“ดร.สกาวเดือน สายวงค์ปัญญา” คิดแบบนักวิชาการ บริหารแบบนักธุรกิจ
HBG ฉบับนี้พาคุณผู้อ่านไปรู้จักนักธุรกิจหญิงแห่งเมืองรถม้า "ดร.สกาวเดือน สายวงค์ปัญญา" อดีตอาจารย์และนักวิชาการด้านบริหารธุรกิจก่อนผันตัวเป็นดีเวลลอปเปอร์ พร้อมเทคนิคการบริหารที่นำเอาทฤษฎีสู่วิถีปฏิบัติบริหารธุรกิจแบบคนรุ่นใหม่ผนวกแนวคิดคนรุ่นก่อนได้อย่างลงตัว
พื้นเพ ดร.สกาวเดือนเป็นคนจังหวัดลำปาง ครอบครัวเริ่มต้นด้วยธุรกิจปั๊มน้ำมัน ก่อนแตกไลน์มาทำธุรกิจโรงน้ำแข็ง, ผลิตและจำหน่ายน้ำดื่ม เมื่อได้กำไรจากการทำธุรกิจคุณแม่ของเธอจะซื้อที่ดินเก็บไว้ โดยเป็นการซื้อมาขายไปบ้าง ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาที่ดินเป็นหมู่บ้านจัดสรร, หอพัก, อพาร์ตเมนต์และอาคารพาณิชย์ทั้งในตัวเมืองลำปาง และขยายมายังจังหวัดเชียงใหม่ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี จำนวนมากกว่า 15 โครงการ
เมื่อ ดร.สกาวเดือนเรียนจบปริญญาตรี ด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ก็ได้กลับมาช่วยธุรกิจครอบครัว1 ปี จากนั้นได้ไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านธุรกิจระหว่างประเทศที่ University of Hertfordshire ประเทศอังกฤษ ก่อนมาเรียนต่อปริญญาเอก สาขาภาวะความเป็นผู้นำ คณะบริหารธุรกิจ สถาบันนานาชาติมหาวิทยาลัยรามคำแหง ระหว่างนั้นใช้เวลาช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ทำงานที่บริษัททีโอที, เปิดแบรนด์เครื่องสำอางของตนเองยี่ห้อเลิฟลี่ และเป็นอาจารย์สอนพิเศษให้กับนักศึกษาระดับปริญญาโท ด้านบริหารการตลาด มหาวิทยาลัยธนบุรี และกลับมาเป็นอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการทั่วไป มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมกับช่วยธุรกิจของครอบครัวไปด้วย
แม้จะคร่ำหวอดอยู่ในสายนักวิชาการมานาน แต่ด้วยหัวใจที่รักการขายและคลุกคลีกับธุรกิจตั้งแต่เด็กทำให้ดร.สกาวเดือนมีความคิดที่อยากจะประยุกต์ทฤษฎีความรู้ที่มีสู่การปฏิบัติจริงในธุรกิจให้เกิดผลสำเร็จ และสามารถสอนคนอื่นได้จากสิ่งที่ทำจริงไม่ใช่เป็นเพียงแค่ทฤษฎี จึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นอาจารย์และเข้าสู่นักธุรกิจเต็มตัว
การผันตัวมาเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มต้นเมื่อ ดร.สกาวเดือนซื้อบ้านที่เชียงใหม่ ทำให้รู้ว่าผู้ซื้อต้องการอะไร และจะตอบโจทย์นั้นได้อย่างไร ยิ่งได้มีบทบาทเป็นผู้บริหารโครงการเอสวันอพาร์ตเมนต์ก็ยิ่งทำให้เข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เช่าหอพัก-อพาร์ตเมนต์จะขยับความต้องการที่อยากจะซื้อบ้านหรือคอนโดฯ เป็นของตัวเอง เมื่อทราบความต้องการและมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนแล้วจึงตัดสินใจเปิดตลาดที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมโครงการแรก กับ “เอสวัน คอนโดมิเนียม” ย่านบวกครก ใช้เวลาเปิดขายเพียง 2 เดือน สามารถขายจนเหลือ 7 ยูนิต จากจำนวน 63 ยูนิต
“คนที่อยากซื้อบ้านหรือคอนโดฯ เขาต้องการโครงการที่มีคุณภาพ ราคาจับต้องได้ คนกลุ่มนี้ต้องการบ้านหลังแรกแต่อาจไม่ใช่หลังสุดท้าย ดังนั้นเราจึงดึงความต้องการมาเป็นจุดแข็งให้กับเอสวัน คอนโดมิเนียมที่เน้นความเป็นส่วนตัว ความคุ้มค่าของพื้นที่ใช้สอย เมื่อเทียบกับราคาเพียงล้านต้นๆ เหมาะทั้งอยู่อาศัยและการลงทุนในอนาคตด้วย เหตุนี้การตอบรับจึงดีเกินคาด” ดร.สกาวเดือนกล่าว
นอกจากการดึงทฤษฎีมาปรับใช้แล้ว ดร.สกาวเดือนบอกว่าการศึกษาเทรนด์ของตลาดและปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบัน และรู้ถึงแนวโน้มในอนาคตก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำธุรกิจ แต่หัวใจหลักสำหรับการทำอสังหาริมทรัพย์ที่เธอถอดแบบมาจากรุ่นคุณแม่คือบริหารกระแสเงินสด (Cash Flow) ต้องไม่ให้มีปัญหาเพราะนั่นบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต
ดร.สกาวเดือนกล่าวทิ้งท้ายอีกว่าการทำธุรกิจอย่ารีบร้อน ทำเท่าที่กำลังทำไหว ทำด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจทั้งต่อตัวเอง, ลูกค้า และทีมงาน สำหรับแผนในอนาคตอันใกล้นี้กำลังสร้างทีมบริหารรุ่นใหม่เพื่อเตรียมเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรบนทำเลถนนแม่โจ้-แม่ริม ส่วนโครงการแนวสูงรอดูสถานการณ์บ้านเมืองและเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่มั่นใจว่าจะมีโครงการใหม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
คนเราย่อมมีพื้นฐานชีวิตและต้องการความสำเร็จที่แตกต่างกัน ซึ่งระยะทางก่อนก้าวสู่ความสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับคนคนนั้นจะออกแบบและกำหนดเส้นทางให้เป็นไปในทิศทางใด สำหรับ ดร.สกาวเดือน นักธุรกิจหญิงมั่นคนนี้ เธอไม่ได้ทิ้งองค์ความรู้และทฤษฎีที่ผ่านมาให้หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายแต่ได้นำมาประยุกต์พร้อมผสานแนวคิดของคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า กระทั่งเกิดผลสำเร็จในสายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างที่ตั้งใจ...