ใครที่รู้สึกว่าบ้านที่อยู่ช่างอับลม หรือลมไม่เข้าเสียเลย ทั้งนี้อาจมาจากการเลือกทิศทางบ้านที่ไม่เหมาะสมก็เป็นได้ครับ เรามาดูการเลือกทิศทางบ้านให้รับลมกันครับว่ามีหลักการอย่างไรบ้าง
หลักการง่ายๆ ของการเกิดลมนั้นได้แก่ความแตกต่างของอุณหภูมิของอากาศ โดยอากาศที่มีอุณหภูมิสูงจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำ อากาศที่ร้อนกว่าจะลอยตัวขึ้นสูง และอากาศที่เย็นกว่าจะเคลื่อนที่มาแทนในแนวระนาบ เมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์จึงทำให้เกิดฤดูกาลต่างๆ กันไปในรอบหนึ่งปี โดยการเกิดฤดูกาลนี้เองทำให้เกิดกระแสลมหลักๆ 2 ทิศทางในประเทศไทย ดังนี้
ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นลมที่พัดผ่านประเทศไทยในฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นอากาศที่เย็นจากพื้นทวีปโดยเฉพาะจากประเทศจีนหรือทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่านเข้ามา เราจึงเรียกกระแสลมดังกล่าวว่าลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ โดยกระแสลมจะพัดผ่านค่อนมาทางทิศเหนือเป็นหลัก
ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นลมที่พัดผ่านประเทศไทยในฤดูร้อนและฤดูฝนประมาณเดือนมีนาคม-ตุลาคมของทุกปี เราจึงเรียกกระแสลมดังกล่าวว่าลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ โดยกระแสลมจะพัดผ่านมาค่อนมาทางทิศใต้เป็นหลัก
ถ้าเราต้องการจะให้บ้านนั้นเย็นสบาย มีกระแสลมไหลเวียนเข้าบ้านอยู่ตลอดเวลา จะต้องเลือกบ้านหรืออาคารในแนวหันทิศเหนือหรือหันทิศใต้เป็นหลัก เพราะจะทำให้บ้านสามารถรับกับกระแสลมที่พัดผ่านเข้ามาได้เต็มที่ โดยถ้าบ้านหันหน้าไปทางทิศใต้ก็จะได้รับลมเป็นเวลามากกว่า เพราะลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้นั้นพัดผ่านกินเวลา 8 ใน 12 เดือน แต่หากสร้างบ้านหันหน้าไปทางทิศเหนือก็จะได้รับลมเป็นเวลาน้อยกว่าบ้านที่หันทางทิศใต้ เพราะลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือนั้นพัดผ่านกินเวลา 4 ใน 12 เดือน
ดังนั้นหากท่านต้องการเน้นลมผ่านเยอะๆ เกือบตลอดปี และส่วนตัวชอบแสงแดดก็สามารถเลือกบ้านที่หันไปทางทิศใต้ได้ แต่หากท่านยอมรับลมน้อยลงไปหน่อย แต่เน้นว่าแสงแดดไม่ค่อยเข้าที่หน้าบ้านก็สามารถเลือกบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือได้ ลองนำหลักการทิศทางบ้านไปปรับใช้กันนะครับ
ผู้เขียน : อ.ตะวัน เลขะพัฒน์
ศึกษาศาสตร์ด้านฮวงจุ้ยจากสถาบันค้นคว้าวิชาการฮวงจุ้ยแห่งประเทศไทย
มีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สถาปัตยกรรม วัสดุก่อสร้าง