจืด สำหรับท่องเที่ยวพักผ่อน ออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬาต่างๆ และส่งเสริมการท่องเที่ยวให้คึกคัก โดยจะใช้งบในการก่อสร้างราว 30 ล้านบาท
ล่าสุด ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายก อบจ.นครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักการช่าง นำโดย นายธีระชัย เทพนอก ผู้อำนวยการสำนักการช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ หน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด เข้าดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยบ้านยาง ให้เป็นหาดทรายน้ำจืดของโคราช เพื่อรองรับกับการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา
สำหรับการเข้าปรับปรุงพื้นที่โครงการอ่างห้วยยางครั้งนี้ ในช่วงที่รองบประมาณจะใช้เครื่องจักรของ อบจ.และ เทศบาล ต.สุรนารี เข้าไปเริ่มปรับภูมิทัศน์ก่อนงบประมาณการก่อสร้างกว่า 30 ล้านบาทจะอนุมัติตามขั้นตอน หากได้งบก่อสร้างแล้วสามารถเริ่มก่อสร้างเสร็จภายใน 6 เดือน คาดว่าจะเปิดให้ประชาชนมาท่องเที่ยว พักผ่อนได้ภายในปี 2561
นอกจากการพลิกโฉมใหม่อ่างห้วยยางแล้ว ยังมีแนวคิดที่จะมีการตัดถนนเส้นใหม่เชื่อมระหว่าง “อ่างห้วยยาง” ไปที่ “วัดพระธาตุโป่งดินสอ” ประมาณ 1.2 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนที่มากราบไหว้พระที่วัดเสร็จแล้วก็แวะมาพักผ่อนที่อ่างห้วยยางต่อได้เลย
ด้าน นายสมยศ รัตนปริยานุช นายกเทศมนตรีตำบลสุรนารี กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่โครงการปรับโฉมใหม่ “อ่างห้วยยาง” ได้พัฒนาจากตรงพื้นที่เดิม โดยขณะนี้คืบหน้าไป 90% แล้วในส่วนของการเคลียร์พื้นที่ปรับภูมิทัศน์ ในรูปแบบที่จะสร้างให้สมบูรณ์แบบเลย เป็นรูปแบบที่มีหาดทราย มีต้นมะพร้าว และที่สำหรับนั่งเล่นเพื่อเอาไว้สำหรับพักผ่อน
“ส่วนเรื่องถนน ต้องพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ทั้งหมดพร้อมกับอาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อจะใช้เป็นที่พักผ่อน ตอนนี้ทางกองทัพภาคที่ 2 โดยพลโทสนธยา ศรีเจริญ แม่ทัพน้อยที่ 2 และองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ เทศบาลต.สุรนารี พร้อมหน่วยงานองค์กรในตำบลได้ร่วมมือกับจิตอาสาของ อำเภอเมือง และต.สุรนารี มาร่วมกันทำความดีในการพัฒนาอ่างห้วยยาง ให้กับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อีกด้วย”
สำหรับรูปแบบการพัฒนาโครงการบริเวณหาดบนจะทำเป็น 2 ชั้น ความยาวชั้นละ 5 เมตร เอาไว้สำหรับที่นั่งชมหาด และปลูกต้นมะพร้าวตลอดชายหาด จะมีพื้นที่สำหรับวางเก้าอี้-เตียงผ้าใบ ประมาณ 200 กว่าตัว ซึ่งจะจัดสรรให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มนักเรียน เพื่อสร้างรายได้และให้ช่วยกันดูแล ถือว่าเป็นสมบัติของทุกคนที่จะต้องช่วยกันรักษา ทั้งเรื่องของความสะอาด และความปลอดภัย
“เรื่องทรายที่จะนำมาใช้ในการปรับภูมิทัศน์ครั้งนี้ จะแบ่งเป็น 2 ชนิด ทรายรองพื้นจะเป็นทรายทั่วไปที่หาได้ตามบ้านเรา ส่วนทรายที่เป็นหน้าหาดจะต้องเป็นทรายขาวจากจ.ระยอง เพราะจะให้บรรยากาศและสีสันเหมือนทะเลจริงๆ ทรายขาวนี้ต้องมีความหนาอย่างน้อย 30 ซม. ซึ่งภายในเดือนมีนาคมนี้ ตนจะเดินทางไป จ.ระยอง เพื่อพูดคุยเจรจาเรื่องทรายกับนายกฯ ที่ระยอง” นายสมยศ กล่าว
ที่มาและภาพประกอบ : executivekorat