เคยเจอปัญหาผนังที่ทาสีไปแล้วใช้ไปสักพักสีเกิดหลุดมาเป็นแผ่นหรือปูดบวมออกมาไหมครับ ปัญหานั้นเกิดจากการที่ผนังปูนยังคงมีความชื้น ช่างไม่รอให้ผนังแห้งสนิทเสียก่อน หรือจะเป็นการที่ได้ผนังที่สีไม่สม่ำเสมอกัน ดูไม่สวยงาม ทาทับไปทับมาอาการยิ่งแย่ไปใหญ่ แล้วแบบนี้ต้องทำอย่างไรถึงจะตรวจงานช่างทาสีแบบที่รู้ทันช่างได้
Baania มีแนวทางการตรวจงานการทาสีของช่างมาให้ดูกัน ต่อไปจะได้รู้ว่าช่างทาสีถูกต้องตามวิธีการหรือยัง ผนังทาสีของเราจะได้อยู่คู่บ้านของเราไปนานๆ เรียบ เนียน สวยสมใจ โดยมีขั้นตอนตรวจงานดังนี้ครับ
1. เลือกสีให้ตรงความต้องการและงบประมาณ
ถ้าท่านเจ้าของบ้านเป็นผู้เลือกซื้อสีเอง ก่อนอื่นให้ดูว่าจะมองหาสีเกรดอะไร โดยทั่วไปจะมี 3 เกรด คือเกรดพิเศษ อายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไป, เกรดมาตรฐาน อายุการใช้งานประมาณ 5 ปี, และ เกรดประหยัด อายุการใช้งานประมาณ 2-5 ปี ราคาก็จะแตกต่างกัน แต่แนะนำว่าให้ใช้เกรดมาตรฐานขึ้นไปนะครับ คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
ต่อมาก็มาเลือกที่คุณสมบัติพิเศษของสีแต่ละยี่ห้อ เช่น เป็นสียืดหยุ่นสูงเหมาะสำหรับทาได้ทั้งภายนอกภายใน สีกันความร้อนช่วยให้บ้านเย็น สีเช็คล้างทำความสะอาดได้ที่เหมาะกับบริเวณที่เปื้อนได้ง่าย รวมไปถึงสีที่ไม่ต้องทารองพื้นก่อนก็มีเช่นกัน อย่างไรก็ตามลองดูรายละเอียดข้างถังว่าเป็นสีสำหรับใช้ทำอะไร แล้วเปรียบเทียบกับราคาสีต่อตารางเมตรที่คาดว่าจะใช้ ดูว่าอันไหนตรงกับความต้องการและคุ้มค่ามากที่สุด
2. ตรวจสเปคสี ก่อนจะทา
ถ้าช่างเป็นผู้จัดหาซื้อสีมาเองตามแบบ ให้ตรวจสอบว่าช่างใช้สี ชนิด ยี่ห้อ และ โทนสีถูกต้องตามที่สถาปนิกหรือเจ้าของบ้านเป็นผู้กำหนด ถ้าเป็นสีผสมควรมาล็อตเดียวกัน เพื่อให้สีไม่แตกต่างกันมาก ถ้าดูแล้วเป็นสีที่ซื้อมาจากจากร้านขายวัสดุก่อสร้างทั่วไปหรือนำสีเก่ามาใช้ซ้ำ ควรดูระยะเวลาตั้งแต่บรรจุสีหรือตั้งแต่เปิดกระป๋องว่าเนื้อสีหมดสภาพหรือยัง
จากนั้นให้ตรวจว่าผนังที่จะทาเหมาะสมกับสีที่ระบุในแบบหรือไม่ เช่น ผนังฉาบปูนไม่ควรทาสีน้ำมันเพราะสีจะหลุดลอกได้และจะดูไม่เรียบร้อยเมื่อทา ควรเลือกใช้สีอะคริลิกแทน ตรงนี้อาจจะศึกษาจากคู่มือของสีที่ซื้อมาว่าเหมาะกับผนังแบบใด สีที่ใช้เป็นสีสำหรับทาภายนอกหรือภายใน
3. ตรวจการเตรียมพื้นที่ก่อนทา
ตรวจสอบการเตรียมพื้นผิวผนังก่อนทา พื้นผิวต้องแห้ง สะอาด ไม่มีฝุ่น เศษปูน คราบไขมัน ต่างๆ โดยหากเป็นผนังเก่า ต้องมีการลอกและขัดสีเก่าออกและขัดผนังให้เรียบก่อน และควรทาด้วยน้ำยากำจัดและยับยั้งเชื้อราและตะไคร่น้ำแล้วทิ้งไว้หนึ่งคืนหรือจนกว่าผนังจะแห้งสนิท ถ้าผนังมีรอยร้าวหรือเป็นหลุมไม่เรียบให้โป๊วและขัดผนังให้เรียบก่อน แต่ถ้าเป็นผนังใหม่ต้องทิ้งไว้อย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าผนังไม่มีความชื้นเหลืออยู่
นอกจากนี้ช่างต้องรองพื้นที่จะทาด้วยหนังสือพิมพ์หรือเทปพลาสติกในส่วนของพื้น เนื่องจากลูกกลิ้งจะทาไม่ถึงมุมผนังและป้องกันสีหยด แล้วถ้ามีเฟอร์นิเจอร์ที่ย้ายไม่ได้หรือเฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อินก็ต้องให้ช่างห่อเฟอร์นิเจอร์ก่อนทาสี
ถ้าเป็นผนังภายนอก แล้วต้องมีการขึ้นไปทาบนที่สูง ให้ตรวจดูวิธีการทำงานของช่างว่ามีความปลอดภัยในการใช้บันไดและการต่อนั่งร้านต้องมีความแข็งแรง และคอยตรวจดูในขั้นตอนทาสีว่าช่างได้เก็บรายละเอียดในส่วนของบัวรอบช่องเปิดต่างๆ หรือมุมต่างๆ ที่มองไม่เห็นหรือไม่
4. ตรวจการทาสีและการรอสีแห้ง
ช่างต้องมีการทาสีรองพื้นก่อนหนึ่งรอบ แล้วถึงจะทาสีจริงลงไปอีกสองรอบ ตรวจสอบระยะเวลาต้องรอให้สีแห้งก่อนจะทาทับครั้งต่อไป เงื่อนไขเป็นไปตามคู่มือการใช้สีชนิดนั้นๆ โดยปกติถ้าเป็นพื้นปูนเก่าควรทาน้ำยารองพื้นปูนเก่าสูตรน้ำมัน เพื่อเสริมการยึดเกาะ 1 เที่ยว แล้วทิ้งให้แห้ง 12 ชั่วโมง ส่วนพื้นปูนใหม่ ทาสีรองพื้นปูนใหม่ 1 เที่ยว ทิ้งให้แห้ง 30 นาที - 2 ชั่วโมงก่อนทาสีทับหน้า
สำหรับขั้นตอนนี้ก็ดูว่าช่างทาสีแต่ละรอบได้สม่ำเสมอกันหรือไม่ ผนังด้านเดียวกันควรทารวดเดียวกันไปเลยเพื่อให้สีแห้งพร้อมๆ กัน จะคำนวณเวลาทาสีรอบต่อไปได้ง่ายขึ้น การทาสีหากใช้ลูกกลิ้ง ก็ให้ทาสีแบบต่อเนื่อง ขยับแปลงเป็นรูปตัว W เพื่อให้ทาสีมีความต่อเนื่อง เรียบเนียนกว่าการยกลูกกลิ้งแล้วทา แล้วถึงใช้แปรงทาสีเก็บรายละเอียดตรงขอบที่ลูกกลิ้งไปไม่ถึง
5. รอสีแห้งและเก็บงาน
เมื่อทาสีครบทุกรอบแล้ว ก็ต้องรอสีแห้งประมาณ 1 วันหรือมากกว่านั้น ช่วงรอนี้ก็ต้องคอยดูว่าไม่ให้ใครไปโดนผนังที่ทาสีไว้ อาจจะหาเชือกมากั้นไว้ รอจนสีแห้งก็ให้ลอกเทปพลาสติกที่พื้นออก พร้อมเก็บรายละเอียดบางจุดที่อยากซ่อมแซมก็เป็นอันแล้วเสร็จครับ
เอาจริงๆ การทาสีเป็นเรื่องที่ไม่ยาก เพียงแต่ว่าขั้นตอนการเลือกสีที่ร้านนี่แหละที่ชวนปวดหัวมากที่สุด ว่าจะใช้สีแบบไหน โทนสีอะไร ราคาเท่าไหร่ แล้วจะซื้อสีกี่กระป๋องดี คนส่วนใหญ่ก็เลยให้ช่างเป็นคนจัดการ ซึ่งมักเกิดปัญหาซื้อสีมาเกินหรือซื้อมาขาด จริงๆ แล้วมีหลักคำนวณง่ายๆ คือ ต้องหาตารางเมตรที่จะใช้ทาสี คูณจำนวนรอบที่จะทา แล้วเอาไปหารด้วย พื้นที่ที่ทาได้สำหรับสี 1 กระป๋อง ก็จะรู้แล้วว่า ต้องซื้อสีกี่กระป๋องครับ
ถ้าคุณเจ้าของบ้านพอจะมีเวลาอยากจะรีโนเวทห้องสักห้องด้วยการทาสีใหม่ ลองทาสีเองสักครั้งร่วมกับคนในครอบครัวก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกนะครับ แล้วจะรู้ว่าการทาสีก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
ส่วนใครที่อยากรู้แนวทางการตรวจบ้านก่อนรับโอนแบบสรุปมาให้ทุกส่วน เรามีเช็คลิสต์ตรวจบ้านก่อนรับโอนมาแนะนำด้วยเช่นกัน คุณสามารถติดตามได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ