ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 จนกระทั่งถึง 1970 ความเจริญของเมืองโทรอนโตในแคนาดาได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง บ้านแนวดิ่งซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทั้งในย่านกลางเมืองและแถบชานเมือง ด้วยความโดดเด่นด้านการออกแบบ และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสนามเด็กเล่นภายในโครงการ ทำให้บ้านเหล่านี้เหมาะสมกับใครก็ตามที่ต้องการอยู่อาศัยกับครอบครัว
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบ้านแนวดิ่งในโทรอนโต
เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา จำนวนของบ้านแนวดิ่งที่มีความสูง 5 ชั้นขึ้นไปเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน โดยร้อยละ 80 ของบ้านในเมืองถูกสร้างสำหรับผู้อยู่อาศัยคนเดียวหรือเป็นคู่ ขณะที่ตัวเลขของตึกสูงย่านดาวน์ทาวน์ซึ่งมี 3 ห้องนอนขึ้นไปกลับต่ำกว่าร้อยละ 10
อย่างไรก็ตาม มีชาวเมืองโทรอนโตมากมายที่ต้องการอาศัยภายในย่านใจกลางเมือง หรือบริเวณที่เอื้อต่อการเติบโตของครอบครัว โดยครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิก 3 คนขึ้นไปมีมากถึงเกือบร้อยละ 40
จากปัญหาต้องแก้สู่คู่มือชิ้นสำคัญ
เพื่อรับมือกับปัญหานี้ ในปี 2015 แผนกผังเมืองได้จัดทำรายงานการศึกษาด้านการสร้างบ้านใหม่ด้วยเนื้อที่มากกว่า 20 ยูนิตนั้นเหมาะสมกับครอบครัวที่มีเด็กอย่างไร ผู้ทำการศึกษาครั้งนี้จึงเข้าพบกลุ่มคนจาก 9 ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านแนวดิ่ง ทั้งบริเวณย่านใจกลางเมือง และแถบชานเมืองของนครโทรอนโต
Andrea Oppedisano นักวางผังเมืองให้ความเห็นว่า “เราต้องการที่จะเข้าใจพวกเขา เข้าใจปัญหาที่พวกเขาเผชิญและคิดว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันของพวกเขาให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง”
การศึกษาครั้งนี้นำไปสู่ คู่มือชิ้นสำคัญ ซึ่งสามารถนำไปใช้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของหลายครอบครัว ทั้งในโทรอนโต และเมืองอื่นๆ จนถึงประเทศต่างๆ ทั่วทวีปอเมริกาเหนือ คู่มือชิ้นนี้กำลังได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อเตรียมนำไปใช้ประกอบการพิจารณาข้อเสนอด้านอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mix-used) ซึ่งมีอยู่ทั่วเมือง
บ้านแนวดิ่งก็สร้างสุขได้...ขอแค่ใช้พื้นที่เป็น
ร้อยละ 15 ของยูนิตที่ก่อสร้างใหม่นั้นประกอบด้วย 2 ห้องนอน ขณะที่มีเพียงร้อยละ 10 ที่มี 3 ห้องนอนขึ้นไป นอกจากนี้ ผู้ศึกษาได้เสริมอีกว่า “จะดีที่สุดหากยูนิตที่ใหญ่ขึ้นถูกตั้งไว้ใกล้กัน โดยมีจำนวนชั้นที่น้อยลงและต้องมีส่วนที่ติดกับบริเวณกลางแจ้ง”
แผนกผังเมืองของโทรอนโตเล็งเห็นว่าบ้านแนวดิ่งควรมีสนามเด็กเล่นตั้งอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้เด็กๆ สามารถเล่นได้อย่างอิสระ ขณะเดียวกันก็เป็นการเอื้อให้ผู้ปกครองได้คอยดูแลลูกๆ อย่างใกล้ชิดด้วย สภาพแวดล้อมเช่นนี้จะค่อยๆ หลอมสร้างพื้นที่การเรียนรู้ของเด็กๆ บนความอุ่นใจของคุณพ่อคุณแม่ที่สามารถดูแลลูกรักได้อย่างใกล้ชิด และกลายเป็นความทรงจำอันอบอุ่นของคนในครอบครัวซึ่งจะติดอยู่ในใจเด็กๆ ไปในที่สุด
คู่มือได้แนะนำเกี่ยวกับทำธุรกิจร้านค้าที่่่บริเวณชั้นล่างของบ้านแนวดิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านขายยาและร้านค้าราคาย่อมเยา เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตแบบ Active Street Life และการแสดงให้เห็นถึงการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานของชุมชนได้เป็นอย่างดี
Andrea Oppedisano เปิดเผยว่าหนึ่งในปัญหาหลักที่เธอและเพื่อนร่วมงานพบคือ พื้นที่สำหรับจัดเก็บสิ่งของที่ไม่เพียงพอ “เราพบว่าบางครอบครัวเก็บรถเข็นเด็กไว้ในอ่างอาบน้ำ” นักวางแผนกล่าว กรณีนี้คู่มือแนะวิธีแก้ไว้ว่า ควรสร้างพื้นที่ว่างในตัวอาคารไว้ใช้สำหรับจัดเก็บสิ่งของ โดยอาจเป็นที่ล็อบบี้หรือทางเข้าอพาร์ตเม้นต์
ผู้เขียนคู่มือดังกล่าวยังแนะนำต่อว่า บ้านแนวดิ่งในแต่ละโครงการควรมีอุปการณ์ในตัวห้อง เพื่อให้การใช้ชีวิตอยู่เป็นครอบครัวง่ายขึ้น แทนที่จะต้องยุ่งยากกับใช้ของส่วนรวม มากกว่านั้น หลายครอบครัวรู้สึกว่าระเบียงและลานบ้านของพวกเขามีขนาดเล็กเกินไป โดยปัญหานี้คู่มือได้ให้วิธีการเนรมิตพื้นที่ว่างกลางแจ้งให้กว้างขึ้น เพื่อให้คนทั้งครอบครัวสามารถใช้เวลาร่วมกันได้
“จุดประสงค์ของเราคือการสร้างเมืองที่ครบวงจรและยั่งยืนต่อไปในอนาคต” Andrea Oppedisano กล่าวทิ้งท้าย
มีแล้วที่ไทย! อสังหาฯ แนวดิ่งที่ให้คุณได้มากกว่าคำว่าบ้าน
สำหรับในประเทศไทยนั้น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายเล็งเห็นถึงความสัมพันธ์ของตัวบ้านและผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะบ้านแนวดิ่งซึ่งแม้จะต้องเผชิญความท้าทายด้านพื้นที่ใช้สอย แต่การพัฒนาอสังหาฯ ยังคงต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
โครงการต่อไปนี้คือตัวอย่างของความพยายามของผู้พัฒนาอสังริมทรัพย์ในเมืองไทย ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จับมือ มิตซุย ฟุโดซัง บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แดนปลาดิบ สรรสร้างโครงการ ไอดีโอ โอทู ณ ย่านบางนา ภายใต้แนวคิด ‘ออกซิเจนของคนเมือง’ เนรมิตสวนหย่อมพร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชั้นของอาคาร แถมยังเอาใจคุณหนูๆ ด้วยสนามเด็กเล่นภายในโครงการ
เดอะนิช โมโน รัชวิภา ซึ่งพัฒนาโดย เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เป็นคอนโดมิเนียม “วิวขอบฟ้า” ที่เปิดโล่ง 360 องศา บนทำเลจตุจัตร ทั้งยังเป็นจุดเชื่อม 6 เส้นทางด่วน 8 เส้นรถไฟฟ้า ตอบโจทย์ความต้องการด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัว มาพร้อมสนามเด็กเล่น และสวนสาธารณะ ที่จะมาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของผู้พักอาศัยให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เนรมิต เดอะ แบงค็อค ทองหล่อ บรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟบนสวนลอยฟ้าบนชั้น 22 รายล้อมโครงการด้วยต้นไม้ใหญ่และกำแพงน้ำตกเสมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมบริการสนามเด็กเล่น ทำให้คอนโดแห่งนี้กลับกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาพื้นที่ดีๆ เพื่อเฝ้าดูลูกๆ เติบโตอย่างมีคุณภาพ
เพราะคำว่า บ้าน เป็นมากกว่าแค่โครงเหล็กซึ่งถูกฉาบด้วยปูน ไม่ว่าจะเป็นบ้านแนวดิ่งหรือแนวราบ เมื่อได้ขึ้นชื่อว่าบ้านแล้ว ต้องเป็นดินแดนของเด็กๆ ที่กำลังเติบโต คือพื้นที่แห่งความทรงจำที่ได้รับการหล่อหลอมขึ้นจากความรักระหว่างคนในครอบครัว
ที่มา: www.citylab.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Citylab.com, tandemarchitects.com, SENA, Ananda, pexels
บทความแนะนำ
อัพเดตสถานการณ์คอนโดรอบสถานี “ศูนย์ราชการนนทบุรี”
เจาะลึกเทรนด์ราคาคอนโดรอบสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ซื้อคอนโดต้องดูสัดส่วนที่จอดรถ !!
โอก้าซังมาบอกต่อ! เคล็ดลับการเลือกบ้านเพื่อลูกรักตามสไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น