การเลือกทำเลที่ดิน บ้านพัก โรงงาน สำนักงานปัจจัยสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ขาดไม่ได้คือ “ถนน” ใช่หรือไม่ เพราะหากเราเลือกทำเลสักแห่ง การมีถนนตัดผ่านถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง หลักความจริงข้อนี้สอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ย เพราะปัจจุบันถนนถือเป็นจุดจ่ายพลังแบบหนึ่งของพื้นฐานที่ควรได้รับ เพราะถนนเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อหรือนำพารถ คน หรือพาหนะรูปแบบต่างๆผ่านไปมา ซึ่งยานพาหนะเหล่านี้สามารถลาก, นำพากระแสลมหรือกระแสพลังให้ผ่านมาที่หน้าสถานที่ได้ด้วย ดังนั้นการเลือกถนนที่มี “กระแสพลังที่ดี” ทำให้มีโอกาสที่เป็น “ถนนที่มีฮวงจุ้ยที่ดี” กระแสพลังที่ดีซินแสที่มีประสบการณ์จะพิจารณาควบคู่กันไปทั้งในเชิง“ปริมาณ” และ “คุณภาพ” ด้วย โดยหากจะสรุปหลักการเลือกถนนที่มีฮวงจุ้ยถนนที่ดีเป็นหลักการง่ายๆได้ ดังนี้
เพราะถนนไม่มีพลังโดยตัวเอง ถนนเป็นสิ่งปลูกสร้างมีหน้าที่เป็นทางผ่านของพาหนะ เมื่อพาหนะเคลื่อนไหวจะมีการลาก “กระแสพลัง” ผ่าน ถนนสายใหญ่ก็มีโอกาสที่จะมีพาหนะหรือกระแสพลังไหลหลากได้มาก หรือหากเลือกได้ถนนสี่เลนสำหรับถนนสองทางสวนกันนั้นถือว่าดี เพราะรถจะสามารถวิ่งไหลได้ค่อนข้างราบรื่น ผิดกับถนนสองเลนที่หากมีรถจอดก็จะติดขัดทำให้กระแสพลังไหลไม่สะดวกเกิดเป็นกระแสอุดตันแต่หากจำเป็นต้องเลือกถนนสองเลนก็เลือกโครงการที่มีถนนกว้าง พอที่จะจอดรถและยังขับรถสวนกันได้กระแสพลังก็จะยังมีคุณภาพที่ดี ไม่เป็นกระแสอุดตัน
ถนนโค้งโอบออกแบบให้ผิวถนนเป็น Slope เทกลับมาด้านในโค้งเสมอ จึงเกิดการส่งกระแสพลังไหลเข้ามาด้านในโค้ง แม้จะไม่มีพาหนะวิ่งผ่าน ดังนั้นโค้งโอบจึงเป็นโค้งที่มีกระแสพลังในตัวเองตลอดเวลา แม้การจราจรคับคั่งหรือไม่ก็ตาม ส่วนโค้งเฉือนเวลาที่รถวิ่งจะมี “แรงหนีศูนย์กลาง” ส่งพลังออกมาให้บ้านหรืออาคารที่อยู่ด้านนอกโค้งได้ แต่จะรับพลังได้ในช่วงที่มีพาหนะวิ่งผ่านเท่านั้น เพราะถนนโค้งเฉือนจะต่างจากถนนโค้งโอบเนื่องจาก Slope ของผิวถนนจะไหลออกจากฝั่งโค้งเฉือนเท่านั้น ทำให้เมื่อไม่มีพาหนะผ่านฝั่งโค้งเฉือนจะสะสมพลังไม่ได้ ส่วนถนนตรงๆ มีเกรดของฮวงจุ้ยแบบธรรมดาไม่ดีไม่เสีย เราก็ต้องดูลักษณะอื่นประกอบไปด้วย
จุดตัดทางแยก ซึ่งมีโอกาสมีฮวงจุ้ยที่ดี
เป็นจุดที่มีกระแสพลังสะสมตัวได้มาก อาทิ รถที่วิ่งจากถนนสี่สายมาบรรจบกันที่สี่แยกจะลากพลังมาหยุดหรือมาชะลอตัวที่แยก ถือว่าจุดตัดทางแยกเป็นจุดสะสมกระแสพลังได้มาก แต่การเลือกจะอยู่ “ฝั่งใดของแยก” และ “เปิดหน้าเข้าสู่ถนนเส้นใด” เป็นสิ่งที่ต้องใช้ประสบการณ์ของอาจารย์ฮวงจุ้ย เพราะถ้าเลือกถูกฝั่งจะเป็นทำเลทองที่รับกระแสพลังตลอดเวลาโอกาสจะเจริญรุ่งเรืองสูง แต่หากเลือกผิดก็จะเจอแต่“กระแสพลังไหลออก” ตลอดเวลาได้เช่นกัน เรียกว่าหากเจอทำเลจุดตัดทางแยก จะเข้าข่ายว่า “ถ้าดีก็ดีมาก ถ้าร้ายก็ร้ายมาก” เช่นเดียวกัน
ทางสามแพร่งเป็นถนนที่ส่งพลังเข้ามาหล่อเลี้ยงที่ดินอาคาร บ้านพักตลอดเวลา เพราะแม้ไม่มีรถวิ่งผ่านแต่ถนนที่โปร่งโล่งพุ่งเข้ามาหน้าบ้านเรียกว่ามี “ช่องลม” บังคับให้ลมธรรมชาติพัดผ่าน จ่ายกระแสพลังกลับเข้ามาได้ ดังนั้นในเชิง “ปริมาณ” ผ่านแน่ เพียงแต่ซินแสต้องคำนวณทิศทางของสามแพร่งนั้นว่ามี “คุณภาพ” ของกระแสพลังที่ดีหรือไม่ หากเจอ “ช่องย่อย” ที่ดีก็เจริญรุ่งเรืองแบบ “สุดๆ” เพราะกระแสพลังที่ดีทั้งปริมาณและคุณภาพไหลเข้ามาที่อาคาร ที่พักอาศัยตลอด ยิ่งหากเข้ากับ “ดวงชะตา” ถือว่าได้ “โชคแบบสองต่อ” เป็นที่มาของความรุ่งเรืองแบบพลิกฝ่ามือ! กลับกัน หากเจอสามแพร่งที่มีจาก “ทิศเสื่อม” ก็แปลว่าอาคารถูกบังคับให้รับพลังเสื่อมตลอดเวลา มีโอกาสที่จะเกิดความเสื่อมได้มากกว่าทำเลถนนแบบอื่นๆ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม “ฮวงจุ้ยถนน” เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ซินแสมีประสบการณ์ใช้ประเมินคุณภาพของฮวงจุ้ยเท่านั้น แท้จริงแล้วเรามองปัจจัยทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน มาประเมินคุณภาพฮวงจุ้ยเพื่อช่วยปรับ, ดึงศักยภาพของที่ดินหรืออาคารสิ่งปลูกสร้าง เพื่อนำเอากระแสพลังเสริมดวงชะตาสมาชิกในบ้านให้มากที่สุด เรียกว่าต้องดูละเอียดทั้งในหลักการฮวงจุ้ยทั้งเชิงองศาทิศทาง(Compass Feng Shui Theory) และฮวงจุ้ยเชิงชัยภูมิ (Landform Feng Shui Theory) ร่วมกับการผูกดวงตามระบบวิชาการ โดยใช้ปีเดือนวันและยามเกิดมาจริงๆ(Four Pillars Destiny) เพื่อให้สามปัจจัยคือมนุษย์ ฟ้าดิน ส่งพลังถึงกันได้มากที่สุด
ผู้เขียน : อ.ตะวัน เลขะพัฒน์
ศึกษาศาสตร์ด้านฮวงจุ้ยจากสถาบันค้นคว้าวิชาการฮวงจุ้ยแห่งประเทศไทย
มีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สถาปัตยกรรม วัสดุก่อสร้าง