ขายของออนไลน์ อาชีพยอดฮิตที่กำลังมาแรงเรื่อยๆ ของชาวไทย ยิ่งหลังจากสถาการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือ COVID 19 ด้วยแล้ว ทำให้หลายคนที่ Work From Home หรือได้รับผลกระทบจากงานผันตัวมาขายของออนไลน์กันอย่างคับคั่งจนบางครั้งก็กลายเป็นอาชีพประจำแทนที่อาชีพเดิมเลยก็มี แต่ปัญหาหนึ่งของคนประกอบอาชีพนี้ก็คือที่อยู่อาศัยไม่เอื้อเท่าที่ควร เรามาดูกันครับว่า บ้านแบบไหนกันแน่ที่เหมาะสมกับคนประกอบอาชีพขายของออนไลน์
การส่งสินค้าคือกิจกรรมสำคัญของคนขายของออนไลน์ เพราะนั่นคือการส่งของเพื่อให้ได้เงินกลับมา ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ส่วนใหญ่มักจะส่งพัสดุ 2 รอบหลักๆ คือเช้ากับเย็น ฉะนั้นการเลือกที่อยู่อาศัยใกล้ธุรกิจขนส่งหรือสามารถขับรถรับส่งสินค้าได้สะดวกและรวดเร็วจึงเป็นเรื่องที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ
เรื่องรูปที่จะโพสต์ขายออนไลน์ คืออีกภารกิจสำคัญที่ต้องห้ามพลาด เพราะยิ่งรูปสวย รูปดี รายละเอียดชัด ยิ่งทำให้มีโอกาสขายได้มากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ภายในห้องหรือบ้านของพ่อค้าแม่ค้านั้นจะต้องมีมุมถ่ายรูปดี ทั้งพื้นที่ตั้งฉาก ตั้งหุ่น หรือตั้งอุปกรณ์ต่างๆ และที่บ้านหรือคอนโดจะต้องมีมุมที่แสงเข้าถึงได้ดี เนื่องจากแสงธรรมชาตินอกจากจะสวยแล้ว ยังทำให้คนซื้อเห็นว่าสีสันจริงๆ เป็นแบบไหนกันแน่
สำหรับเวลาที่นิยมถ่ายก็คือช่วงเช้ามักจะได้แสงที่นุ่ม ส่วนตอนบ่ายจนถึงเย็นนั้นมักจะเป็นแสงสีธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นสีสันจริงๆ ของสินค้าครับ ฉะนั้นห้องหรือบ้านที่อยู่อาศัยควรจะมีจุดที่แสงธรรมชาติเข้า และมีพื้นที่ในการตั้งมุมถ่ายรูปสินค้าด้วยครับ
เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะติดก็คือการติดโทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ เพราะต้องคอยเช็คตลอดว่าโพสต์ที่ตั้งไป ที่บูสต์ไป หรือมีใครทักมาสอบถามข้อมูลหรือไม่ จึงต้องนั่งหรือนอนอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ตลอดจนอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของพ่อค้าแม่ค้าได้ ฉะนั้นพื้นที่ในบ้านหรือห้องคอนโดจึงควรมีพื้นที่มากพอให้พ่อค้าแม่ค้าได้ยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย หรือมีพื้นที่ส่วนกลางให้ออกกำลังกายด้วย
ไลฟ์สดขายสินค้าออนไลน์คืออีกเทคนิคการขายที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เลือกใช้ เพราะเหมือนเป็นการออกร้านรีวิวสินค้าแล้วจองหรือซื้อสินค้าได้ทันที ฉะนั้นบ้านหรือห้องคอนโดจะต้องมีมุมให้ตั้งกล้องไลฟ์ที่สวยงามดูดี พร้อมกันนั้นบ้านหรือคอนโดจะต้องเก็บเสียงได้ดีด้วย เสียงของเราจะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่นหรือมีปัญหากับห้องหรือบ้านข้างๆ ด้วย
สินค้าออนไลน์หลายประเภทพเป็นสินค้าที่เราอาจต้องซื้อมาสต็อกไว้ก่อนที่จะนำมาขาย ฉะนั้นถ้าได้ห้องหรือบ้านที่เดดานสูง มีพื้นที่ใช้สอยหรือขนาดกว้างก็จะเอื้อต่อการจัดเก็บสินค้าของเราได้เป็นอย่างดี
ด้วยความที่อาชีพขายของออนไลน์มักทำงานที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้บ้านควรจะสามารถแบ่งพื้นที่ได้เป็นสัดส่วนว่าส่วนนี้สำหรับทำงานและส่วนของการพักผ่อน เพื่อไม่ให้เวลางานกินเวลาพักผ่อนมากจนเกินไป ซึ่งแน่นอนว่าในการเลือกแบบบ้านนั้น ควรจะเป็นแบบบ้านที่มีการจัดห้องให้เป็นสัดส่วน และสามารถปรับเปรียบฟังก์ชันห้องได้ตามใจชอบ โดยจะต้องมีห้องสำหรับเป็นที่เก็บสต็อกสินค้า แพ็คสินค้า และพื้นที่จัดมุมถ่ายรูปด้วย
อีกภารกิจสำคัญของคนขายของออนไลน์คือการถ่ายรูปสินค้าให้สวยงาม น่าสนใจ ฉะนั้นต้องเลือกทิศของบ้านให้ดี โดยต้องเลือกบ้านที่มีแบบบ้านให้ห้องหรือมุมที่จะถ่ายรูปนั้นมีแสงธรรมชาติเข้าอย่างเพียงพอและถูกทิศที่แสงเข้า โดยเวลายอดนิยมที่จะถ่ายก็คือช่วงเช้าและตอนบ่าย ฉะนั้นควรเลือกบ้านที่สามารถทำห้องถ่ายภาพหรือมุมถ่ายรูปให้มีแสงธรรมชาติเข้าในจุดนั้นและช่วงเวลานั้นๆ ได้ บทความ “เลือกทิศบ้านและทิศห้องคอนโดก่อนซื้อ” และ "วางตำแหน่งของห้องให้ถูกทิศทางกับแสงแดดและลม"
ด้วยความที่การขายของออนไลน์อาจต้องมีการไลฟ์สดขายของ รวมถึงอาจต้องมีการเคลื่อนย้ายพัสดุ หรือแพ็คสินค้า ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงรบกวนกับเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจส่งผลให้มีปัญหากันได้ ฉะนั้นควรเลือกผนังบ้านที่เก็บเสียงได้ เช่น ผนังอิฐมวลเบา เป็นต้นครับ รวมถึงควรเลือกบ้านที่มีพื้นที่และมีบ้านในโครงการที่ไม่หนาแน่น เพื่อจะได้มีระยะห่างระหว่างตัวบ้านมากขึ้น ช่วยลดเสียงรบกวนได้อีกวิธีหนึ่งครับ
ด้วยความที่เราจะต้องรับส่งพัสดุบ่อยๆ ฉะนั้นทำเลที่ดีที่สุดควรจะอยู่ใกล้ธุรกิจขนส่ง ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย KERRY Flash เป็นต้น เพื่อให้สะดวกและประหยุดเวลาในการทำธุรกิจขายของออนไลน์ รวมถึงควรเลือกบ้านที่มีถนนหน้าโครงการมากกว่า 8 เมตร และมีที่จอดรถกว้างระดับหนึ่ง เพื่อให้เราสามารถขนของเข้าออกรถได้ง่าย และหากถนนกว้างก็จะทำให้เราสามารถขับรถไปส่งพัสดุได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ราคาปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อ ฉะนั้นก่อนที่จะซื้อบ้านที่เราจะอยู่เพื่อประกอบอาชีพขายของออนไลน์ได้นั้น เราควรจะดูราคาด้วยว่างบประมาณที่เราจะสามารถอยู่ได้นั้นอยู่ที่เท่าไร ซึ่งงบประมาณเท่านั้นจะได้ทำเลได้ แบบบ้านส่วนใหญ่จะเป็นแบบไหน ฉะนั้นแบบบ้านและทำเลที่ต้องการอาจไม่ได้ตามราคาที่เราสามารถซื้อได้ก็เป็นได้ ฉะนั้นเราอาจต้องตัดความต้องการเกี่ยวกับบ้านบางอย่างออกเพื่อให้ได้บ้านที่ดีและเหมาะสมกับเราที่สุด
Baania ได้รวบรวมข้อมูลเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ในเรื่องโครงการจัดสรรทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมในกรุงเทพมหานครที่เหมาะสมกับคนประกอบอาชีพออนไลน์มาให้ โดยมีลักษณะในการจัดเก็บและคัดเลือกข้อมูลมีดังนี้ครับ
จากภาพรวมจะเห็นได้ว่าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่เหมาะกับอาชีพขายของออนไลน์ส่วนใหญ่ทำเลจะอยู่ในเขตชานเมืองเป็นหลัก เช่น บางขุนเทียน บางบอน สายไหม คลองสามวา ประเวศ เนื่องจากราคาที่ดินไม่สูงเท่าใจกลางเมืองจึงทำให้สามารถสร้างโครงการแนวรายได้อย่างคุ้มค่า ที่สำคัญในมุมของผู้ซื้อโครงการบ้านจัดสรรทั้งทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวชานเมืองมีราคาเฉลี่ยถูกกว่าคอนโดใจกลางเมือง ขณะเดียวกันก็ยังสามารถวิ่งเข้าออกเมืองได้อย่างสะดวกทั้งทางด่วนหรือรถไฟฟ้า เป็นต้น
เมื่อเจาะลงมาที่โครงการบ้านเดี่ยวที่เหมาะกับอาชีพขายของออนไลน์จะพบว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ชานเมือง เช่น เขตบางขุนเทียน บางบอน ประเวศ สายไหม คลองสามวา ในส่วนของใจกลางเมืองนั้นมีน้อยมากครับ จะพบก็ได้แก่เขตวัฒนา เป็นต้นครับ สำหรับราคาเริ่มต้นจะเฉลี่ยอยู่ที่ 11.45 ล้านบาท หรือช่วงราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2.99-49 ล้านบาท
ภาพตัวอย่างเป็นบ้านเดี่ยวจากโครงการ คาซ่า วิลล์ ดอนเมือง-สรงประภา ซึ่งเป็นโครงการตั้งอยู่ในเขตดอนเมืองใกล้กับถนนสายหลัก เช่น ถนนวิภาวดี-รังสิต ทางด่วนพิเศษอุดรรัถยา โดยถนนหน้าโครงการสามารถเข้าออกได้หลายทาง ที่สำคัญอยู่ใกล้ธุรกิจขนส่งอย่างไปรษณีย์ไทย และ Kerry
สำหรับแบบบ้านของ คาซ่า วิลล์ ดอนเมือง-สรงประภา จะมีพื้นที่ใช้สอยกว้างตั้งแต่ 143 ตร.ม. ขึ้นไป มีจำนวนห้อง 5 ห้องนอน อีกทั้งยังมีห้องอเนกประสงค์อีกด้วยซึ่งจะทำให้เราสามารถจัดสรรการใช้ได้อย่างหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการ นอกจากนี้ยังมีที่จอดรถ 2 คัน โครงสร้างบ้านเป็นผนังอิฐมวลเบา และมีระยะห่างจากบ้านข้างเคียงกว้าง จึงทำให้เราได้ความเป็นส่วนตัวสูง และไม่สามารถเสียงรบกวนให้เพื่อนบ้านได้ มีราคาเริ่มต้น 6,990,000 บาทครับ
สำหรับโครงการทาวน์โฮมที่เหมาะกับอาชีพขายของออนไลน์จะพบว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ชานเมืองและมีน้อยมากต่างจากบ้านเดี่ยว เนื่องด้วยทำเลที่ตั้งและขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่ตอบโจทย์คนที่ขายของออนไลน์ที่ควรจะมีพื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. ขึ้นไป จะเห็นได้ภาพโครงการทาวน์โฮมส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตบางขุนเทียน หนองแขม ทุ่งครุ บางหว้า บางนา ยานนาวา ประเวศ สวนหลวง วังทองหลาง คันนายาว มีนบุรี คลองสามวา สายไหม และลาดกระบัง สำหรับพื้นที่ในเมืองนั้นไม่พบเลย สำหรับราคาเริ่มต้นจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.18 ล้านบาท หรือช่วงราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2.1-16 ล้านบาท
ภาพตัวอย่างเป็นโครงการทาวน์โฮมบ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ เพิ่มสิน-วัชรพล ซึ่งเป็นโครงการตั้งอยู่ในเขตสายไหมบนถนนเพิ่มสินช่วงใกล้กับถนนสุขาภิบาล 5 โดยโครงการสามารถเข้าออกได้หลากหลายเส้นทางทั้งจากถนนพหลโยธิน, รามอินทรา, สายไหม ใกล้ทางด่วนรามอินทรา ใกล้บิ๊กซีสุขาภิบาล 5 และตลาดวงศกร อยู่ใกล้ธุรกิจขนส่งอย่างไปรษณีย์ไทย และ Kerry
สำหรับแบบบ้าน โครงการบ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ เพิ่มสิน-วัชรพล เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น จะมีพื้นที่ใช้สอยกว้างตั้งแต่ 115 ตร.ม. ขึ้นไป มี 3 ห้องนอน และที่จอดรถ 2 คัน ถนนหน้าโครงการกว้างขนาด 4 เลน สะดวกในการเดินทางและการขนย้ายสินค้า และโครงการไม่หนาแน่นมากทำให้ยังคงได้ความเป็นส่วนตัวสูง มีราคาเริ่มต้นที่ 2,800,000 บาท
เชื่อว่าคนขายของออนไลน์หลายคน คงต้องการบ้านที่ถูกต้อง ตอบโจทย์ แต่ไม่รู่ว่าจะเลือกอย่างไรดี หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังหาบ้านสักหลังอยู่นะครับ