ขิง สมุนไพรมากสรรพคุณ

ขิง นับว่าเป็นพืชสมุนไพรที่ทุกคนรู้จักดี เนื่องจากเป็นสมุนไพรคู่บ้าน และคู่ครัว ซึ่งหลายๆ คนรู้ว่าขิงเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าขิงนั้นยังมีสรรพคุณต่างๆ ที่แอบซ่อนอยู่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการนำมาใช้ปรุงอาหาร หรือการนำมาใช้เป็นยา ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเปิดเผยรายละเอียด และคุณประโยชน์ต่างๆ ของขิงอย่างละเอียด

1. ขิงมีประโยชน์อย่างไร

ขิงเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ เพราะขิงนั้นประกอบด้วยสารอาหาร และวิตามินต่างๆ มากมาย ด้วยสารอาหารที่หลากหลายที่มีอยู่ในตัวเองนั้นทำให้ขิงนั้นมีคุณสมบัติอย่างครบถ้วนในการบำรุงร่างกาย และรักษาโรค ดังนั้นขิงจึงจัดได้ว่าเป็นทั้งอาหาร เครื่องเทศ และสมุนไพรตามธรรมชาติ ที่มากสรรพคุณนั่นเอง
 
ขิงเป็นพืชที่มีเหง้าอยู่ในดิน ปลูกง่าย โตเร็ว สามารถนำทุกส่วนของขิงมาใช้ประโยชน์ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ราก เหง้า ต้น ดอก ใบ แก่น ซึ่งขิงนั้นสามารถนำไปทำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม รวมไปถึงการนำส่วนต่างๆ ของขิงไปใช้เป็นยารักษาโรค ด้วยสรรพคุณที่ค่อนข้างกว้าง และครอบคลุมการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ทำให้ขิงเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน

2. คุณค่าทางโภชนาการ

คุณค่าทางโภชนาการต่างๆ ของขิงนั้นมีอยู่มากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ต้องแยกคุณสมบัติทางโภชนาการออกจากคุณสมบัติในเรื่องรสชาติ โดยคุณค่าทางโภชนาการของขิงนั้นหมายถึงแร่ธาตุต่างๆ ที่มีอยู่ในชิ้นส่วนของขิง ซึ่งแร่ธาตุเหล่านั้นต้องเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์นั่นเอง
 
คุณค่าทางโภชนาการของขิงต่อสัดส่วน 100 กรัมนั้นมีสารอาหารต่างๆ ดังนี้ พลังงาน 25 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เส้นใย เหล็ก เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินประเภทต่างๆ อย่างเช่น ไทอามีน(วิตามินบี1) ไนอะซิน(วิตามินบี3) และไรโบเฟลวิน(วิตามินบี2) จะเห็นได้ว่าคุณค่าทางโภชนาการของขิงนั้นมีค่อนข้างมาก และครบถ้วนเลยทีเดียว
 
มาลองดูคุณค่าทางโภชนาการของขิงว่าแร่ธาตุต่างๆ นั้นสามารถช่วยบำรุงร่างกายของเราได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น เบต้าแคโรทีน เป็นส่วนสำคัญสำหรับระบบสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ร่างกายสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอได้มากตามที่ร่างกายต้องการ รวมถึงเบต้าแคโรทีนยังสามารถทำหน้าที่เสมือนสารต่อต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วย

3. วิธีปลูกขิง

แม้ว่าขิงจะเป็นพืชสมุนไพรที่สามารถหาซื้อได้ง่ายมาก ทำให้หลายคนไม่คิดจะปลูก แต่บางครั้งการปลูกขิงด้วยตัวเองไว้ภายในบริเวณบ้านก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่น้อย นอกจากจะสามารถใช้ประโยชน์จากขิงเพื่อใช้ประกอบอาหารแล้ว ขิงยังสามารถใช้เป็นไม้ประดับสวนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากขิงเมื่อปลูกแล้วจัดแต่งเป็นรูปทรงตามต้องการก็สามารถที่จะเป็นไม้ประดับได้เลย
 
ด้วยธรรมชาติของขิงซึ่งเป็นพืชที่มีเหง้าอยู่ในดิน การปลูกขิงก็ต้องเริ่มต้นด้วยการเตรียมดินใส่กระถาง ซึ่งขิงนั้นเป็นพืชที่ชอบดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำได้ดี เมื่อเตรียมดินใส่กระถางเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงการเตรียมเหง้าขิง หรือหัวพันธุ์ ซึ่งเหง้าขิงที่นำมาใช้ควรเป็นเหง้าขิงแก่ มีอายุประมาณ 10-11 เดือน โดยนำมาผึ่งลมให้แห้ง แล้วตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 2 นิ้ว ซึ่งต้องมีตาติดอยู่ เพราะว่าขิงจะโตขึ้นมาจากตาที่ติดอยู่กับเหง้านั่นเอง
 
เมื่อเตรียมดิน และเตรียมเหง้าเรียบร้อย วิธีปลูกขิงก็ไม่มีอะไรยาก โดยแหวกดินให้เป็นหลุมประมาณ 5 ซ.ม. เอาดินกลบ รดน้ำให้ชุ่ม ขิงเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง แสงแดดจัด การปลูกขิงจึงต้องหาอะไรมาบังให้พอมีแดดรำไร รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง รวมไปถึงคอยสังเกตไม่ให้มีน้ำขังในกระถางอีกด้วย ไม่อย่างนั้นจะเกิดอาการเหง้าเน่าได้  
 
ขิงสามารถเก็บผลผลิตได้ในระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือนสำหรับขิงอ่อน และ 8–12 สำหรับขิงแก่

4. ส่วนต่างๆ ของขิง

ขิงเป็นพืชสมุนไพรที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนของต้น ซึ่งการนำส่วนต่างๆ ของขิงมาใช้นั้นก็แตกต่างไปตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบของอาหาร การนำไปทำเครื่องดื่ม รวมไปถึงการนำไปทำเป็นยารักษาโรค หรือนำไปบำรุงร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น เหง้าขิงซึ่งมีน้ำมันหอมระเหยอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร ให้กลิ่นและรสชาติเฉพาะของขิง
 
นอกจากจะใช้ทำเป็นส่วนประกอบของอาหารแล้ว เหง้าขิงยังสามารถทำเป็นยาต่างๆ หรือนำมาทำเป็นเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย นอกจากเหง้าขิงแล้ว ส่วนอื่นๆ ของขิง อย่างเช่น ลำต้น ดอก ใบ ราก ผล สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น แล้วแต่ความต้องการ อย่างเช่น ดอกขิงนั้นสามารถช่วยย่อยอาหารได้ เป็นต้น

5. สรรพคุณของขิง

อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า ขิงเป็นพืชสมุนไพรมากสรรพคุณไม่ว่าจะนำมาใช้ทำอาหาร หรือใช้ตามตำรับยา ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้ทั้งขิงสด และขิงสกัดมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดในรูปแบบต่างๆ ที่ได้รับการพัฒนาเป็นยาบำรุง หรือการใช้ขิงสดด้วยวิธีการตามตำราสมุนไพรพื้นบ้าน
 
สรรพคุณของขิงจะเป็นไปในด้านการดูแลสุขภาพ และรักษาอาการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการกระตุ้นหัวใจ แก้อาเจียน ป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ ขับลม ขับน้ำดีเพื่อช่วยย่อยอาหาร แก้หวัด แก้การบีบตัวของลำไส้ ช่วยให้เกิดความอยากอาหาร
 
ด้วยความที่ขิงเป็นพืชที่สามารถพบได้ในหลายแห่งทั่วโลก ทำให้ขิงนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์แตกต่างกันทางรูปลักษณ์ภายนอกไปบ้าง แต่สรรพคุณของขิงนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วย ทำให้ในตำรับยาสมุนไพรของหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย ยุโรป หรือแอฟริกา ล้วนมีตำรับยาซึ่งระบุถึงสรรพคุณของขิง 

6. น้ำขิง

น้ำขิงนับว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เนื่องจากกลิ่นที่หอมชวนดื่ม รวมไปถึงคุณประโยชน์ต่างๆ ที่อยู่ในน้ำขิง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ผ่อนคลาย แก้ปวดต่างๆ ลดไข้ บำรุงสมอง แก้เจ็บคอ ต้านโรคเบาหวาน ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ส่วนประโยชน์เฉพาะสำหรับผู้หญิง น้ำขิงสามารถช่วยลดอาการแพ้ท้อง แก้ปวดประจำเดือน และแก้ท้องอืดท้องเฟ้อระหว่างที่มีประจำเดือนได้

วิธีการทำน้ำขิงเพื่อดื่มเองนั้นก็ไม่ยาก เพียงแค่นำขิงแก่มาปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด แล้วทุบให้แตก จากนั้นก็ตั้งน้ำสะอาดในปริมาณที่พอเหมาะ ใส่ขิงที่ทุบแล้วลงไป ตั้งไฟให้เดือดแล้วเบาไฟลง ต้มต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 20 นาทีจนน้ำที่ต้มมีสีเหลืองอ่อน ถ้ามีสีเข้มเกินไปให้เติมน้ำเพิ่มแล้วต้มจนเดือดอีกครั้ง จากนั้นก็ยกออก น้ำขิงสามารถนำไปทานแบบร้อน หรือแบบเย็นก็ได้ หรือจะเพิ่มความหวานโดยใส่น้ำตาลเพิ่ม หรือผสมน้ำผึ้งก็ได้

7. อาหารคาว

การนำขิงมาประกอบอาหารคาวนั้นเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ทั่วไป ด้วยรสชาติเผ็ดซ่า รวมไปถึงกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้ขิงสามารถนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารคาวได้หลากหลาย โดยเฉพาะอาหารไทยที่ต้องการรสชาติเฉพาะของสมุนไพรต่างๆ ที่นำมาผสมกันในเมนูนั้น
 
อาหารจากขิงส่วนมากจะได้รับการยอมรับว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เมนูอาหารจากขิงยอดนิยม เช่น ไก่ หมู ปลา หรือเนื้อสัตว์ต่างๆ ผัดขิง เมนูผัดขิงนับว่าเป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ทำได้ง่าย ทานได้ง่าย หรือเมนูซุป ซึ่งซุปขิงนั้นเป็นอาหารเบาๆ ที่สามารถใส่เนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ลวกสุกแล้วได้ตามต้องการ หรือเครื่องเคียงอย่าง ขิงดอง ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูจากขิงที่ได้รับความนิยมไม่น้อย
 
ไก่ผัดขิง: เป็นเมนูที่ทำได้ง่าย โดยใช้ส่วนประกอบ และเครื่องปรุงไม่มากนัก ได้แก่เนื้อไก่ ขิงซอย กระเทียม หอมหัวใหญ่ พริกชี้ฟ้า ต้นหอม เห็ดหูหนู ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย
 
เริ่มต้นการทำเมนูนี้ด้วยการหั่นไก่เป็นชิ้นพอดีคำ แล้วนำมาหมักกับซีอิ๊วขาวประมาณ 10 นาที จากนั้นก็ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน ใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้หอม จากนั้นให้ใส่ไก่ที่หมักไว้ลงไปผัดจนเกือบสุก จากนั้นก็ใส่ขิง หอมใหญ่ เห็ดหูหนู ลงไปผัดให้สุกทั่วกันทั้งกระทะ เมื่อสุกแล้วให้ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย และน้ำตาลตามใจชอบ
 
ซุปขิงทะเล: เมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้ความนิยมเป็นอย่างมาก และเมนูนี้เป็นเมนูจากฝั่งยุโรปมากกว่าฝั่งเอเชีย วิธีทำซุปขิงทะเลเริ่มต้นด้วยการลวกอาหารทะเลตามต้องการให้สุก แล้วพักไว้ จากนั้นนำหอมใหญ่สับผัดกับน้ำมันมะกอก ใส่ขิง ต้นหอม พริกไทย และมันฝรั่งลงไปผัดรวมกันให้พอสุก แล้วเติมไวน์ขาวผัดต่อสักครู่
 
เมื่อผัดจนเข้ากันดีแล้วให้เติมน้ำสต๊อก หรือน้ำเปล่าลงไปต้ม ปรุงรสด้วยเกลือ จนมันฝรั่งนิ่มแล้วปิดไฟ พักให้เย็น จากนั้นนำลงไปปั่นให้ละเอียด และกรอง นำน้ำซุปที่กรองได้แล้วไปต้มให้ร้อนอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดไฟ และเติมครีมสด คนให้เข้ากัน นำอาหารทะเลที่ลวกเตรียมไว้มาใส่ ก็จะได้ซุปชิงทะเลแสนอร่อย

8. ของหวานจากขิง

นอกจากการนำขิงมาทำเป็นเมนูของคาวแล้วนั้น การนำขิงมาทำเป็นเมนูของหวานก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ด้วยรส กลิ่น และคุณประโยชน์ของขิง ทำให้มีการสร้างเมนูของหวานจากขิงมามากมาย    
 
เมนูของหวานจากขิงที่สามารถทำเองได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น เต้าฮวยน้ำขิง โดยเมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูสุขภาพยอดนิยมเมนูหนึ่ง หรือมันต้มขิง เมนูขนมไทยที่ทุกคนล้วนต้องเคยกินในวัยเด็ก คือการนำมันมาต้มจนสุก แล้วใส่ขิงลงไปต้มด้วยเพื่อให้มีรส และกลิ่นของขิงทำให้มันต้มนั้นน่าทานมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งไอศกรีม หรือสมูทตี้ก็สามารถนำขิงมาทำได้เช่นกัน
 
มันต้มขิง: วิธีการทำมันต้มขิง เริ่มด้วยการใช้มันเทศประมาณ 500 กรัมมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ล้างให้สะอาด แล้วแช่น้ำรอไว้ จากนั้นก็นำน้ำใส่หม้อขึ้นตั้งไฟกลาง ใส่น้ำตาลกรวด เคี่ยวจนน้ำตาลละลายหมด พอน้ำเดือดให้ใส่มันเทศลงไปต้ม แล้วใส่ขิงลงไปต้มจนกว่ามันเทศจะสุก จากนั้นก็ปรุงรสตามใจชอบ
 
สมูทตี้ใส่ขิง: เป็นอีกหนึ่งเมนูสุขภาพที่สามารถทำได้ง่ายมากกว่าที่คิด เพียงแค่นำผลไม้ต่างๆ ตามต้องการรวมทั้งขิงสับไปปั่นรวมกันตามวิธีการทำสมูทตี้ปกติ จากนั้นก็ปรุงรสตามชอบ เพียงแค่นี้ก็จะได้สมูทตี้ใส่ขิงที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าที่ดีต่อสุขภาพไว้ทาน

9. ขิงเพื่อสุขภาพ

ขิงคือสมุนไพรเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง การใช้ขิงเพื่อสุขภาพนั้นสามารถใช้ทุกส่วนของขิง อีกทั้งยังสามารถทำได้หลากหลายวิธี และหลากหลายคุณประโยชน์ตามแต่จะเลือกใช้ ยกตัวอย่างเช่น
ใบขิง มีสรรพคุณบำรุงเลือด แก้อาการช้ำ ช่วยขับปัสสาวะ
ต้นขิง มีสรรพคุณระบายลม แก้ท้องเสีย แก้จุกเสียด
เหง้าขิง มีสรรพคุณแก้คลื่นไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยให้เจริญอาหาร
ดอกขิง มีสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลาย ช่วยย่อยอาหาร
รากขิง มีสรรพคุณแก้อาการจุกแน่น ขับเสมหะ
ผลขิง มีสรรพคุณบำรุงน้ำนมมารดา แก้เจ็บคอ คอแห้ง บำรุงสายตา
แก่นขิง มีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้คัน
 
จะเห็นได้ว่าขิงนั้นเป็นพืชสมุนไพรสารพัดประโยชน์ ซึ่งทุกส่วนของขิงสามารถนำไปใช้เพื่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ อย่างมากมายแล้วแต่ความต้องการ

10. คำแนะนำ

เป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติที่ไม่มีอะไรปลอดภัยทั้ง 100% ซึ่งขิงก็ไม่ได้รับการยกเว้น แม้ว่าขิงจะเป็นพืชสมุนไพรที่ประโยชน์มากมายก็ตาม เนื่องจากขิงนั้นทางสมุนไพรถือว่าเป็นยาร้อน มีคุณสมบัติในการสร้างความร้อนให้กับร่างกาย ขับเลือด ขับลม ในสมัยโบราณขิงนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในตำรายาขับประจำเดือน ดังนั้นสตรีมีครรภ์จึงไม่ควรทานชิงในปริมาณที่มากเกินไป คุณสมบัติในการขับเลือดขับลมนี้เอง เพราะขิงสามารถต้านการแข็งตัวของเลือด ผู้ที่มีปัญหาในเรื่องระบบไหลเวียนของเลือดไม่ควรรับประทานขิง เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาเลือดไม่แข็งตัวได้ ส่วนรสชาติเฉพาะของขิงที่มีรสเผ็ดร้อน ถ้าทานติดต่อกันมากไปอาจทำให้เกิดแผลในปาก รวมไปถึงอาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน

จากบทความนี้ทำให้เราได้รู้จักกับสรรพคุณต่างๆ ของขิง ได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ที่สนใจสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์จากขิง หรือจากพืชสมุนไพรที่มีอยู่รอบๆ ตัวเราเพิ่มเติมได้ ซึ่งสมุนไพรหลายอย่างนั้นมีสรรพคุณมากเกินกว่าที่เรารู้เพียงผิวเผิน หรือเข้าใจว่าเป็นแค่ส่วนประกอบในอาหาร ดังนั้นบทความเกี่ยวกับขิงบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจในสรรพคุณด้านต่างๆ ของขิงมากยิ่งขึ้น ขิงและสมุนไพรต่างๆ  นั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ด้วยความเป็นสังคมยุคใหม่ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติทำให้หลายคนมองข้ามเรื่องใกล้ตัวอย่างสรรพคุณที่ดีของสมุนไพรเหล่านี้ไป