หากขับรถเลียบเลาะถนนบางนาตราดเรื่อยไปจนถึงก.ม.7 เราก็จะได้พบกับบ้านหลังใหญ่ในบรรยากาศแสนอบอุ่นภายในหมู่บ้านนันทวันของ 'คุณนุช - นุชนาถ ระวีแสงสูรย์' เซเลบริตี้สาวมาดเท่ที่เรามักพบเห็นภาพข่าวของเธอตามสื่อหน้าสังคมทั่วไปจนคุ้นชิน ปัจจุบันนี้จะคุณนุชมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของ บริษัท ซีแลนด์ คาสติ้ง แอนด์ แมชินนิ่ง จำกัด (Sealand Casting & Machinning Co.,Ltd.) ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเธอเอง
"เมื่อก่อนครอบครัวเราอยู่ที่พระราม 2 แล้วก็ย้ายมาสุขสวัสดิ์ และล่าสุดก็ย้ายมาอยู่ที่บางนานี่ล่ะค่ะ ครอบครัวเราย้ายบ้านมาแล้ว 3 ที่ภายในระยะเวลา 5 ปี (หัวเราะ) เหตุผลที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ก็เพราะหลานสาวสองคนเรียนอยู่โรงเรียนอินเตอร์ในซอยนี้ แล้วตอนที่บ้านเราอยู่ถนนสุขสวัสดิ์ การที่เด็กๆ ต้องเดินทางมาเรียนที่นี่รถจะติดมาก เราก็สงสารหลานตัวเล็กๆ ที่ต้องตื่นเช้าแล้วเวลาจะกินข้าวก็ไม่มี พอดีว่าน้องชายเขามาเห็นบ้านในโครงการนี้แล้วเกิดถูกใจ ก็เลยตัดสินใจร่วมกันว่าย้ายบ้านกันดีไหม?"
คุณนุชเล่าถึงที่มาของการโยกย้ายนิวาสสถานจากเดิมที่อยู่ติดกับโรงงานเพื่อแลกกับการอนาคตทางการศึกษาของหลานสาวตัวน้อยทั้งสองคน ในที่สุดคุณนุชและน้องชายก็ตัดสินใจซื้อบ้านหลังงามถึงสองหลังภายในอาณาเขตที่เชื่อมต่อติดกัน มีเพียงรั้วกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวของแต่ละครอบครัวนั่นเอง
ทุกฟังก์ชั่นฉันเลือกเอง
ภายในเนื้อที่กว่า 120 ตรว. ถูกปลูกสร้างด้วยบ้านสวยสองชั้นสไตล์ Luxury Home เน้นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปภายในตัวบ้านประกอบไปด้วยห้องอาหาร 1 ห้อง ห้องครัว 2 ส่วน ห้องนอน 4 ห้อง ห้องนั่งเล่น 3 ห้อง ห้องน้ำ 5 ห้อง พื้นที่จอดรถ 3 คัน และสวนหย่อมโดยรอบที่เจ้าของบ้านมาดเท่กำลังทำการตกแต่งให้แล้วเสร็จ คุณนุชเล่าว่าการตกแต่งโดยรวมของเดิมที่ทางโครงการทำให้นั้นดีอยู่แล้ว เธอแค่ให้ช่างมาทำการปรับเปลี่ยนตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยทุกอย่างก็ลงตัวแบบไม่ต้องยุ่งยากนัก
"อย่างพวกวอลล์เปเปอร์โดยรวมแล้วเขาทำค่อนข้างสวยแล้วนะ เราแค่มาปรับเปลี่ยนบางห้อง มีการเพิ่มลวดลายสีทองเพื่อไม่ให้บางจุดมันดูเรียบเกินไป นอกนั้นก็มียกสเต็ปฝ้าเพดานใหม่ เพื่อที่เราสามารถทำรางผ้าม่านแบบซ่อนได้ มีการต่อเติมโคมไฟพวกแชนเดอเลียร์เพิ่มเข้าไป และทำชั้นทีวีเพิ่มอีกนิดหน่อยก็ลงตัวแล้ว ด้วยโครงสร้างของบ้านที่ออกแนวยุโรป พวกเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกใช้มาแต่งห้องก็จะเป็นสไตล์ Contemporary Classic เพื่อให้ทุกอย่างมันดูกลมกลืนไปด้วยกันเน้นสีเอิร์ธโทนประเภทสีครีม สีขาว สีน้ำตาล"
ห้องนั่งเล่นห้องแรกถูกตกแต่งด้วยโซฟาทรงหรูบุผ้ากำมะหยี่สีควันบุหรี่เข้ม ประดับด้วยไม้แกะสลักเคลือบเงาขนาดหนึ่งที่นั่งและสามที่นั่ง ส่วนเก้าอี้รับแขกหนังวัวลายสวยจากประเทศสเปนนั้น คุณนุชตั้งใจนำมาวางให้มิกซ์แอนด์แมทช์กับโซฟาสไตล์ยุโรป เพื่อสร้างความรู้สึกแตกต่างให้กับผู้คนที่มาเยือนห้องรับแขกแห่งนี้ของเธอ
ถัดไปจากห้องนั่งเล่นอีกนิดก็เป็นห้องรับประทานอาหารของครอบครัว มีโต๊ะทานข้าวไม้สักทรงกลมและเก้าอี้จำนวนแปดที่นั่ง ด้านบนมีแชนเดอเลียร์คริสตัลไล่ระดับที่แฝงลูกเล่นไฟกระพริบเอาไว้อีกด้วย เยื้องไปอีกหน่อยก็จะพบกับพื้นที่ของห้องครัวเพนทรีที่เน้นการทำอาหารแบบง่ายๆประเภทชา กาแฟ หรืออาหารฝรั่ง ในส่วนของครัวไทยนั้นคุณนุชแยกไว้อีกห้องในด้านหลังของตัวบ้าน เพื่อป้องกันกลิ่นและควันที่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของครัวไทยแท้ๆ
"หลักๆ จะใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งดูหนังกับคุณแม่ที่ห้องโฮมเธียเตอร์มากกว่า ที่ชอบเพราะว่าห้องนี้มีเก้าอี้ไฟฟ้ามันนั่งดูทีวีสบายกว่า เรานั่งยืดขาเหยียดขาได้เต็มที่เลยค่ะ ตั้งแต่อยู่บ้านทุกที่มา โจทย์ของเราก็คือทุกบ้านที่เราย้ายไปจะต้องมีห้องโฮมเธียเตอร์หมดทุกหลัง เพราะตัวเองเป็นคนติดดูหนัง แต่จะไม่ชอบไปดูที่โรง"
ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังตัวบ้านชั้น 2 เราก็พบกับภาพเขียนต่างๆ ที่คุณนุชประมูลมาเพื่อหารายได้ช่วยการกุศลเวลาที่เธอไปร่วมงานอีเว้นท์ต่างๆ มากมายหลายภาพ และนอกจากนั้นก็ยังมีบรรดาแจกัน และโถชามลวดลายจีนสวยๆ อายุหลายสิบปีที่คุณพ่อของเธอมอบให้วางเรียงรายอยู่ตรงมุมที่พักบันได
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสองห้องแรกที่เราพบก็คือห้องนั่งเล่นซึ่งถูกออกแบบให้มีแสงสว่างเข้ามาได้ทั่วถึง สามารถเปิดกระจกรับลมและถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี ซึ่งห้องนี้คุณนุชดัดแปลงให้กลายมาเป็นห้องอ่านหนังสือและห้องคาราโอเกะเล็กๆของสมาชิกในบ้านที่ต้องการผ่อนคลายในวันหยุดสุดสัปดาห์ ก่อนจะเข้าไปชมบรรยากาศห้องนอนของคุณนุช ผมสังเกตุเห็นห้องพระที่อยู่บนชั้นลอย ซึ่งเป็นความตั้งใจของผู้ออกแบบที่เล่นระดับให้หิ้งพระอยู่บนชั้นสูงสุดของบ้านนั่นเอง
"ในส่วนของห้องนอนจะเป็นห้อง Master Bedroom ความกว้างประมาณ 100 กว่า ตรม. ได้ค่ะ ภายในห้องนอนนี่จะถูกแบ่งสัดส่วนออกไปเป็นห้องแต่งตัวและห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นด้วย ในส่วนของห้องแต่งตัวนี่จะชอบมาก เพราะทางโครงการเขาทำตู้เสื้อผ้าให้เป็น Walk – In Closet เลย มันก็ใส่เสื้อผ้าได้เยอะพอสมควรนะคะ ซึ่งมันก็ดีเพราะเราเป็นคนที่มีเสื้อผ้าเยอะมาก"
สำหรับห้องนอนนั้นคุณนุชเน้นการตกแต่งที่ให้อารมณ์แบบเคร่งขรึมนิดๆ เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นเป็นสีโทนเข้มอย่างสีน้ำตาลเข้มและสีดำ โดยเฉพาะวอลเปเปอร์ สีน้ำตาล – ทอง ตรงผนังหัวเตียงที่เจ้าตัวบอกกับอินทีเรียไว้ว่าอยากได้อารมณ์อียิปต์แฝงความลึกลับซับซ้อนนิดๆ ซึ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้สามารถตอบรับความกับต้องการของเธอได้ครบถ้วนทุกสิ่งอย่างได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้
ห้องน้ำกลางแสงดาว
ติดกันกับห้องแต่งตัวของคุณนุชก็เป็นห้องน้ำที่เน้นการตกแต่งสะอาดตาโทนสีขาวบริสุทธิ์ ในห้องน้ำแบ่งเป็นพื้นที่แห้งและพื้นที่เปียกพร้อมกับอ่างอาบน้ำใบใหญ่ที่วางเด่นสะดุดตาอยู่ตรงมุมห้อง นอกจากห้องน้ำห้องนี้แล้ว ยังมีมุมอาบน้ำเล็กๆ แบบเอ้าท์ดอร์ที่แยกออกจากตัวห้องน้ำหลักออกไปต่างหาก เพื่อเป็นการเปลี่ยนความรู้สึกของการอาบน้ำแบบเดิมๆ ในวันที่เจ้าของห้องนึกสนุกต้องการอาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์ในค่ำคืนโรแมนติก
"ห้องน้ำแบบนี้มันให้ความรู้สึกดีกับเรามากนะคะ เพราะนอกจากจะสวยงามกว้างขวางแล้วเรายังสามารถออกไปอาบน้ำข้างนอกแบบโอเพ่นก็ได้ อาบไปดูดาวไปมีความสุขสุดๆ " คุณนุชบรรยายถึงห้องน้ำในฝันของเธอให้เราฟังด้วยน้ำเสียงอันชื่นมื่น
Home sweet home
"บ้านเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตเรา และบ้านพี่เป็นครอบครัวใหญ่เราจึงต้องให้ความสำคัญกับบ้านนี้พอสมควร ยิ่งวันเสาร์ – อาทิตย์ เราจะไม่ค่อยอยากไปไหน ก็จะชอบใช้เวลาดูหนังที่บ้าน ไม่ต้องคุยกับใคร นั่งเงียบๆ นิ่งๆ ดูหนังไป หรือบางทีก็จะออกไปว่ายน้ำ ไปวิ่ง ไปเดินออกกำลังกาย เราจะแฮปปี้มาก ที่สำคัญครอบครัวของเราต้อง Home Sweet Home บ้านในความหมายของเราคือบ้านที่เราอยู่แล้วมีความอบอุ่นด้วย ไม่ใช่แค่อยู่สุขสบาย ไม่ใช่แค่ความสวยงามของตัวบ้าน หลังจากนี้เราคงไม่ย้ายแล้วไปไหนแล้วที่นี่ลงตัวที่สุดแล้วค่ะ"
เรื่อง : ชวลิต อรุณทัต
ภาพ : ชัยธัช ศิรประภาชัย
บทความที่เกี่ยวข้อง: